บทที่ 438 สับคุณให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น
ในเมื่อการแนะนำตัวก็เสร็จไปแล้ว การมอบหมายงานในบริษัทก็ทำแล้ว ดังนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ต่อเธอจึงยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลิกประชุมได้ค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน” เจียงเจิ้นลุกพรวดขึ้นมา แล้วชี้ไปทางเจียงสื้อสื้อที่กำลังนั่งอยู่
ความจริงตอนที่เข้าห้องมาเจียงสื้อสื้อก็ได้สังเกตเห็นเขาแล้ว แต่วันนี้เขาค่อนข้างสงบเสงี่ยม เธอจึงไม่ได้สนใจเขา แต่อยู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้ มันก็ทำให้เธออึ้งไปอยู่เหมือนกัน
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เขา
เจียงเจิ้นเดินตรงมาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เริ่มด่าทอเธอเสียงดัง “เจียงสื้อสื้อ นี่แกรู้รึเปล่าว่าตัวเองแซ่เจียง เป็นลูกสาวของฉันที่อยู่ในตระกูลเจียง?”
เจียงสื้อสื้อไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าเขา
พอเห็นการตอบสนองของเธอ เจียงเจิ้นคิดว่าเธอคงกำลังสำนึกผิดจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาจึงรีบด่าต่อว่า “แกเองก็รู้ดีว่าเจียงซื่อเป็นหยาดเหงื่อที่ฉันทุ่มเทมาครึ่งค่อนชีวิต แล้วทำไมแกถึงไม่มอบมันให้ฉันดูแล แต่กลับเอามันไปให้คนนอกแทนเนี่ยนะ!”
พอทุกคนเห็นว่าเจียงเจิ้นลุกพรวดขึ้นมาแบบนั้น พวกเขาก็รู้ในทันทีเลยว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ การที่เขาด่าทอออกมาแบบนั้น มันก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วงเจียงสื้อสื้อขึ้นมาเลย
ไม่ใช่ว่ากลัวเขาจะทำอะไรเธอหรอก เพราะจิ้นเฟิงเฉินก็อยู่ตรงนี้ด้วย แต่ที่พวกเขาเป็นห่วงคือกลัวว่าเขาจะใช้คำพูดบีบให้เธอทำตัวลำบาก และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
รอจนเขาพูดจบ เจียงสื้อสื้อจึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หนูจะยกมันให้ใครมันก็สิทธิ์ของหนู อีกอย่างการที่บริษัทต้องเป็นอย่างทุกวันนี้มันก็เกิดจากฝีมือของพ่อเองนั้นแหละค่ะ แล้วทำไมหนูถึงต้องทำให้บริษัทกลับไปตกต่ำเหมือนเดิมด้วยเหรอคะ?”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ควงแขนเจิ้นเฟิงเฉินออกไป
ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตะโกนในใจว่า “เยี่ยม!” สิ่งที่เธอพูดมานั้น ต้องการสื่อให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าเจียงซื่อตกไปอยู่ในมือของเจียงเจิ้นอีกครั้งหล่ะก็ ไม่ช้ามันก็จะถูกคนอื่นชิงไปอีก และมันยังทำให้คนที่อยากสนับสนุนเจี้ยงเจิ้นต้องตัดใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นพวกคนที่ยังมีใจให้เจียงเจิ้นอยู่ พอได้ยินเจียงสื้อสื้อพูดมาอย่างนั้น ก็ต้องเงียบปากไปในทันที
เจียงเจิ้นที่ได้แต่มองดูเธอเดินจากไป โกรธจนต้องกระทืบเท้า แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ส่วนคนที่อยากจะเยาะเย้ยเจียงเจิ้น ก็กำลังยืนมองเขาอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่ไม่ให้เกียรติ
เจียงเจิ้นหันมาถลึงตาใส่พวกเขา แล้วตะโกนด่าไปว่า “มองอะไรนักหนา ไสหัวไปซะ!”
แต่ไม่เป็นผล แววตาของคนพวกนั้นที่มองมายิ่งหนักเข้าไปเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะบอกว่าแกไม่ใช่ประธานแล้วสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกเรา
เหมือนเจียงเจิ้นเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าถ้าขืนเขายังอยู่ต่อก็รันแต่จะถูกคนดูถูกมากขึ้น ไปจากที่นี่ดีกว่า
ระหว่างทาง เจียงเจิ้นนั้นใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่รถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาเขาก็รู้สึกว่าพวกมันกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่เลย
ไม่ว่าใครก็ต้องมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของตัวเอง ยกเว้นเขาที่ต้องผิดหวังอยู่ร่ำไป
พอกลับมาถึงบ้าน เสิ่นซูหลันที่เห็นเขากลับมา ก็ได้ถามเขาด้วยความรำคาญว่า “กลับมาแล้วเหรอ? ได้ยินว่าหลินหยวนถูกเด้งแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ เป็นฝีมือของเจียงสื้อสื้อเอง” เจียงเจิ้นตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนไม่รู้จะเบายังไงแล้ว
ฟังจบเสิ่นซูหลันก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที และได้ถามไปว่า “งั้นก็แสดงว่าคุณยังสามารถอยู่ต่อในบริษัทได้อย่างสบายใจสินะ?”
พอได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเจียงเจิ้นก็เปลี่ยนไป ความโกรธเกรี้ยวในใจได้ถูกแสดงออกมาทางสีหน้า “อย่าพูดถึงมันเลย เจียงสื้อสื้อมันไปเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ไปแล้ว”
มันคือสิ่งที่เสิ่นซูหลันไม่เคยคาดคิดมาก่อน พอฟังจบเธอแทบจะเขวี้ยงกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะออกไปเลย จากนั้นเธอก็ด่าทอออกมาเสียงดังว่า “เจียงสื้อสื้อนังแพศยา กล้าเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นผู้จัดการใหญ่ ไม่เห็นหัวพ่อตัวเองเลยรึยังไง? เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!