ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 438

สรุปบท บทที่ 438 สับคุณให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 438 สับคุณให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 438 สับคุณให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 438 สับคุณให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น

ในเมื่อการแนะนำตัวก็เสร็จไปแล้ว การมอบหมายงานในบริษัทก็ทำแล้ว ดังนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ต่อเธอจึงยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลิกประชุมได้ค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน” เจียงเจิ้นลุกพรวดขึ้นมา แล้วชี้ไปทางเจียงสื้อสื้อที่กำลังนั่งอยู่

ความจริงตอนที่เข้าห้องมาเจียงสื้อสื้อก็ได้สังเกตเห็นเขาแล้ว แต่วันนี้เขาค่อนข้างสงบเสงี่ยม เธอจึงไม่ได้สนใจเขา แต่อยู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้ มันก็ทำให้เธออึ้งไปอยู่เหมือนกัน

“มีอะไรรึเปล่าคะ?” เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เขา

เจียงเจิ้นเดินตรงมาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เริ่มด่าทอเธอเสียงดัง “เจียงสื้อสื้อ นี่แกรู้รึเปล่าว่าตัวเองแซ่เจียง เป็นลูกสาวของฉันที่อยู่ในตระกูลเจียง?”

เจียงสื้อสื้อไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าเขา

พอเห็นการตอบสนองของเธอ เจียงเจิ้นคิดว่าเธอคงกำลังสำนึกผิดจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาจึงรีบด่าต่อว่า “แกเองก็รู้ดีว่าเจียงซื่อเป็นหยาดเหงื่อที่ฉันทุ่มเทมาครึ่งค่อนชีวิต แล้วทำไมแกถึงไม่มอบมันให้ฉันดูแล แต่กลับเอามันไปให้คนนอกแทนเนี่ยนะ!”

พอทุกคนเห็นว่าเจียงเจิ้นลุกพรวดขึ้นมาแบบนั้น พวกเขาก็รู้ในทันทีเลยว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ การที่เขาด่าทอออกมาแบบนั้น มันก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วงเจียงสื้อสื้อขึ้นมาเลย

ไม่ใช่ว่ากลัวเขาจะทำอะไรเธอหรอก เพราะจิ้นเฟิงเฉินก็อยู่ตรงนี้ด้วย แต่ที่พวกเขาเป็นห่วงคือกลัวว่าเขาจะใช้คำพูดบีบให้เธอทำตัวลำบาก และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

รอจนเขาพูดจบ เจียงสื้อสื้อจึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หนูจะยกมันให้ใครมันก็สิทธิ์ของหนู อีกอย่างการที่บริษัทต้องเป็นอย่างทุกวันนี้มันก็เกิดจากฝีมือของพ่อเองนั้นแหละค่ะ แล้วทำไมหนูถึงต้องทำให้บริษัทกลับไปตกต่ำเหมือนเดิมด้วยเหรอคะ?”

พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ควงแขนเจิ้นเฟิงเฉินออกไป

ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตะโกนในใจว่า “เยี่ยม!” สิ่งที่เธอพูดมานั้น ต้องการสื่อให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าเจียงซื่อตกไปอยู่ในมือของเจียงเจิ้นอีกครั้งหล่ะก็ ไม่ช้ามันก็จะถูกคนอื่นชิงไปอีก และมันยังทำให้คนที่อยากสนับสนุนเจี้ยงเจิ้นต้องตัดใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นพวกคนที่ยังมีใจให้เจียงเจิ้นอยู่ พอได้ยินเจียงสื้อสื้อพูดมาอย่างนั้น ก็ต้องเงียบปากไปในทันที

เจียงเจิ้นที่ได้แต่มองดูเธอเดินจากไป โกรธจนต้องกระทืบเท้า แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ส่วนคนที่อยากจะเยาะเย้ยเจียงเจิ้น ก็กำลังยืนมองเขาอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่ไม่ให้เกียรติ

เจียงเจิ้นหันมาถลึงตาใส่พวกเขา แล้วตะโกนด่าไปว่า “มองอะไรนักหนา ไสหัวไปซะ!”

แต่ไม่เป็นผล แววตาของคนพวกนั้นที่มองมายิ่งหนักเข้าไปเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะบอกว่าแกไม่ใช่ประธานแล้วสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกเรา

เหมือนเจียงเจิ้นเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าถ้าขืนเขายังอยู่ต่อก็รันแต่จะถูกคนดูถูกมากขึ้น ไปจากที่นี่ดีกว่า

ระหว่างทาง เจียงเจิ้นนั้นใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่รถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาเขาก็รู้สึกว่าพวกมันกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่เลย

ไม่ว่าใครก็ต้องมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของตัวเอง ยกเว้นเขาที่ต้องผิดหวังอยู่ร่ำไป

พอกลับมาถึงบ้าน เสิ่นซูหลันที่เห็นเขากลับมา ก็ได้ถามเขาด้วยความรำคาญว่า “กลับมาแล้วเหรอ? ได้ยินว่าหลินหยวนถูกเด้งแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ เป็นฝีมือของเจียงสื้อสื้อเอง” เจียงเจิ้นตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนไม่รู้จะเบายังไงแล้ว

ฟังจบเสิ่นซูหลันก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที และได้ถามไปว่า “งั้นก็แสดงว่าคุณยังสามารถอยู่ต่อในบริษัทได้อย่างสบายใจสินะ?”

พอได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเจียงเจิ้นก็เปลี่ยนไป ความโกรธเกรี้ยวในใจได้ถูกแสดงออกมาทางสีหน้า “อย่าพูดถึงมันเลย เจียงสื้อสื้อมันไปเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ไปแล้ว”

มันคือสิ่งที่เสิ่นซูหลันไม่เคยคาดคิดมาก่อน พอฟังจบเธอแทบจะเขวี้ยงกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะออกไปเลย จากนั้นเธอก็ด่าทอออกมาเสียงดังว่า “เจียงสื้อสื้อนังแพศยา กล้าเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นผู้จัดการใหญ่ ไม่เห็นหัวพ่อตัวเองเลยรึยังไง? เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”

แต่อยู่มาวันหนึ่ง ตอนที่เธอกำลังจะเข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เธอก็ได้เห็นตำรวจกลุ่มหนึ่งที่พกปืนมากำลังเข้าไปสืบค้นที่โรงแรมนั้นพอดี นั่นจึงทำให้เธอตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินสามารถแผ่อำนาจมาถึงต่างประเทศได้ และเขาจะต้องตามสืบมาถึงที่นี่แล้วแน่ๆ เมื่อถูกเขาหาเจอทุกอย่างก็จะจบสิ้นในทันที

เจียงนวลนวลรู้สึกกลัวมาก จึงไม่กล้าไปพักที่โรงแรมไหนอีก กลัวว่าใครจะแอบเอาเบาะแสไปแจ้ง รอจนเธอถูกจับไปแล้วค่อยไปรับค่าหัวอย่างง่ายดาย

เมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงต้องหาเก้าอี้เก่าๆ ในสวนสาธารณะสักตัวเพื่อใช้เป็นที่ค้างคืน

ไม่เมื่อตื่นขึ้นมา เสื้อคลุมของเธอก็ถูกขโมยไปแล้ว แถมเงินทั้งหมดที่มีก็อยู่ในนั้นด้วย

เธอไม่มีญาติหรือคนรู้จักที่อาศัยอยู่ต่างประเทศเลยสักคน ตอนนี้เงินก็ไม่มีแล้ว การใช้ชีวิตก็ยากลำบากเข้าไปทุกที

สองวันก่อนเธอก็เอากำไลที่ใส่มาไปขาย แล้วเอาเงินไปซื้อเสื้อคลุม กินข้าว แต่เมื่อเวลาผ่าน เธอก็รู้ว่ามันสิ้นหวังเหลือเกิน

หางานทำก็ไม่ได้ คนช่วยก็ไม่มี เมื่อหมดสิ้นหนทาง เธอก็เลือกที่จะขโมย

ครั้งแรกที่ขโมยก็ถูกคนจับได้แล้ว แถมยังถูกกระทืบอย่างหนักอีก จนตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย

และเธอก็เคยคิดที่จะไปเป็นขอทานด้วย แต่เจ้าถิ่นของที่นี่ก็เยอะเหลือเกิน ไม่ว่าใครก็ต้องการปกป้องอาณาเขตของตัวเอง เธอจึงถูกขับไล่ไปหลายครั้งแถมยังไม่ได้อะไรกลับมาอีก

พอมานั่งนึกถึงทุกเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งประสบมา เจียงนวลนวลก็สั่นเทาไปทั้งตัว เธอคลำหาไปทั้งตัว สุดท้ายก็ได้ล้วงเอาขนมปังครึ่งลูกที่เธอขโมยมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ค่อยๆ กัดมันทีละคำ

แล้วก็ได้เห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเธอที่กำลังพูดด้วยเสียงที่แค้นเคืองว่า “เจียงสื้อสื้อ ฉันจะต้องแก้แค้นแกให้ได้ฉันจะสับแกให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!