สรุปเนื้อหา บทที่ 597 พ่อลูกทั้งสองหนึ่งร้องหนึ่งผสาน – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
บท บทที่ 597 พ่อลูกทั้งสองหนึ่งร้องหนึ่งผสาน ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 597 พ่อลูกทั้งสองหนึ่งร้องหนึ่งผสาน
เสี่ยวเป่าวิ่งลงจากบนรถมายบัคสีดำคันหนึ่ง วิ่งตรงๆไปยังเจียงสื้อสื้อ
อย่างจับผลัดจับผลู เจียงสื้อสื้อหันหน้าก้มตัวลงกอดคนที่วิ่งเข้าหาเธอไว้ พูดไปประโยคหนึ่งอย่างร้อนรน “วิ่งช้าๆหน่อย”
เสี่ยวเป่าชนเข้าไปในอ้อมอกของเจียงสื้อสื้อ ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างภูมิใจ เรียกคำหนึ่งกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “แด๊ดดี้”
ในเวลานี้เจียงสื้อสื้อจึงรู้สึกว่า เมื่อกี้ตนเองขานรับชื่อเรียกของเสี่ยวเป่าแล้ว
อีกทั้งภาพที่พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน ง่ายที่จะทำให้เข้าใจผิดอย่างมาก
“พวกคุณคุยกันเถอะ”
เธอปล่อยเสี่ยวเป่าออก ยืนตรงก็อยากจะออกไป
อยู่ดีๆชายเสื้อของเจียงสื้อสื้อถูกดึงไว้ก้มหน้ามองเห็นสีหน้าที่น้อยเนื้อต่ำใจของเสี่ยวเป่า
เพียงเห็นเขามือดึงเสื้อของเธอไว้ อีกมือหนึ่งจับท้องอยู่
ใช้น้ำเสียงที่น่าสงสารมากพูดกับเธอว่า “หม่ามี๊ เสี่ยวเป่าหิวมาก กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าด้วยได้หรือไม่?”
ในทันทีบนใบหน้าของเจียงสื้อสื้อปรากฏสีหน้าที่ลำบากใจ
ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เธอถึงขนาดไม่สามารถปฏิเสธการเรียกร้องของเด็กคนนี้ แค่รู้สึกว่าเศร้าใจอย่างมาก
“หากว่าตอนนี้กลับบ้านล่ะก็ เสี่ยวเป่าก็ต้องกินข้าวเย็นคนเดียวอีกแล้ว แด๊ดดี้ทุกครั้งก็ต้องจัดการเรื่องงาน”
ตาที่เหมือนดั่งองุ่นดำของเสี่ยวเป่ากะพริบแล้วกะพริบอีก น้ำตาคลอกะพริบอยู่ข้างใน
สีหน้าที่จิตใจหดหู่จนทำให้คนเห็นเจ็บปวดใจ ทำให้คนใจอ่อนในทันที
เจียงสื้อสื้อได้ยินคำพูดขมวดคิ้วเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินเห็นสภาพมุมปากกระตุกเล็กน้อย ไอ้หนูนี่ ทุกครั้งให้เขากินข้าวเย็นคนเดียวที่ไหนล่ะ พูดดั่งเหมือนจริงนะ
แต่ว่าทำการแสดงต้องทำให้เป็นชุด จิ้นเฟิงเฉินแกล้งทำหน้าบึ้ง วางมาดขรึมสั่งสอนเสี่ยวเป่าพูดว่า “เสี่ยวเป่า อย่าทำให้หม่ามี๊ของแกลำบากใจ แกไม่ใช่เจอกับเธอแล้วหรือ ตอนนี้กลับไปกับผม”
ได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปในฉับพลัน เหลือบตามองเขาหนึ่งทีอย่างไม่พอใจ
“คุณอย่าดุเขา”
พูดจบจับมือของเสี่ยวเป่าขึ้นมา ก้มตัวลง เสียงอ่อนหวานถามว่า “เสี่ยวเป่าอยากกินอะไรล่ะ?”
บนใบหน้าของเสี่ยวเป่าปรากฏสีหน้าที่ดีใจในทันที พยับเมฆกวาดหายไปโดยสิ้นเชิง
กระโดดโลดเต้นขึ้นมาพูดว่า “กินอะไรก็ได้ เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันกับหม่ามี๊!”
เจียงสื้อสื้อ ยิ้มพูดว่า “งั้นก็ไปร้านอาหารที่เถียนเถียนชอบแล้วกัน แกก็น่าจะชอบนะ”
พูดจบ ก็พาเสี่ยวเป่าเดินหน้าไปยังทิศทางร้านอาหาร
ส่วนที่เธอไม่ทันสังเกต พ่อลูกทั้งสองสบตากัน ปรากฏรอยยิ้มที่ว่าแผนการสำเร็จออกมา
ทั้งสามคนไปถึงร้านอาหาร เลือกที่นั่งที่ใกล้กับหน้าต่าง
เจียงสื้อสื้อวางกระเป๋าที่อยู่ในมือลง พูดกับพ่อลูกทั้งสองว่า “พวกคุณสั่งอาหารก่อนเถอะ ฉันจะไปห้องน้ำก่อน”
“อืม” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นเขาเรียกผู้บริการมา สั่งอาหารไปหลายอย่าง
ตอนที่เจียงสื้อสื้อกลับมาจากห้องน้ำ ผู้บริการเริ่มทยอยส่งอาหารเข้ามาแล้ว
เริ่มแรกเธอยังไม่ทันสังเกตเท่าไหร่ ถึงท้ายสุดอาหารครบแล้ว อยู่ดีๆเธอรู้สึกถึงอะไรแล้ว ใจลอยจ้องมองอาหารอยู่
พูดตามตรงเธอก็ถือว่าเลือกกินมาก แต่อาหารทั้งโต๊ะที่พ่อลูกทั้งสองสั่งไว้ ถึงขนาดไม่มีสักอย่างที่เธอไม่ชอบ ล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบกิน
อีกทั้งยังมีอาหารอย่างหนึ่งที่แปลกประหลาดกว่า ล้วนถูกยกเข้ามาแล้ว
แต่ว่ายามปกติเนื่องเพราะคนในตระกูลฝู้ไม่ชอบกิน เธอมาร้านอาหารนี้ล้วนจะควบคุมไว้ไม่สั่งเมนูนี้
วันนี้อาหารจานนี้ไม่เพียงแค่สั่งแล้ว ยังตั้งใจวางไว้อยู่ต่อหน้าเธอ
ความตื่นตะลึงที่อยู่ในใจไม่น้อยกว่าเวลาใดๆ
“เป็นยังไงแล้วล่ะ อาหารไม่ถูกปากหรือ? น่าจะล้วนเป็นสิ่งที่คุณชอบกินนะ”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอเนิ่นช้าไม่ลงมือ ใจลอยจ้องมองอาหาร คิดว่าหลายปีที่ผ่านมารสชาติของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปแล้ว ในทันทีนั้นขบวนการการความคิดสลับซับซ้อนเล็กน้อย
เสี่ยวเป่าก็กะพริบตาต่อๆกันอย่างสงสัยงงงวยด้วย
“ถ้าไม่คุณสั่งใหม่เถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือจะเรียกผู้บริการเข้ามาก็จะทำการสั่งอาหารใหม่
เจียงสื้อสื้อรีบห้ามเขาไว้ ยื่นมือคีบอาหารที่อยู่ต่อหน้า
เจียงสื้อสื้อเก็บมือกลับอย่างอึดอัด
ได้ค่ะ ความเร็วที่เธอหั่นสเต็กวัวช้ามากจริงๆ
ไม่ใช่ไม่มีเรี่ยวแรง ก็คือเป็นมาโดยกำเนิด การกระทำช้าลงโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นโดยทั่วไปเธอมากินข้าวกับคนอื่นล้วนจะไม่สั่งสเต็กวัว เพราะว่าช้าเกินไป
“ขอบคุณค่ะ”
เธอขอบคุณอย่างมีมารยาท จิ้นเฟิงเฉินเพียงแค่พยักหน้าต่อๆกัน
เสี่ยวเป่าจ้องมองความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง อารมณ์ดีมาก อดไม่ได้ตัดคำ วางแผนการคราวหน้าเจอกัน
“ใช่แล้ว หม่ามี๊ คราวหน้าพาน้องสาวออกมาด้วยกันเถอะ ผมคิดถึงเธอมากนะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินคำพูด จ้องมองไปยังเจียงสื้อสื้อ สายตาแวววาว ดูเหมือนแฝงไว้ด้วยความเฝ้าปรารถนาอย่างใหญ่หลวง
เจียงสื้อสื้อถูกพ่อลูกทั้งสองจ้องมองขนาดนี้ เดิมทีที่คำพูดอยากจะปฏิเสธ ถึงข้างปากก็กลายเป็น “อืม” แล้ว
“ดีเหลือเกิน ขอบคุณหม่ามี๊ งั้นพวกเรานัดกันแล้วนะ”
เสี่ยวเป่าปรบมือในทันที เจียงสื้อสื้ออยากจะเปลี่ยนใจก็ไม่มีทางแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถึงว่าจะส่งเจียงสื้อสื้อกลับบ้าน
เพราะว่าแถวนี้เรียกรถยาก หลังจากที่เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดหนึ่งทีก็รับปากเลย
รถค่อยๆจอดอยู่หน้าประตูของตระกูลฝู้
จิ้นเฟิงเฉินลงจากรถก่อน ช่วยเจียงสื้อสื้อเปิดประตูรถออก
ไม่ลืมใช้มือหนึ่งดันไว้อยู่บนรถ ป้องกันหัวเจียงสื้อสื้อชน
การกระทำไหลลื่นเป็นธรรมชาติ เหมือนดั่งเคยทำมาหลายครั้งแล้ว
เจียงสื้อสื้อคืนสติกลับมา ออกจากในรถ ก้มตัวขอบคุณจิ้นเฟิงเฉิน “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร” จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย
พระอาทิตย์ตกดิน ยืดเงาของคนทั้งสองยาว
เงาสาดส่องอยู่บนพื้น กลายเป็นภาพที่พาดพิงอยู่ด้วยกัน งดงามสันติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!