ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 652

สรุปบท บทที่ 652 ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

อ่านสรุป บทที่ 652 ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 652 ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 652 ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาเถอะ

มือของผู้ชายนวดลงไปที่กล้ามเนื้อของเธอ สีหน้าของเจียงสื้อสื้อแดงเล็กน้อย

สัมผัสไปมาที่สองขาที่ยาวเรียวของเธอ การตอบสนองรุนแรงมาก

คิ้วของจิ้นเฟิงเฉินเลิกขึ้นเล็กน้อยพลาง จ้องมองไปที่เธอ

ไม่นาน น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นก็ทะลุผ่านหูของเจียงสื้อสื้อ

“อย่าขยับ ซ่อนให้ดี หากขยับแล้วคนทั้งงานเห็นเข้า ผมไม่รับผิดชอบนะ”

สายตาคนในงานต่างจับจ้องเป็นจำนวนมาก มีคนสังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหวตรงนี้แล้ว และหันมามองทางนี้ด้วยความสนใจ

เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินกอดผู้หญิงคนหนึ่ง สีหน้าก็แสดงความตกใจออกมา

แต่ลักษณะท่าทางในตอนนี้ ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อถูกบังไว้

หากไม่ใช่คนที่คุ้นเคย ก็คงจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉินคือเธอ

เจียงสื้อสื้อแทบจะหยุดหายใจ

หากไม่อยากให้ใครเห็น ก็แค่ปล่อยเธอลงมาก็แค่นั้น?

แม้ว่าในใจจะรู้สึกโกรธ แต่ร่างกายของเธอก็หยุดการต่อต้านแล้ว

เธอรีบซ่อนใบหน้าของเธออย่างลนลาน แนบไว้ที่หน้าอกของเขา

ลมหายใจของชายหนุ่มแผ่ซ่านเข้ามา เจียงสื้อสื้อเริ่มได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ชัดเจนขึ้น

จู่ๆก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของเขา หรือเสียงตัวเธอเองกันแน่

เธอถูกความเผด็จการของชายผู้นั้นทำให้รู้สึกโกรธ เจียงสื้อสื้อกัดฟันแน่นพลางพูดขึ้นว่า “คุณไม่มีเหตุผล!”

“อืม ผมไม่มีเหตุผล”

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินได้ยินน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนโยนและดุดันของเธอ ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มอ่อนๆออกมา

เมื่อน้ำเสียงอ่อนโยนจบลง ในใจก็รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย หากฟังอย่างตั้งใจก็จะรู้สึกถึงน้ำเสียงความรักและเอ็นดูที่แฝงอยู่

เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะพูดอะไรออกมา รับรู้ได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเดินออกไปจากงานเลี้ยงอย่างรีบร้อน

แต่ละก้าวๆ เวลาราวกับนั้นได้หยุดลง

งานเลี้ยงที่ครึกครื้น จู่ๆก็เงียบลง

เจียงสื้อสื้อไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง จับชายเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่น

พยายามกลั้นหายใจอยู่ในอ้อมอกของเขา ไม่กล้าจะจินตนาการว่าคนภายนอกจะมีการตอบสนองอย่างไร

ไม่นาน เจียงสื้อสื้อก็ได้ยินเสียงประตูรถถูกเปิดออก

เธอถูกจิ้นเฟิงเฉินค่อยๆวางเธอลงที่เบาะหลังรถ

ภายในรถ แสงไฟมืดมิดเผย ใบหน้าสีขาวนวลของเจียงสื้อสื้อออกมา

เธอเงยหน้าขึ้นมามองไปยังดวงตาดำของจิ้นเฟิงเฉิน

ริมฝีปากขยับเล็กน้อย กำลังที่จะตำหนิการกระทำเมื่อสักครู่ของเขา จิ้นเฟิงเฉินกลับก้มหน้าลง พลางใช้กระโปรงปิดที่ขาของเธอ

“คุณจะทำอะไร?”

เจียงสื้อสื้อขนลุกซู่ทั้งตัว ร้องขึ้นด้วยความตกใจ และถอยกลับไปอย่างอัตโนมัติ

จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองท่าทีขวัญหนีดีฝ่อของเธอลูบหน้าผากของเธอ พลางถอนหายใจ

“รอยแผลของคุณลึกไม่น้อย คุณรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมจะไปเอายา”

เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป เมื่อเขาเดินออกไป เจียงสื้อสื้อก็คลายลมหายใจลง

เธอค่อยๆหันศีรษะไปมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง รอยช้ำแดงบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย

ไม่นาน จิ้นเฟิงเฉินนำกล่องยากลับมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปยืมมาจากที่ไหน

ช่องว่างในรถมากไม่น้อย แต่ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของตนเอง เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าที่แห่งนี้คับแคบเกินไป หายใจไม่ค่อยสะดวก

จิ้นเฟิงเฉินเปิดกล่องยาอย่างคล่องแคล่ว หยิบยาฆ่าเชื้อและสำลีไม้ออกมา

แรงที่ฝ่ามือของชายหนุ่มละเลงลงบนขาของเธออีกครั้ง กระโปรงถูกเปิดออกมาถึงบริเวณขาอ่อน

ผิวขาวถูกเผยออกมา บริเวณที่ถูกกระจกบาดก็เผยออกมาเช่นเดียวกัน

คิ้วของจิ้นเฟิงเฉินขมวดขึ้น แววตาเผยความรู้สึกปวดใจออกมา

เขานวดบริเวณใกล้ๆกับบาดแผล ฝ่ามือให้ความรู้สึกหยาบกระด้าง แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายผิวที่ละเอียดอ่อน

ท่าทีละเอียดอ่อน เบาๆทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้ไปถึงคั่วหัวใจ ในขณะนั้นเจียงสื้อสื้อก็สูดหายใจเฮือกหนึ่ง

คิดว่าบาดแผลนั้นทำให้เธอเจ็บปวด แววตาของจิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นถามเธอว่า“คุณเจ็บเหรอ?”

สีหน้าสงสัย

เจียงสื้อสื้อหน้าแดงพลางส่ายหัว“เปล่าคะ”

เจียงสื้อสื้อรู้สึกผ่อนคลายจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอยากที่จะออกจากสถานที่แห่งความอบอุ่นนี้ให้เร็วที่สุด

ลืมไปว่าที่นี่คือในรถ เมื่อลุกขึ้นศีรษะจึงไปชนเข้ากับหลังคารถ

แต่เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด เพราะมือของจิ้นเฟิงเฉินรองรับศีรษะของเธอไว้

“คุณ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เจียงสื้อสื้อรีบตรวจสอบมือของจิ้นเฟิงเฉิน

เขาซ่อนมือเอาไว้ด้านหลังไม่ยอมให้เธอดู จิ้นเฟิงเฉินส่ายศีรษะพลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า“ไม่เป็นไรครับ”

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ“คุณกลัวผมมากเลยเหรอ?”

“เปล่าค่ะ”

เมื่อเจียงสื้อสื้อถูกถามเช่นนี้ก็ก้มหน้าลงพลางส่ายหัว

เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินได้รับบาดเจ็บในใจก็รู้สึกไม่สู้ดีนัก

“งั้นคุณจะหลบหน้าผมทำไม?”

เจียงสื้อสื้อฟังน้ำเสียงที่หดหู่และจนปัญญา ความรู้สึกละอายใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ช่างเถอะ ผมจะส่งคุณกลับไป”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นครู่หนึ่ง พูดจบก็จะลงไป

จู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้นมา ตะโกนขึ้นว่า “ไม่ต้องกลับไปหรอก คุณนั่งรถเล่นเป็นเพื่อนฉันได้ไหม?”

นัยน์ตาดำของจิ้นเฟิงเฉินกลอกไปมาพลางจ้องมองแววตาของเธอ

เขากำลังครุ่นคิดว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เมื่อถูกสายตาของเขาจ้องมอง เจียงสื้อสื้อลูบที่ลำคอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง พลางอธิบายขึ้นประโยคหนึ่งว่า“ช่วงนี้รู้สึกอุดอู้อยากจะออกไปเดินเล่น”

ริมฝีปากของจิ้นเฟิงเฉินเผยขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเธออย่างอ่อนโยน

“ได้สิ”

เธออยากไปที่ไหน เขาสามารถไปเป็นเพื่อนเธอได้ทุกที่

ในยามค่ำคืนรถสีดำเสมือนเป็นรอยล้อรถที่ลากยาวไปตามถนนอย่างชัดเจน

รถขับมาถึงบริเวณฝั่งแม่น้ำแซน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!