ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 668

สรุปบท บทที่668 หม่ามี๊ผิดไปแล้ว: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอน บทที่668 หม่ามี๊ผิดไปแล้ว จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่668 หม่ามี๊ผิดไปแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่668 หม่ามี๊ผิดไปแล้ว

พอได้เห็นเจียงสื้อสื้อแล้ว อารมณ์ที่เยือกเย็นและกดดันของจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว กลายเป็นความอ่อนโยนมาทดแทน “กินเสร็จแล้วหรอ?”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า แล้วตอบว่า “อืม นายก็รีบกินเถอะ เดี๋ยวจะเย็น”

ยื่นมือไปรับถ้วยจากในมือของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินไม่เคยรู้สึกว่าอาหารกลางวันอร่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

อีกด้านหนึ่งนั้นแม่ฝู้ก็ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว หมอให้กลับมาพักผ่อนที่บ้านได้

ค่อยๆดูแลรักษาช้าๆ ไม่กี่วันก็สามารถทำเรื่องผ่าตัดได้แล้ว

วันที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเจียงสื้อสื้อวางธุระในมือลงทั้งหมด แล้วก็ไปส่งแม่ฝู้ออกจากโรงพยาบาล

แม่ฝู้ตื่นเต้นกว่าที่จินตนาการเอาไว้ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลนานขนาดนั้น จนเธอรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงหมดแล้ว

การที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ในเวลานี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ

เธอดึงเจียงสื้อสื้อตลอดทั้งทาง เจียงสื้อสื้อก็พูดคุยกับแม่ฝู้อย่างไว้หน้ามาก

เพราะว่าแม่ฝู้เดินไม่ได้อยู่นาน เจียงสื้อสื้อก็เลยประคองเธออยู่ด้านหน้า

ฝู้จิงเหวินกับพ่อบ้านรับผิดชอบถือข้าวของอยู่ทางด้านหลัง ฝู้จิงเหวินมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคน ความขมขื่นในใจที่มีอยู่แล้วก็ได้ฝังลึกขึ้นไปเล็กน้อย

ถ้าเกิดว่าเรื่องราวมันเป็นเหมือนที่เห็นก็ดี

แต่ว่าความจริงมันมักจะโหดร้ายเสมอ

ตอนนี้เธอไม่ได้เปิดเผยเรื่องของพวกเขาให้แม่ฝู้ได้รับรู้ คิดว่าถ้าเกิดว่าแม่รู้ล่ะก็ เกรงว่าจะต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบอย่างแน่นอน

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ฝู้จิงเหวินก็รีบกลับไปที่สถาบันวิจัย

ช่วงนี้เอาเวลาไปดูแลแม่ฝู้จนมีเรื่องหลายเรื่องที่ไม่ทันได้จัดการ ตอนนี้แม่ฝู้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปยังตำแหน่งของตัวเองแล้ว

เจียงสื้อสื้อนึกถึงเมื่อก่อนที่ตัวเองดูแลอาการป่วยของเสี่ยวเป่า ทำให้ละเลยคนแก่อย่างแม่ฝู้ไปบ้าง ในใจเธอก็รู้สึกผิดและกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประคองมือของแม่ฝู้ แล้วเจียงสื้อสื้อก็พูดว่า “แม่ ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะ”

แม่ฝู้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม แล้วก็จับมือเธอกลับพร้อมกับพูดว่า “มีเรื่องเหนื่อยไม่เหนื่อยที่ไหนกัน เถียนเถียนคือหลานสาวของแม่ แน่นอนว่าแม่ต้องไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธออย่างแน่นอน เรื่องนี้ลูกไม่ต้องเอามาใส่ใจหรอกนะ”

ตอนที่จัดการเรื่องของแม่ฝู้เสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ใส่ผ้ากันเปื้อนพร้อมกับเริ่มทำอาหารด้วยตัวเอง

ฝีมือการทำอาหารของเธอไม่เลวเลย ถนัดการทำอาหารที่บ้านมาก

แต่ว่าการดูแลคนป่วยนั้นเป็นเรื่องที่เหนื่อยอยู่แล้ว ยังไงตอนนี้แม่ฝู้ก็ยังไม่สามารถจัดการเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว

ทุกวันเมื่อถึงตอนกลางคืน จะมีความเจ็บปวดมาจากไหล่

แต่ว่าเธอก็จะหาเวลาว่างไปหาเสี่ยวเป่าที่โรงพยาบาล เสี่ยวเป่าคือคนที่เธอนึกถึงโดยตลอด

ความรู้สึกนี้มันค่อนข้างแปลก

หลายวันถัดมา เจียงสื้อสื้อกำลังจะเริ่มกินข้าว โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็สั่น

เปิดโทรศัพท์ดู จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนโทรมา

เธอรู้สึกสงสัย แล้วพูดว่า “ฮัลโหล?”

คาดไม่ถึงว่าปลายสายจะไม่ใช่เสียงที่ทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ของจิ้นเฟิงเฉิน แต่ว่ากลับเป็นเสียงที่สดใสของเถียนเถียน ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“หม่ามี๊!เถียนเถียน!”

เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะทำยังไงดี แววตาของเธอก็กลายเป็นอ่อนโยนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“ตอนนี้ถึงจะคิดถึงหม่ามี๊ขึ้นมาได้สินะ? เจ้าเด็กคนนี้”

หลายวันนี้เธออยู่ที่บ้านฝู้ดูแลแม่จิ้น ส่วนเด็กน้อยก็อยู่ที่บ้านจิ้น

เถียนเถียนกลับเพลิดเพลินไปหน่อย

ที่นี่มีพ่อ พี่ และปู่กับย่าที่เธอชอบ

แล้วผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าคุณอานั้นก็หล่อมากเช่นกัน เถียนเถียนก็เลยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่ตระกูลฝู้

มือเล็กๆของเถียนเถียนถือโทรศัพท์ที่ค่อนข้างจะใหญ่ ดูแล้วน่าขำเล็กน้อย

เธอเบะปาก และพูดอย่างออดอ้อนว่า “เถียนเถียนไม่ได้เป็นแบบนั้นซะหน่อยค่ะ เถียนเถียนคิดถึงหม่ามี๊ทุกวันเลย แต่ว่า หม่ามี๊ไม่ได้มาหาเถียนเถียนนานแล้ว พี่ชายก็ฟื้นตัวได้ดีมากเลยด้วย”

เถียนเถียนหัวเราะหัวเราะอย่างร่าเริง ใบหน้าเล็กๆผิวขาวเนียนสะอาด “เถียนเถียนคิดถึงหม่ามี๊จริงๆนะคะ!”

หลายคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแม่จิ้นก็อุ้มเถียนเถียนไปอีกฝั่งหนึ่ง

เหลือช่องว่างให้ทั้งสองคนได้คุยกัน

เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูพ่อจิ้นแม่จิ้นเล่นกับเถียนเถียนอย่างสนุกสนาน

เธอเกยคางแล้วถอนหายใจ “ตอนแรกอยากพาเถียนเถียนกลับบ้านด้วย ตอนนี้คุณลุงคุณป้าดูเข้ากับเถียนเถียนได้ดีมาก ฉันก็อดไม่ได้ที่จะพรากพวกเขาออกจากกัน”

พอจิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างมาก แต่ว่าสีหน้าที่แสดงออกมาก็ยังคงเย็นชาและสงบนิ่ง

แต่ว่ามุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นความคิดของเขา

เขาเลิกคิ้วขึ้น แล้วตอบว่า “ในเมื่อเถียนเถียนชอบที่นี่ งั้นก็ทำตามใจเธอเถอะ”

เรื่องราวมาเป็นแบบนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อหสังแค่ว่าพวกลูกๆของเธอจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงและมีความสุข

ทุกๆวันเถียนเถียนได้ยิ้มอย่างมีความสุขสนุกสนาน เธอก็พอใจแล้ว

เธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินด้วยความลำบากใจเล็กน้อย และเจียงสื้อสื้อก็พูดว่า “อืม สุดท้ายก็ต้องรบกวนให้นายกับคุณลุงคุณป้าดูแลเถียนเถียน รู้สึกเกรงใจจริงๆเลย”

รบกวนยังไงกัน?

จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลง เขาปรารถนาจะให้เธอมารบกวนตัวเองด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรหรอก พ่อกับแม่ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร การที่ได้อยู่กับพ่อแม่ของเถียนเถียน พวกเขามีความสุขมาก”

เจียงสื้อสื้อเอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของเสี่ยวเป่า ก็ไปอยู่กับเสี่ยวเป่าครู่หนึ่ง

ตอนนี้อาการของเสี่ยวเป่าฟื้นฟูได้ดีขึ้นเยอะเลย พอเห็นเจียงสื้อสื้อก็ดีใจอย่างมาก

ดึงเธอมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง

เวลาที่ใช้กับคนที่ตัวเองห่วงใยนั้นมักผ่านไปเร็วเสมอ ตอนที่เห็นพระอาทิตย์ตกนั้น เจียงสื้อสื้อก็จำเป็นต้องลุกขึ้นและกลับออกมา

ก่อนจะกลับไปนั้นก็ถามเถียนเถียน แต่ว่าเด็กน้อยคนนี้ก็ยังไม่อยากแยกจากพ่อจิ้นแม่จิ้น เธอก็เลยจำเป็นต้องกลับบ้านไปคนเดียวก่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!