ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 701

สรุปบท บทที่ 701 ตัวเองเกิดความขัดแย้งภายในไปก่อน: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 701 ตัวเองเกิดความขัดแย้งภายในไปก่อน – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 701 ตัวเองเกิดความขัดแย้งภายในไปก่อน ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 701 ตัวเองเกิดความขัดแย้งภายในไปก่อน

วันนี้กู้เนี่ยนเอาเอกสารที่เตรียมเสร็จแล้วเข้ามาด้วย เคาะไปยังประตูของจิ้นเฟิงเฉิน

“เข้ามา”

“ท่านประธาน นี่เป็นข้อมูลที่ส่งกลับมา”

กู้เนี่ยนพูดอยู่ส่งไอแพดที่อยู่ในมือเข้าไป

“หลังจากจื่อเฟิงมาถึงที่นี่ก็หายตัวไปเลย รู้สึกเหมือนถูกคนปกป้องไว้โดยตรง บวกกับที่จื่อเฟิงเกิดเรื่องนี้อีก เป็นสิ่งที่ปิดเป็นความลับเหลือเกิน ตอนนี้ถูกทำให้รั่วไหลออกไป ผมสงสัยว่าในบริษัทมีหนอนบ่อนไส้”

พูดจบ กู้เนี่ยนถอยไปข้างๆ รอคำสั่งของจิ้นเฟิงเฉินอยู่

จ้องมองจุดแดงเล็กน้อยที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ข้างบน สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินมืดครึ้มอย่างเห็นไม่ชัด

เรื่องภายในบริษัทหลายวันนี้ที่จริงแล้วเขาก็ได้ยินมาเช่นกัน เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้นเขายังไม่มีเวลาไปจัดการ

ปัจจุบันนี้เจียงสื้อสื้อพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมาจัดการเรื่องขั้นตอนที่ซับซ้อนเหล่านี้แล้ว

หลังจากปิดไอแพดลง มือทั้งคู่ของจิ้นเฟิงเฉินประสานกัน

สายตาที่จ้องมองกู้เนี่ยนเปลี่ยนเป็นดุร้ายไม่น้อย “เรื่องนี้เขาดำเนินการสำเร็จวันหลังย่อมยังต้องลงมืออีก คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆก่อนเถอะ สังเกตสำรวจปัญหาด้านทิศทางการเคลื่อนไหวของบุคลากรที่อยู่ในแต่ละแผนกของบริษัท”

“ได้ครับ คุณชาย งั้นจื่อเฟิงฝั่งโน้นล่ะ?”

ต่อมา กู้เนี่ยนนึกถึงเรื่องของจื่อเฟิง ยังคงอดไม่ไหวเอ่ยขึ้นมาหนึ่งที

“สะกดรอยต่อไป แม้แต่เบาะแสสักอย่างล้วนปล่อยไปไม่ได้ ผมกลับอยากรู้ว่าจะสามารถหนีไปได้ถึงไหน”

พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาออกไปเลย ขับรถไปถึงโรงพยาบาล

มาถึงหน้าประตูห้องผู้ป่วยของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินหยุดการย่างก้าว

มองผ่านหน้าต่าง สามารถมองเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเธอ

คนก็ผอมลงไปเยอะมากเช่นกัน จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ช่างเจ็บปวดใจมากจริงๆ

คิ้วก็ขมวดยิ่งลึกอีก เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะว่าตนเองไม่ได้ปกป้องเธอให้ดีๆ

จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงตรงนี้ความรู้สึกผิดในใจยิ่งลึกลง

ในเวลานี้ แพทย์เจ้าของไข้ของเจียงสื้อสื้อเดินผ่านที่นี่พอดี เห็นจิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่หน้าหน้าต่างสายตาจ้องมองห้องผู้ป่วยโดยตลอด

เขาเอ่ยปากเสียงเบาๆว่า “ท่านเป็นญาติของเจียงสื้อสื้อหรือ?”

ไม่รู้ว่าคือไม่ได้ยินหรือว่าไม่อยากตอบ จิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่กับที่ไม่ได้ตอบ

เห็นเขาไม่พูดแพทย์เจ้าของไข้เอ่ยปากอีกครั้ง ระดับเสียงในครั้งนี้เพิ่มความดังขึ้นหลายส่วน

“คุณ ขอถามหน่อยว่าท่านเป็นญาติของเจียงสื้อสื้อหรือ?”

ได้ยินเสียง จิ้นเฟิงเฉินหมุนตัวมา หน้าตาที่หล่อเหลาสะท้อนเข้าสู่ในม่านตาของแพทย์เจ้าของไข้ จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างมีมารยาท

เห็นหมอที่อยู่ข้างหน้าไม่คุ้นหน้าเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากไต่ถามอย่างสงสัยงงงวย “ไม่ใช่หมอที่ก่อนหน้าคนนั้นแล้วหรือ?”

“อืม” แพทย์เจ้าของไข้จ้องมองประวัติคนไข้ที่อยู่ในมือทั้งตอบอยู่ด้วย

หลังจากอ่านจบไม่มีความผิดพลาดแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้น สบกับตาที่ลึกเงียบของจิ้นเฟิงเฉินนั้น

“อาการของคนไข้ในตอนนี้สงบนิ่งลงชั่วคราวแล้ว แต่ว่าตอนที่เธออยู่ในฝันมักจะเรียก ‘จิ้นเฟิงเฉิน’ สามตัวนี้ ไม่รู้ว่าคนคนนี้ท่านรู้จักไหม?”

ได้ยินเสียง มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินยักโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่หายไปในชั่วพริบตาเดียว

สายตาเหลือบมองเจียงสื้อสื้อที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยหนึ่งทีแล้วก็เก็บกลับมา พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกกับแพทย์เจ้าของไข้

“งั้นวันหลังท่านก็ให้เขามาโรงพยาบาลมากหน่อย นี่ช่วยในการฟื้นฟูของคนไข้ได้”

พูดจบ ในออฟฟิศมีคนเรียกชื่อของแพทย์เจ้าของไข้ เขารีบพูดว่า “ขออภัย ผมไปก่อนล่ะ”

“อืม” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างมีมารยาท หลังจากเปลี่ยนชุดเซฟตี้ทั้งตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่ขาวสะอาด

จนถึงเพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบข้างเตือนสติเขาแล้ว เขาจึงคืนสติกลับมา เอ้อระเหยลอยชายยิ้มแล้วยิ้มอีก ก็เริ่มเข้าสู่ในงานเลย

ดวงตาจิ้นเฟิงเฉินจ้องมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่ต่อหน้าอย่างเฉียบแหลม และหน้าจอกำลังฉายภาพหลังจากผู้ชายวัยกลางคนที่ได้ฟังการสนทนาของทุกคนเสร็จ ภาพที่ขมวดคิ้วอย่างแน่นนั้นอยู่

สายตาอดไม่ได้ที่จะดุร้ายขึ้นหลายส่วน นิ้วมือตกอยู่บนโต๊ะอย่างมีจังหวะ

เขาดูวิดีโอท่อนนี้ซ้ำสามรอบจึงปิด

ดูแล้วน่าจะมีหนังใหญ่จะฉายแล้ว

ตอนตีสาม เวลาคืนดึก

เวลายามค่ำคืนที่สถานการณ์อันตรายอย่างใหญ่หลวง ฆ่าคนวางเพลิง

โกดังข้างหลังของJSกรุ๊ปเงียบสนิทไปหมด ในเวลานี้ยามรักษาความปลอดภัยทั้งหมดล้วนไปนอนแล้ว

มีแต่แสงอาทิตย์ที่บางๆสาดส่องพื้นมืดแห่งนี้อยู่ ในทุ่งหญ้าที่อยู่ในบริเวณนั้นมักจะส่งเสียงร้องของแมลงทุกชนิดร้องด้วยกันเสมอ

เงามืดอันหนึ่งลอยเข้ามาจากรั้วที่สูง เงากายว่องไว

รอให้หลังจากเท้ายืนมั่นคงแล้ว เขามองหาไปรอบๆหนึ่งที ก็รู้ลู่ทางดีเดินไปยังหน้าโกดังอย่างคุ้นทาง หยิบกุญแจออกจากกระเป๋า เข้าไปอย่างง่ายดายเลย

สินค้าที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นสินค้าที่กำลังจะส่งไปวางขายอยู่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในแต่ละแห่งในวันพรุ่งนี้ และภารกิจของเขาก็คือทำลายของทั้งหมดเสร็จแล้วค่อยแพ็คกิ้งขึ้นมาใหม่ให้ดีๆ

อย่างนี้JSกรุ๊ปพรุ่งนี้ก็สามารถเป็นข่าวหน้าหนึ่ง สุดท้ายหุ้นตกต่ำลงเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะสูญสิ้นความน่าเชื่อถือก็เลยล้มละลาย

ตอนที่กำลังเตรียมตัวจะลงมือ ประตูใหญ่ของโกดังเปิดออกในทันที แสงไฟส่องทั่วทุกมุมของโกดัง

ข้างหลังของจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนเสื้อดำกลุ่มหนึ่ง เขาจ้องมองไปยังผู้ชายวัยกลางคนอย่างราบเรียบ ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดุร้าย

“พาออกไป” เสียงเหมือนดั่งยมบาลที่อยู่ในนรกเต็มเปี่ยมด้วยพลังสยบ

ผู้ชายวัยกลางคนที่ถูกไต่สวน เริ่มแรกยังไงก็ไม่ยอมรับว่าตนเองได้รับคำสั่งจากใครที่ไหนมา

แต่ว่า อีกไม่นานเขาก็รองรับการลงโทษที่ใช้ในตอนไต่สวนไม่ไหว คายความจริงออกมาเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!