เฉินเฟิงสามารถมองออกถึงความคิดของโจวจื่อเอ๋อ และไม่แม้แต่จะติดกับเลยสักนิด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โจวจื่อเอ๋อรู้สึกใจห่อเหี่ยวอย่างมาก แต่เชียนเฉินที่ถูกเหยียบไว้ใต้เท้าอยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก
โจวจื่อเอ๋อพูดออกไปอย่างตระหนกใจ: “คุณชายเฉิน ในเมื่อคุณไม่ยอมเข้าไป อย่างนั้นฉันก็คงต้องพึ่งตัวเองเข้าไปช่วยพวกเขาแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณชายเฉินได้เห็นโจวจื่อเอ๋อที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บแล้ว ตอนนั้นคุณชายเฉินอย่าได้เห็นใจเด็ดขาด”
ทว่าเฉินเฟิงไม่เชื่อว่าเธอจะเดินเข้าไปช่วยจริงๆ ดังนั้นจึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองเธอแทน ราวกับกำลังพูดออกมาว่า ‘งั้นเธอก็ลองเข้าไปให้ฉันดูหน่อยสิ’
และโจวจื่อเอ๋อเพียงแค่มองพริบตาเดียวก็เข้าใจความคิดในใจของเฉินเฟิงทันที เธอเองอยากที่จะกระตุ้นเฉินเฟิงอีกสักหน่อย แต่เฉินเฟิงกลับดูเหมือนจะมีทิฐิสูงใช่ย่อย
โจวจื่อเอ๋อถึงกับกระทืบเท้าอย่างไร้หนทาง ก่อนจะเดินเข้าไปจริงๆ
เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้น ก็ดึงตัวโจวจื่อเอ๋อเอาไว้ทันที
“นี่คุณจะเข้าไปเองจริงๆ เลยหรอ! คุณไม่กลัวว่าจะโดนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บงั้นหรอ?”
โจวจื่อเอ๋อกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มออกมา: “แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ คุณชายเฉินไม่ยอมเข้าไป ฉันก็ต้องพึ่งตัวเองเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา”
เฉินเฟิงรู้ตัวทันทีเลยว่าวันนี้เขาไม่มีทางหนีพ้นแผนการของหญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนี้เสียแล้ว
“ก็ได้ คุณชนะแล้ว ผมเข้าไปช่วยพวกเขาเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปทันที
ตอนนี้คนที่โดนอีกฝ่ายกำลังเหยียบอยู่ตรงหน้าอกอย่างเชียนเฉินไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนยังไง อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เขาคนนั้นยิ้มเยาะขึ้นมา : “กูจะรอดูสิว่ามึงจะยังกล้าดีกับกูอีกหรือไม่ ครั้งหน้ามาอีกมึงก็คงจะรู้แล้วสินะว่าควรทำตัวยังไง”
เชียนเฉินพูดขึ้นอย่างเกลียดชัง: “ทางที่ดีคุณควรปล่อยผมจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่ได้ตายดีแน่”
แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ อีกฝ่ายกลับยิ่งเดือดดาลมากขึ้น จนแรงกดใต้เท้านั้นยิ่งเพิ่มแรงเข้าไปอีก ซึ่งนั่นทำให้เฉินเฟิงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก พร้อมกับกุมเท้าของชายคนนั้นอย่างแน่น แต่นั่นกลับเป็นเหมือนดังหินก้อนใหญ่อันหนักอึ้ง
“ปล่อยเขาไปเถอะครับ” เฉินเฟิงเดินมาตรงหน้าชายคนนั้น แล้วพูดออกมาอย่างพยายามเลี่ยงปัญหามากที่สุด
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นว่าเฉินเฟิงเองก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไร ทั้งยังรู้สีกว่าเขาดูจะอ่อนแอยิ่งกว่าพวกเขาเหล่านี้อีก แต่ดันกล้ามาพูดลองดีแบบนี้ยิ่งกว่าคนอื่นๆซะงั้น
เขาทำเหมือนตัวเองกำลังถูกเฉินเฟิงเล่นตลกด้วย ดังนั้นจึงหัวเราะ “ฮ่าๆ” ออกมาเสียง : “ตอนแรกก็คิดว่าเจ้าพวกนี้นั้นประสาทมากพอแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สมองยิ่งมีปัญหาเข้ามาอีก นี่มึงอยากให้กูช่วยล้างสมองมึงงั้นหรือไง!”
แต่ทว่าเฉินเฟิงกลับยิ้มขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ชายคนนั้นยิ่งมีความสุขมากยิ่งขึ้น
“แกคงจะไม่ได้ตกใจจนบ้าไปแล้วหรอกใช่ไหม ถึงได้มายืนยิ้มอยู่ตรงนี้” เขาปล่อยเชียนเฉินที่อยู่ใต้เท้า แล้วเข้าไปหาเฉินเฟิงแทน
ทางด้านเฉินเฟิงเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รอให้เขาเดินเข้ามาหา
ชายคนนั้นเดินหัวเราะคิกคักพร้อมกำหมัดเข้าไป ทั้งยังจงใจลองตวาดหมัดไปตรงหน้าของเฉินเฟิง แต่เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่ได้การตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น เขาจึงยิ่งโมโห
“แม่งเอ๊ย มึงรนหาที่ตายเอง อย่าได้โทษกูแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หมัดหนึ่งก็พุ่งเข้าไปใส่หน้าของเฉินเฟิงทันที
เดิมทีตามการคาดการณ์ของเขาแล้ว เฉินเฟิงก็คงจะเป็นอีกคนที่ได้ลงไปนอนกับพื้นแล้ว
แต่แล้วหมัดนั้นกลับหยุดอยู่เพียงตรงนั้น ไม่มีทางเคลื่อนไหวไปมากกว่านั้นได้อีก
เขาจ้องมองไปยังเฉินเฟิงอย่างประหลาดใจ เพราะหมัดของเขานั้นถูกเฉินเฟิงกุมเอาไว้ได้ ถึงขนาดที่เขาอยากจะชักหมัดของตัวเองกลับมา ยังถือเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
เขามองไปที่เฉินเฟิงด้วยความตื่นตระหนก: “มึงเป็นใครกันแน่?”
เฉินเฟิงไม่ตอบแต่ถามกลับแทน: “ใครที่ส่งคุณมาจัดการพวกเขา”
เฉินเฟิงชี้ไปยังเชียนเฉิน เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าจะมีคนมาหาเรื่องคนอื่นเพียงเพราะเรื่องการตกปลาจริงๆ ทั้งยังไม่พูดไม่จาให้ชัดเจนก็ใช้กำลังเสียแล้ว
ชายคนนั้นเจ็บปวดจนหน้าแทบจะบิดเบี้ยว แต่กลับยิ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากขึ้น เมื่อเฉินเฟิงพูดจี้ถูกจุดพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...