เสียงคำรามของเกาเจี๋ย เกือบจะทำให้หูของผู้จัดการล็อบบี้หนวก
ตอนนี้สีหน้าของผู้จัดการล็อบบี้ขาวซีด
คนที่สามารถทำให้ท่านเกาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วยังต้องการจะฆ่าคุณชายของตระกูลซุนเพื่อขอโทษ.......
เขาล่วงเกินคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้
ผู้จัดการล็อบบี้เข่าอ่อนและคุกเข่าบนพื้นทันที มีกลิ่นปัสสาวะโชยออกมาจากเป้ากางเกงทันที
"คุณ คุณเย่ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ได้โปรด......."
ผู้จัดการล็อบบี้ตกใจจนพูดไม่ออก
เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจเขา อุ้มซือซือและกล่าวว่า "คุณแม่ ซีเอ๋อร์ ทำให้พวกคุณเสียอารมณ์แล้ว พวกเราเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ"
หลี่หลานมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าทำไมตระกูลจ้าวถึงได้กลัวเขามากขนาดนี้
หวางซีกระซิบว่า "ต่อไปคุณอย่าชกต่อยอีก พวกเราไม่สามารถล่วงเกินคนพวกนี้ได้ โชคดีว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของเลขาเกา มิเช่นนั้นพวกเราคงจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้"
หลี่หลานกล่าวด้วยความประหลาดใจ "เขารู้จักเลขาเกาหรือ?"
หวางซีไม่มีทางเลือกจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในผับโลกีย์ให้แม่ฟังทั้งหมด
ความจริงแล้วเกาเจี๋ยถูกปลดจากตำแหน่งเลขาหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผับโลกีย์ แต่หวางซีไม่รู้เรื่องนี้
หลี่หลานโกรธจนพูดไม่ออก "ฉันคิดว่าตัวคุณนั้นเก่งกาจ แต่ไม่คิดว่าคุณจะอวดเก่งโดยอาศัยบารมีคนอื่น! บุญคุณของเจ้าเทพที่มีต่อคุณนั้น ถ้าคุณไม่ใช้ในทางที่ถูกที่ควร ใช้ในเรื่องชกต่อยครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนนี้เจ้าเทพได้ตอบแทนบุญคุณให้คุณหมดแล้ว สมองของคุณไปโดนลาเตะมาหรือไงถึงได้โง่ขนาดนี้?"
หลี่หลานด่าเพื่ออยากให้เขาได้ดิบได้ดี
ขณะนี้ เกาเจี๋ยเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ระยะทางที่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่เขามาถึงภายในสิบนาที
ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ตบหน้าผู้จัดการล็อบบี้ไปหลายครั้ง
แล้วก็ตบหน้าตนเองหลายสิบครั้งเช่นกัน เขาโน้มตัวลงแล้วกล่าวด้วยความระมัดระวัง
"คุณเย่ ขอโทษจริง ๆ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี คุณทานอาหารก่อน ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง"
เย่เซิ่งเทียนมองเขาอย่างเย็นชา "คุณทำให้ผมผิดหวังมาก"
สีหน้าของเกาเจี๋ยขาวซีดราวกับหิมะ คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลริน "คุณเย่ ไอ้เกาผิดไปแล้ว คุณเย่โปรดลงโทษด้วย"
"ลุกขึ้นเถอะ ผมหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก"
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ขอบคุณ ขอบคุณ คุณเย่!"
เกาเจี๋ยลุกขึ้นยืนด้วยความปีติ หันหลังไปเตะผู้จัดการล็อบบี้จนกระเด็นออกไปไกล และกล่าวด้วยความโหดเหี้ยมว่า "คุณคิดจะหักแขนขาของคุณเย่ใช่ไหม? งั้นผมจะทำให้คุณสมใจ! หักแขนขาของเขาข้างหนึ่ง"
หวางซีเป็นคนใจอ่อน ไม่สามารถทนเห็นได้อีกต่อไป จึงรีบกล่าวว่า "เลขาเกา ปล่อยเขาไปเถอะ เขาไม่มีเจตนา"
เกาเจี๋ยกล่าวอย่างจริงจังว่า "คุณหวางซี นี่เป็นกฎครับ และการไว้ชีวิตของเขานั้นก็เพื่อเห็นแก่หน้าคุณ คุณเย่มีบุญคุณกับผม ไอ้สุนัขสารเลวคนนี้กล้าไม่เคารพคุณและคุณป้า มันเท่ากับดูหมิ่นผม"
หลังจากนั้นเขาก็สั่งว่า "นำไอ้สุนัขสารเลวออกไป จะได้ไม่รกหูรกตาคุณหวางซีและคุณป้า"
หลี่หลานรู้สึกอกสั่นขวัญหาย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนปากร้าย แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนใจอ่อน
เมื่อได้ยินว่าจะหักแขนขา เธอตกใจกลัวจนขาสั่นเล็กน้อย แล้วรีบกล่าวว่า "เลขาเกา ช่างมันเถอะ เขาเป็นคนน่าสงสาร ให้บทเรียนเขาก็พอแล้ว"
เกาเจี๋ยมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความลำบากใจ
เย่เซิ่งเทียนกล่าวว่า "คุณแม่และซีเอ๋อร์บอกว่าช่างเถอะ งั้นก็ช่างมันเถอะ"
"ขอบคุณเลขาเกา"
หวางซีกล่าวอย่างประหม่า
เกาเจี๋ยกล่าวด้วยความเสียใจว่า "คุณหวางซี ต่อไปคุณเรียกผมว่าไอ้เกาเถอะ ผมได้ทำความผิด และตอนนี้ผมไม่ใช่เลขาของเจ้าเทพอีกต่อไปแล้ว"
"ห๊ะ? เรื่องที่ผับโลกีย์ทำให้คุณเดือดร้อนหรือ? ทำไมเจ้าเทพถึงได้เป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้"
หวางซีกล่าวด้วยความโมโห
เธอคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเกาเจี๋ย เรื่องที่ผับโลกีย์คงไม่จบลงง่าย ๆ
การที่ตระกูลจ้าวขอโทษตนเองนั้น เกาเจี๋ยเป็นคนจัดการทั้งหมด
เกาเจี๋ยตกใจจนตัวสั่นและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "คุณหวางซี ผมเป็นคนทำผิดเอง เจ้าเทพเมตตาผมเป็นพิเศษแล้ว ตอนนี้ผมยังสามารถเป็นเจ้าของดอกบานพูนสุขได้ นี่คือผลลัพธ์ดีที่สุดแล้ว"
หวางซีถอนหายใจและกล่าวว่า "เจ้าเทพนี่ก็ช่างกระไรน่ะ ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุสักหน่อย แล้วเขาจะกล่าวหาคนดีได้อย่างไร ฉันคิดว่าเจ้าเทพเป็นคนยุติธรรม ที่แท้เขาก็เป็นคนที่ไร้เหตุผลนี่เอง"
หลี่หลานมุ่ยปากและกล่าวว่า "คนอย่างเจ้าเทพที่อยู่เหนือคนอื่น เขาทำทุกอย่างด้วยตนเองได้อย่างไร ไม่สำมะเลเทเมาก็ไม่เลวแล้ว"
เกาเจี๋ยตกใจกลัวจนเกือบร้องไห้
พวกคุณได้โปรดอย่าพูดอีกเลย
พวกคุณคนหนึ่งเป็นแม่ยายของเจ้าเทพ อีกคนเป็นภรรยาของเจ้าเทพ แล้วผมจะตอบคำถามของพวกคุณได้อย่างไร?
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "บริหารดอกบานพูนสุขให้ดี"
เกาเจี๋ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า "ผมจะปฏิบัติตามคำสอนของคุณเย่แน่นอน เชิญพวกคุณเข้าไปข้างในก่อน ผมจะลงมือทำอาหารด้วยตนเอง"
เย่เซิ่งเทียนพยักหน้า อุ้มซือซือเอาไว้ "ฝีมือการทำอาหารของไอ้เกานั้นเยี่ยมมาก ให้เกียรติลิ้มรสฝีมือเขาสักนิดเถอะ"
หวางซีและหลี่หลานจ้องเย่เซิ่งเทียน เพื่อบอกเขาว่าอย่าพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ
ถึงแม้เกาเจี๋ยจะไม่ได้เป็นเลขาของเจ้าเทพแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตนเองสามารถล่วงเกินได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความเมตตาต่อครอบครัวตนเองอีกด้วย
และขณะนี้ นายหญิงใหญ่หวางร้อนใจจนแทบเป็นบ้า
ทนายของตระกูลจ้าวส่งจดหมายมาแล้ว
เส้นตายคือวันนี้เที่ยงคืน
"คุณย่า โทรศัพท์ของหวางซีสองแม่ลูกยังปิดอยู่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...