Scala Villa…พอมาถึงที่สกาล่า สองสาวก็พากันขึ้นไปยังชั้นบนและช่วยกันทำเนื้อย่างเกาหลีตามสูตรที่เดือนนภาสอนมาอย่างสนุกสนาน
จนกระทั่งทำเสร็จแล้วมีเวลาเหลือ แพรณาราจึงเอ่ยชวนนานาทำพานาคอตต้า ซอสราสเบอร์รี่ต่อ
หลังจากทำเสร็จแล้วก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น สองสาวก็พากันออกไปนั่งคุยที่ห้องนั่งเล่น และหยอกล้ออรองที่ขี้อ้อน ทำเอานานาหัวเราะไม่หยุดกับความน่ารักของลูกหมาตัวน้อย
แพรณาราอดไม่ได้จึงสอบถามเรื่องมาร์ตินว่าอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้างนานาบอกว่ามาร์ตินถูกส่งตัวไปคุมงานก่อสร้างอย่างใกล้ชิดเลยไม่ได้เข้าบริษัท
แพรณาราถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างรู้สึกเป็นห่วงมาร์ติน กลัวว่าออร์แลนโด้จะทำอะไรที่ร้ายแรงกับอีกฝ่ายเข้า แต่พอหันกลับมาก็ตกใจที่เจอเพื่อนสาวจ้องหน้าเขม็งราวกับจะจับผิด จึงแกล้งเอ่ยถามเรื่องของอันโตนีโอ้ ว่าทำไมบีน่าถึงได้หึงหวงเขาขนาดนั้นตอนอยู่ที่ห้องอาหาร
นานาถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเล่ายังไง ครั้งแรกที่อันโตนีโอ้ไปส่งเธอกลับบ้าน แต่พอตื่นมาวันรุ่งขึ้นเธอก็นอนอยู่เตียงของเขา แถมยังเสียตัวไปแล้วตั้งหลายครั้ง ซึ่งเธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้แม้แต่น้อย และนั่นทำให้เธอแทบจะเป็นบ้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอปฏิเสธการรับผิดชอบของเขา แต่แล้วเธอก็กลับรู้สึกว่าสิ่งที่ปฏิเสธและเอาแต่วิ่งหนีคือสิ่งที่หัวใจต้องการมาตลอด เพราะทุกวินาทีที่ผ่านมาหลังจากวันนั้น ในหัวของเธอมีแต่ภาพและคำพูดของอันโตนีโอ้วนเวียนอยู่ตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่เขาหายไป เธอเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่คิดถึงผู้ชายที่โคตรจะปากเสียและกวนประสาทอย่างอันโตนีโอ้ พระเจ้า! นี่ใช่ไหมที่เขาว่า...เกลียดอะไรจะได้แบบนั้น
“ว่าไงนานา ตกลงเธอจะเล่าได้หรือยัง?” แพรณาราเอ่ยถามหลังจากที่นานาเงียบไปนาน เหมือนจะอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
“เอ่อ... คือ... คือ...” นานาเอาแต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะบอกเพื่อนสาวยังไง
“รอนานไหมครับ” ออร์แลนโด้เดินมากับอันโตนีโอ้ที่เพิ่งกลับมาถึงอังกฤษเมื่อสี่ชั่วโมงก่อน หลังจากอยู่ช่วยงานแต่งของจิมมี่เจมส์ที่ไทย
“สวัสดีครับคุณมิกิ คุณนานา” อันโตนีโอ้เอ่ยทักทายก่อนจะหันไปมองนานาที่ยืนใกล้ๆ แพรณาราแวบหนึ่ง แล้วแสร้งทำเป็นมองผ่านไป
“สวัสดีค่ะคุณพีเค/ สวัสดีค่ะ” สองสาวเอ่ยทักทายขึ้นพร้อมๆ กัน
นานารู้สึกแย่นิดๆ ที่อันโตนีโอ้ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เลยได้แต่ก้มหน้าเงียบอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก
“เห็นบอสบอกว่าคุณมิกิทำเนื้อย่างเกาหลี ผมเลยขอตามมาทานด้วยคนน่ะครับ” อันโตนีโอ้เอ่ยยิ้มๆ
“ไม่รู้ว่าพอจะสู้คุณพีเคกับพี่อลันได้หรือเปล่าค่ะ” แพรณาราออกตัว
“แหม! พี่กับพีเคก็ถูกคุณเดือนเทรนด์มาเหมือนกันจ้ะ ทำไมจะสู้ไม่ได้ล่ะคะ” ออร์แลนโด้เอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว! ลูกศิษย์คุณเดือนเหมือนกันหรือครับคุณมิกิ” อันโตนีโอ้เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น เพราะผู้เป็นนายชอบทำอาหารเวลาสังสรรค์กันที่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ ตนเลยเข้าไปช่วยบ่อยๆ ก็เลยได้เรียนรู้ไปในตัว
นั่นถือว่าเป็นข้อดีเพราะเวลาที่สังสรรค์กับแก๊งมือขวา พวกเขาก็ชอบทำกินเองที่คอนโดฯ มากกว่าจะออกไปนั่งดื่มข้างนอก
“เพิ่งเรียนทำมาได้อาทิตย์กว่าๆ ค่ะ” แพรณาราบอก
“พี่ว่าเราไปตั้งโต๊ะกันเลยดีกว่าจ้ะ เชิญที่โต๊ะครับคุณนานา” ออร์แลนโด้เอ่ยพลางผายมือเชิญสองสาว
สองหนุ่มต่างก็เอ่ยชมเนื้อย่างเกาหลีสูตรใหม่ที่กำลังฮิตคือเอากุ้งและเนื้อย่างลงไปจุ่มในมอซซาเรลลาชีสที่กำลังละลายได้ที่ ออร์แลนโด้ยกนิ้วให้อย่างถูกใจเพราะยังไม่เคยทานมาก่อน แพรณารายิ้มกว้างอย่างดีใจ ในขณะที่นานากับอันโตนีโอ้แอบมองกัน แล้วทำเป็นเมินกันไปมา ราวกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
หลังจากที่ทานเนื้อย่างเสร็จก็ตบท้ายด้วยพานาคอตต้าที่ราดซอสราสเบอร์รี่ ความหวานมันของพานาคอตต้าที่ใส่เม็ดวานิลลาไปด้วย เข้ากับรสเปรี้ยวของซอสราสเบอร์รี่ได้อย่างลงตัว
เวลา 22:19 น. นานาต้องทนกระอักกระอ่วนใจพอสมควรที่อันโตนีโอ้ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้นั่งร่วมวงด้วย ไม่ถาม ไม่มองหน้า จนเธอรู้สึกเจ็บอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงเอ่ยขอตัวกลับเพราะทนเก็บอาการที่มีไม่ไหว
“อ้าวคุณนานาจะกลับแล้วเหรอครับ? พอดีเลย! เดี๋ยวให้พีเคไปส่งครับ” ออร์แลนโด้พยักหน้าให้มือขวาคนสนิทที่นั่งใกล้ๆ อันโตนีโอ้พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าถือที่ใส่เอกสารเตรียมตัวไปส่งสาวเจ้า
“เอ่อ...นานาว่าจะ...” นานาอึดอัดใจ พยายามจะหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากไปกับอีกฝ่าย
“ฝากนานาด้วยนะคะคุณพีเค” แพรณาราบอกยิ้มๆ
คนที่เพิ่งถูกฝากแอบกลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินออกไปยังประตูที่อันโตนีโอ้ยืนรออยู่
สามสิบห้านาทีต่อมา... ตลอดเวลาหลังจากที่ลงลิฟต์มาด้วยกันอันโตนีโอ้ยังเงียบไม่ยอมคุยกับเธอสักคำ นานากัดปากข่มความน้อยใจ และความรู้สึกสารพัดที่วิ่งวนเข้ามา เมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ที่บีน่าหาเรื่องเธอ เพราะหึงหวงคนที่กำลังขับรถไปส่งเธอกลับบ้านตอนนี้
‘อีตาบ้านี่โกรธที่เธอตบยัยบีน่าหรือเปล่านะ? หึ! คงจะเคยกันบ่อยสิท่า ถึงว่า...ยัยนั่นเลยหึงเธอซะขนาดนั้น จะว่าไปไอ้บ้านี่ก็มีประวัติเรื่องผู้หญิงใช่ย่อยซะที่ไหน เห็นแต่ละคนที่มีข่าวด้วยเด็ดๆ ทั้งนั้น’ นานาแอบคิดในใจเงียบๆ มาตลอดทาง จนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของตน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอเอ่ยพร้อมกับเตรียมตัวจะเปิดประตูรถ
“เดี๋ยว!”
“มีอะไรคะ!” นานาเอ่ยถามอย่างใจสั่นๆ
“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” อันโตนีโอ้เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจเธอ แต่พอเห็นหน้าเธอความตั้งใจที่มีก็แทบจะพังลง และอยากจะดึงเธอเข้ามากอด แล้วพากลับคอนโดฯ ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ห่วงคนของคุณเถอะ” นานาเอ่ยเสียงแข็งนิดๆ ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเมื่อตอนบ่าย
“ใครกัน! คนของผม ถ้าคุณหมายถึงบีน่าละก็ เธอไม่ใช่คนของผม และผมก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว” อันโตนีโอ้ รีบออกตัว
“ช่างเถอะ! นั่นมันเรื่องของคุณ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“คุณเป็นยังไงบ้าง...ช่วงที่เราไม่เจอกัน คุณโอเคไหม? เคยคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า?” อันโตนีโอ้ถามและจ้องมองอย่างค้นหา
“ฉะ...ฉันไม่รู้” หญิงสาวกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ หลังถูกถามจี้ใจดำ เธอไม่ได้โอเคเลยสักนิดเดียว มันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป
“คุณคงจะสบายใจสินะที่ไม่มีผมอยู่ในชีวิต ช่างเถอะ! ถือว่าผมไม่ได้ถามแล้วกัน” อันโตนีโอ้เอ่ยพลางยิ้มเหยียดๆ ให้ตัวเอง ที่ไม่น่าจะถามคำถามโง่ๆ ออกไป
“คุณพอจะรอสักครู่ได้ไหม” นานาถามหลังจากที่ลงจากรถ
“มีอะไรเหรอ?” อันโตนีโอ้รู้สึกหงุดหงิดที่สาวเจ้ารีบร้อนลงจากรถ
“ฉันจะเอาแหวนมาคืนให้คุณ รอแป๊บหนึ่งนะ!” นานาบอกเสร็จก็หิ้วกระเป๋าวิ่งเข้าบ้านไปทันที
อันโตนีโอ้นิ่งอึ้งและหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก ที่รู้ว่าสาวเจ้ากำลังจะคืนแหวนที่เขาตั้งใจซื้อมาขอเธอแต่งงาน ‘ช่วงที่ไม่เจอกันยี่สิบกว่าวันมานี้ เธอคิดได้แค่นี้เหรอวะ ถ้ารู้ว่าจะทำแบบนี้ เขาน่าจะพาเธอไปรำลึกความหลังซะก็ดี ไม่น่าพามาส่งบ้านเลย ให้ตายสิ!’ ชายหนุ่มสบถในใจได้เพียงครู่! ก็เห็นนานาถือกล่องใส่แหวนเดินตรงมาที่รถ เขาก็รีบกดล็อกประตูรถทันที
นานาดึงประตูรถแต่เปิดไม่ออก จึงเปลี่ยนมาเคาะที่กระจกแทนเขาหันมองด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะสตาร์ตรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ