บทที่ 58 แม่ใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว
ตอนนี้ของ moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว โดย Light-Knight ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 58 แม่ใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 58 แม่ใหญ่
ตอนที่พ่อใหญ่กำลังรู้สึกกังวลใจ ก็ได้ยินเสียงส่งมา
และประเด็นคือ จักรชัยได้ปรากฏตัวแล้ว
พูดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขัดขวาง เขาจะปล่อยพ่อแม่ตัวเองถูกเหยียบย่ำแบบนี้ได้ยังไง
“ตำรวจมาแล้ว.......”
สำหรับเสียงชายหนุ่มที่ส่งมามันน่าฟังมากๆ
คนที่วอนหาเรื่อง ก็ต้องมีนิสัยเป็นของตัวเอง
คนอื่นเขายังไม่กลัวเลย แค่กลัวตำรวจอย่างเดียว
ดั่งที่คาด จักรชัยเอ่ยพูดแบบนี้ขึ้น ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังที่นั่น
และพ่อใหญ่แม่ใหญ่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงๆนั้น จึงได้ถือโอกาสหลุดพ้นจากการขัดขวางของผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็รีบเดินออกมา
"จักรชัย,จักรชัย……"
สีหน้าของแม่ใหญ่ดูซีดขาว เวลาที่เขาเห็นจักรชัย สีหน้าของเขาดูเหมือนตื่นเต้น
ทั้งสองจึงรีบเดินไปตรงทางเดิน ตรงกลางมีเครื่องจักรอยู่หลายๆเครื่อง
ทีแรกก็แค่ยื่นตั๋วให้ก็พอ แต่วันนี้กลับถูกพนักงานเก็บตั๋วพวกนั้นดักทางไว้
ทำให้เห็นอย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฐานะที่ตัวเองมี พวกเขาก็คงอยากจะไปช่วยชายหนุ่มคนนั้น
และวันนี้ ชายหนุ่มก็ได้โทรหาคนอื่นแล้ว จากนั้นก็คงจะมีคนเข้ามาช่วยเร็วๆนี้ ทั้งสองจึงอยากจะถ่วงเวลาไว้
"พวกคุณ......"
ปกติแม่ใหญ่เป็นคนที่ใสสื่อ เรื่องบางอย่างจึงไม่สามารถมองออกได้เหมือนพ่อใหญ่
"คือว่า รบกวนพวกคุณหลีกทางหน่อย"
จากนั้นก็มองไปยังทั้งสองนั้นที่กำลังขวางทางอยู่ จากนั้นแม่ใหญ่ก็เอ่ยพูดขึ้นก่อน
ไอ้โง่
จากนัยน์ตาของทั้งสองคน จักรชัยสามารถดูออกว่าพวกเขากำลังดูถูกอยู่
ให้ตายเถอะ
พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้พ่อแม่ของตัวเองพึ่งจะมาถึง จักรชัยก็ไม่อยากมีเรื่องเยอะ เขาก็อยากจะโทรหาใครบางคนแล้ว
และตอนนี้ เขาครุ่นคิดไปสักพัก จึงจะสามารถคิดออก
"ลุงหยวน เทิดไทและยศพล……"
ขณะที่พูด จักรชัยก็ได้ควักการ์ดใบดำออกมาจากกระเป๋า
การ์ดนี้พ่อแม่เลี้ยงของเขาคงจะดูไม่ออก แต่จักรชัยรู้ดี สองคนนี้ที่ได้ต้อนรับผู้โดยสารทุกวัน ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เป็นการ์ดที่เป็นแค่สิบใบในโลก ฉันจะดูว่าแกจะไม่ยอมปล่อยคนอีกหรือไง
ทั้งใบหน้าของทั้งสองจึงแปรเปลี่ยนไป จักรชัยก็ได้เอาการ์ดดำเก็บเข้าไปในกระเป๋า
"ยังนิ่งเฉยอยู่ทำไม? ปล่อยคน"
คนที่ขายตั๋ว ทีแรกก็กำลังจะเดาว่าจักรชัยคือใคร พวกเขาจึงหยุดชะงักไป
เขามีทั้งการ์ดดำ แล้วยังมีความสัมพันธ์กับตระกูลหัสบดินทร์......
สองคนนี้คิดไปทั้งนานกลับคิดไม่ออก กลับถูกจักรชัยทำให้สะดุ้งตกใจ
"อ่อ ได้ๆๆๆ"
จากนั้นพอเห็นสีหน้าที่ดูไม่พอใจของจักรชัย ทั้งสองก็ไม่กล้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีก จึงรีบปล่อยคนไป
พอพวกเขาถูกปล่อย จึงได้วิ่งพุ่งมาหาจักรชัย แล้วร้องไห้น้ำตาคลอขึ้นมา
"จักรชัย แม่ยังนึกว่าจะไม่ได้เจอลูกสักอีก"
"แม่ครับ ทำไมถึงได้พูดอะไรแบบนี้ล่ะ"
"ผมยังหนุ่ม และต้องอายุยืนกว่าแม่อยู่แล้ว"
ทีแรกก็เตรียมตัวที่จะรับกระเป๋าเดินทางมา เมื่อกี้พอแม่วิ่งมาหาเขาแบบนี้ จักรชัยก็จึงทำได้เพียงรับเธอไว้ก่อน
พ่อใหญ่ที่อยู่ข้างๆเห็นฉากๆนี้ ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ กลับทำเสียงในลำคอไปหนึ่งที
นี่มันก็เกินไปหรือเปล่า จักรชัยอดไม่ได้ที่จะวิ่งพุ่งไปหาพ่อใหญ่แล้วพูดขึ้น
"พ่อ ทำอะไรเนี่ย?"
ทำเล่นหูเล่นตา นี่ยังเป็นพ่อของเขาอีกไหม?
ในใจจึงได้เอ่ยคำๆนี้ออกมา จักรชัยก็อยากจะบอกอะไรบางอย่างออกมา
นึกไม่ถึงว่าแม่ใหญ่กลับผลักเขาออก
"ทำไม?"
"ได้ๆ พอเห็นลูกชายฉันมีชีวิตที่ดี คนเป็นพ่อแม่ก็รู้สึกวางใจ"
จริงๆแล้ว จักรชัยก็ไม่เข้าใจความคิดของพ่อใหญ่และแม่ใหญ่
แค่เพราะว่าเขาไม่อยากจะไปปลอบใจเท่านั้น
คำๆนี้ ถ้ายิ่งปลอบใจก็ยิ่งเสียใจ
จักรชัยจึงเข้าใจในจุดๆนี้ จากนั้นก็จะไม่พูดให้มากกว่านี้
เมื่อกี้ก็แค่เพื่อที่จะให้พวกเขาสองเคยวางใจเท่านั้น
พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าได้พัวพันกับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างตระกูลหัสบดินทร์ จักรชัยก็ยังไม่อยากให้พ่อแม่มาที่นี่
ทำอะไรไม่ได้ พอใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนานๆ เขาก็เข้าใจว่าคนแกร่งมีชีวิตรอด ส่วนคนด้อยกว่าก็ต้องฝ่ายตาย
ก็ยังดีในวันนี้ ถ้าหากไม่ใช่ฐานะที่ตัวเองเป็นคุณชายเล็กของตระกูลหัสบดินทร์ก็คงไม่ได้ผล
ในใจจึงคิดอย่างละเอียดในจุดๆนี้ จักรชัยก็ไม่ได้อยากจะหาข้อแก้ตัวอะไรใดๆ
"พ่อ กระเป๋าเดินทางให้ผมเถอะ"
เขาเตรียมตัวที่จะพาพ่อแม่ของตนเองไปกินให้หนำใจสักมื้อ จากนั้นก็เซอร์ไพรส์พวกเขาสักหน่อย
"ไม่ต้อง ลูก พ่อถือเองก็พอ"
ไหนๆจักรชัยก็ไม่ยอมอยู่แล้ว และยังเรียกตัวเองว่าพ่อ พ่อใหญ่คนนั้นก็ไม่อยากพูดอะไรเยอะ จึงได้ตอบกลับ
"ไม่ใช่ พ่อ พ่อ......"
"เเดินเคียงไหล่แม่ไปข้างหน้าเถอะ พ่อยังมีแรง"
พูดจบ ก็ได้เผยกล้ามตรงแขนออกมา กล้ามเนื้อดูแข็งแรงมากๆ
"ได้"
เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเป็นทีมกู้ภัย จักรชัยจึงไม่ได้ดื้อรั้น จากนั้นก็ได้กุมมือแม่แล้วคุยเล่นกัน
เธอไม่ได้เจอลูกชายมานานแล้ว จึงรู้สึกมีความสุขมาก จากนั้นก็ได้พูดขึ้นไม่หยุด จนกว่า.......
"คุณชายเล็ก คุณชายเล็ก ทางนี้ ทางนี้......."
คนขับรอมาตั้งนานจนกว่าคุณชายเล็กจะมา ข้างกายมีคู่สามีภรรยาตามมาด้วย น่าจะเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเขา
ต้องบอกว่า ตัวเองยังถือว่าเจอพ่อแม่ที่เลี้ยงคุณชายเล็กมาเป็นครั้งแรก แม้แต่คนในตระกูลหัสบดินทร์ก็ยังไม่ทันได้เจอก่อน
แต่ว่า เขายังไม่ทันพูดขึ้นใดๆ ก็เห็นคุณชายเล็กของตัวเองพาคนเดินผ่านตัวเองไป แม้แต่เหลียวตายังไม่เหลียวเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว