หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย ขนมผิงก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงและอยู่กับเขาที่ไร่ต่อเพื่อรักษาความเป็นครอบครัวไว้ และอย่างน้อยลูกจะได้มีพ่อ ส่วนตัวเขานั้นจะสนใจหรือไม่เธอทำอะไรไม่ได้ และตอนนี้คุณหญิงกำลังนั่งป้อนผลไม้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ ดูจากอาการแล้วแพ้ท้องหนักมากเช่นกัน
"ไหวมั้ยลูก แม่ว่าฝากครรภ์ไปเลยดีกว่าส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายแม่จัดการให้เอง"
"ผมจัดการเองครับแม่เรื่องนั้น"
พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมาตัดบท ไม่ต้องมาจ่ายค่าอะไรทั้งนั้นเขามีเงินจัดการเองไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว คุณหญิงหันไปมองลูกชายอย่างไม่สบอารมณ์ จนถึงตอนนี้ยังไม่สำนึกในสิ่งที่พูดออกไปอีก เธอไม่คิดว่าลูกชายจะโง่ขนาดนี้นะ
"งั้นก็พาน้องไปฝากครรภ์ หมอจะได้ให้ยาบำรุงมา ดูหน้าน้องสิแทบไม่มีสีเลือด ถ้าทำไม่ได้ก็ให้คนอื่นดูแลไป ห่วงงานนักก็ไปทำไม่ต้องมาเฝ้า"
คุณหญิงบ่นลูกชายไม่หยุด ก็เมียนอนโรงพยาบาลเขาคงมีอารมณ์ไปทำงานต่อหรอกนะ นี่ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นเลยซักนิดยังห่วงใยเหมือนเดิมเสมอ
"ผมไม่มีอารมณ์ทำงานหรอกครับ"
"เหอะ! ผิงลูกกินเยอะๆนะจะได้แข็งแรง"
"ค่ะคุณแม่"
ขนมผิงยิ้มออกมาก่อนจะรับแอปเปิ้ลมาทานต่อ พ่อเลี้ยงมองขนมผิงที่ตอนนี้ยอมพูดคุยและแสดงสีหน้าออกมาบ้างก็ทำให้เขาสบายใจขึ้น ส่วนหลังจากนี้ขอไปจัดการซินดี้ก่อน ทำขนาดนี้เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่
"โทรศัพท์ยืมก่อนนะผิง ต้องใช้คลิปในโทรศัพท์"
"ค่ะ"
เธอตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะไม่สนใจชายหนุ่มอีกนั่นทำให้เขาหัวร้อนพอสมควร แต่เนื่องจากแม่ยังอยู่ไหนจะป้าพาอีกก็เลยทำอะไรไม่ได้ ยอมๆไปก่อนแล้วกันค่อยเคลียร์ทีหลัง
สองวันต่อมา...
พ่อเลี้ยงพาขนมผิงไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหลังจากที่หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ทั้งสองคนตรวจเลือดและอัลตร้าซาวด์ดูลูกในท้อง ถึงจะยังไม่เป็นรูปร่างแต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยิ้มออกมาได้เมื่อยังหัวใจเต้นปกติไม่เป็นอันตรายใดๆ
หญิงสาวเดินไปรับยาบำรุงก่อนจะเดินกลับมาหาพ่อเลี้ยงที่นั่งรออยู่หน้าห้องจ่ายยา
"กลับเถอะค่ะ เสร็จแล้ว"
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับหญิงสาว ใบหน้าของเธอในตอนนี้ดีขึ้นเยอะมากเมื่อได้กินยาบำรุงและตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอท้องก็ไม่ค่อยกวนใจเท่าไหร่ เธออยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองอยากกินอะไรก็กินโดยที่ไม่ต้องมาห่วงว่าเขาจะรู้ตอนไหน
"แวะกินข้าวก่อนมั้ยอยากกินอะไรรึเปล่า"
"ไม่เป็นอะไรค่ะพ่อเลี้ยง ผิงกลับไปกินที่บ้านดีกว่า มีประชุมบ่ายไม่ใช่เหรอคะไปทำงานเถอะค่ะ"
เธอไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เขา ก็แค่ท้องเองไม่ได้พิการจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอจะจัดการดูแลตัวเองทุกอย่างไม่ให้เขาต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้
"เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเองนะ ทันอยู่แล้วไปแวะกินข้าวก่อน ลุงรงค์แวะร้านอาหารข้างหน้าให้ผมที"
"ครับพ่อเลี้ยง"
ขนมผิงไม่อยากทะเลาะด้วยก็เลยปล่อยให้เขาจัดการไปโดยที่เธอทำตามที่เขาต้องการเท่านั้น เมื่อมาถึงร้านอาหารพ่อเลี้ยงคาวีก็กุมมือหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านแล้วจัดการสั่งแต่ของที่มีประโยชน์และคิดว่าเธอจะทานได้มาหลายอย่าง
"ไม่รู้ว่าจะกินได้มั้ย ลองชิมดูแล้วกัน"
เธอใช้ช้อนตักอาหารตรงหน้าให้เขาก่อนตามความเคยชินก่อนจะตักใส่จานของตัวเองแล้วลองชิมตามที่เขาแนะนำ อาการคลื่นไส้กำเริบขึ้นอีกครั้ง เธอหงุดหงิดตัวเองเป็นอย่างมากที่อ่อนแอไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น
"อุ๊บ!"
"ไม่ได้เหรอ.. งั้นเอาอย่างอื่นมั้ย"
พ่อเลี้ยงเอ่ยอย่างเป็นห่วง ตอนแรกไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรถึงมีอาการแบบนี้ แต่พอรู้ก็อดสงสารไม่ได้ คงจะแพ้ท้องหนักอย่างที่คนอื่นพูดไว้จริงๆ เล่นกินอะไรก็ไม่ได้แบบนี้ไม่ผอมลงกว่าเดิมหรือไง
"พ่อเลี้ยงกินเลยค่ะ ผิงโอเค"
เธอพยายามตักอย่างอื่นฝืนทานลงไปอย่างเชื่องช้า อย่างน้อยก็ถือว่ากินไปแล้วจะได้ไม่เสียมารยาทกับเขาด้วย ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ทำไมเขาถึงทำอะไรไม่ถูกใจเธอเลย นี่ก็ยอมทุกอย่างแล้วนะทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องลูก ทุกอย่างที่ยอมได้เขายอมหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเย็นชาขึ้นเยอะแถมไม่ออดอ้อนเขาเหมือนอย่างเคยอีก
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ไปหาของหวานกินมั้ยเผื่อจะสดชื่นขึ้น ไม่งั้นก็เดินช็อปปิ้งเล่นที่ห้างจะได้อารมณ์ดี"
"ไม่ค่ะ ผิงอยากกลับบ้าน"
หญิงสาวยังยืนยันคำเดิมจนพ่อเลี้ยงไม่กล้าขัดใจอีก ทำไมอารมณ์คนท้องมันซับซ้อนแบบนี้ก็ไม่รู้ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจซักอย่าง
"งั้นกลับกันเถอะ ช่วยเอากับข้าวใส่ถุงให้ผมด้วยนี่เงินครับ"
ขนมผิงรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ทำให้เขาไม่ได้ทานข้าว เธอรีบร้องห้ามทันทีก่อนจะหันไปมองหน้าชายหนุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: My Baby เด็กเลี้ยงบำเรอรัก