นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น นิยาย บท 389

"จุนเหยียน วันนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง"

ทันทีที่ซูฉิงเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นเฉินจุนเหยียนตื่นขึ้นมาพร้อมกับหนังสือความเรียงที่ถือค้างอยู่ในมือ

"หมอบอกว่าฉันอาจจะต้องอยู่ดูอาการต่ออีกสักพักหนึ่ง แต่ฉันคิดว่าฉันดีขึ้นมากแล้ว..."

เฉินจุนเหยียนวางหนังสือลงข้างตัวและพูดกับซูฉิงอย่างตรงไปตรงมา

ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยทุกวัน เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกับเห็ดที่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เขา และไหนจะเป็นการรบกวนซูฉิงอีกที่ต้องให้เวลาว่างมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

ที่สำคัญกว่านั้นเขาต้องการออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เขาจึงเอ่ยถามซูฉิงอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอเห็นพ้องกับคำกล่าวของเขาหรือไม่

"ซูฉิง ตอนนี้ความคืบหน้าในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง ฉันจำได้ว่าฉันยังมีฉากสำคัญอีกหลายฉากที่ยังไม่ได้ถ่าย ฉันกังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป การฉายภาพยนตร์จะต้องเลื่อนเวลาออกไป"

เมื่อเฉินจุนเหยียนคิดถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ คิ้วคมของเขาก็ขมวดเป็นปมทันที เขายังเป็นห่วงการถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ตลอดเวลา

ซูฉิงบอกผู้กำกับแล้วว่าในระหว่างที่เฉินจุนเหยียนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทางผู้กำกับจะพยายามถ่ายทำฉากที่ไม่มีนักแสดงนำชายให้เสร็จก่อน คิดว่าคงใช้เวลาทั้งหมดในการถ่ายประมาณเกือบครึ่งเดือน

ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกายของเฉินจุนเหยียน

"ฉันได้ตกลงกับทางกองถ่ายเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล พวกเขาจะถ่ายฉากที่ไม่มีคุณให้เสร็จเรียบร้อย ซึ่งระยะเวลาถ่ายทำก็คงเพียงพอให้คุณได้พักฟื้นในโรงพยาบาลจนหายดีก่อน และหลังจากนี้เมื่อคุณกลับไปฉากส่วนใหญ่ที่คุณจะต้องถ่ายทำก็เป็นฉากพูดทั้งนั้น คงไม่เป็นปัญหาอะไรกับอาการป่วยของคุณ"

ซูฉิงปลอบกลับเขาด้วยเสียงที่นุ่มนวล ขณะเดียวกันนั้นพยาบาลสาวสวยคนหนึ่งก็ได้เข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอถามคำถามเพิ่มเติมสองสามข้อเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเฉินจุนเหยียน

"แต่ฉันอยากออกไปถ่ายหนังแล้ว" เฉินจุนเหยียนพูดตามจริง เขาเป็นศิลปินและมีจรรยาบรรณในอาชีพของตัวเอง เขาไม่อยากให้กองถ่ายเสียเวลาเพียงเพราะเขา "ที่จริงทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ ถ้าคุณยังให้ทุกคนรอฉันต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ฉันคงจะเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนเสียเวลา"

"ไม่เป็นไร ตอนนี้ทุกคนรู้สถานการณ์ของคุณดี ไม่ต้องกังวลไป คุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอ"

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาซูฉิงเดินทางไปมาระหว่างโรงพยาบาลและบริษัทในช่วงสองวันที่ผ่านมา เฉินจุนเหยียนก็รู้ดีว่าเธอยุ่งแค่ไหน ถึงแม้ว่าเขาจะอยากกลับไปที่กองถ่ายมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้เธอเป็นกังวลได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าและทำตามคำพูดของซูฉิงต่อไป .

สนามบินเมืองA

ชายร่างสูงลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบิน ขณะที่เธอเดินลงบันได เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ถอดแว่นกันแดดบนใบหน้าออก และเผยรอยยิ้มกว้าง

อู่อันหร่าน ไม่สิ ตอนนี้ควรจะเรียกว่าแอนนาต่างหาก

"ซูฉิง ฉันกลับมาแล้ว"

อู่อันหร่านรู้ว่าเฉินจุนเหยียนกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในขณะนี้ และในระหว่างที่เธอกำลังเดินทางไปยังสถานที่หนึ่งนั้น รถแท็กซี่ที่เธอโดยสารก็ได้เปิดรายการวิทยุรายการหนึ่งขึ้นมาซึ่งรายการนั้นกำลังพูดถึงเรื่องราวของเเฉินจุนเหยียน

เมื่อเธอนึกถึงเฉินจุนเหยียน แอนนาก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว เธอรีบตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลและเดินเข้าไปถามกับทางพยาบาลประจำโต๊ะว่าห้องพักของผู้ป่วยชื่อเฉินจุนเหยียนไปทางไหน

เมื่อเธอเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย เธอก็พบว่าประตูห้องถูกเปิดออกอยู่ครึ่งหนึ่ง เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังลั่นออกมายังด้านนอกประตู

แอนนามองดูภาพเหตุการณ์ในห้องพักผู้ป่วยนั้น เธอมองเห็นร่างของซูฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยและกำลังหั่นผลไม้ให้เฉินจุนเหยียนอยู่ และเฉินจุนเหยียนเองก็ยังคงมองเธอด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข

ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอจากไป ความรู้สึกของเฉินจุนเหยียนที่มีต่อซูฉิงจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย...

เมื่อแอนนาเห็นภาพของคนสองคนที่กำลังมีความสุขอยู่นั้น เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เธอพยายามควบคุมอารมณ์โกรธให้เย็นลง เธอเดินเข้าไปหลบมุมเมื่อเห็นว่าซูฉิงกำลังจะเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย หลังจากที่เห็นร่างของซูฉิงเดินจากไปแอนนาก็มองตามอย่างไม่ละสายตาพลางกำมือแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์โมโห

เมื่อซูฉิงกลับจากโรงพยาบาลเธอก็คิดว่าควรขับรถกลับไปที่บริษัทเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อน

หลังจากขับรถไปได้ไม่กี่นาทีก็ปรากฏร่างของหญิงร่างบางคนหนึ่งที่พุ่งตัวเข้ามาบังหน้ารถเธอไว้ ในมือของหญิงสาวคนนั้นถือโทรศัพท์และดูกระตือรือร้นมาก ด้วยความรีบร้อนของเธอคนนั้น เธอจึงไม่ทันสังเกตุและได้ยินเสียงแตรของรถซูฉิงที่พยายามบีบเตือน

อ้ะ!

ดวงตาของซูฉิงเบิกกว้าง เธอพยายามเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่มันยังทันเวลา

เธอพยายามสอดส่องสายตามองร่างบางของหญิงคนนั้น แม้ว่าเธอจะเหยียบเบรกทันเวลา แต่เธอก็กลัวว่าอาจจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกหรือแรงเบรกอย่างกะทันหันของรถ

ซูฉิงรีบเปิดประตูและลงจากรถอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นร่างของผู้หญิงคนนั้นล้มลงที่หน้ารถ เธอรีบตรงดิ่งไปประคองร่างของหญิงคนนั้นไว้ เหมือนกับว่าหัวเข่าด้านขวาของผู้หญิงคนนั้นจะมีบาดแผลเป็นรอยกว้างอยู่

"ฟู่..." ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว ดูแล้วเธอคงเจ็บปวดมาก เธอพยายามเอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผล แต่เหมือนกับว่าเธอจะขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะช่วยพยุงคุณลุกขึ้นเอง" ซูฉิงกล่าวขอโทษผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว เธอเอื้อมมือออกไปและพยายามประคองร่างของผู้หญิงคนนั้นให้ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง

หญิงสาวคนดังกล่าวคงมีอาการเจ็บแผลที่หัวเข่าเป็นอย่างมาก เธอค่อยๆพยุงร่างที่เดินกะเผลกจากอาการบาดเจ็บที่ขา แต่เธอกลับยังคงสิ่งยิ้มให้ซูฉิงราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

"ไม่เป็นไร เมื่อกี้ฉันกำลังคุยโทรศัพท์แล้วก็ทะเลาะกับคนคนหนึ่งอยู่… ฉันเลยไม่ได้สังเกตุว่ามีรถขับผ่านมา ฉันเองก็เป็นคนผิดเหมือนกัน"

ซูฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จาดที่ซูฉิงสังเกตุอีกฝ่ายหญิงสาวตรงหน้าดูจะเป็นคนที่ไม่ชอบโวยวาย

แต่หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ "แถวนี้มีโรงพยาบาลอยู่ ฉันจะพาเธอไปทำแผลเอง ยังไงซะ ฉันก็เป็นฝ่ายผิด"

"ถ้าอย่างนั้น... ขอบคุณมากนะ" หญิงสาวส่งยิ้มให้เธอ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา "แต่มันไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ ฉันคิดทำแผลเสร็จก็คงไม่เป็นอะไรมากแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ"

ซูฉิงยิ้มตอบ ในช่วงเวลาที่เธอสบตากับหญิงสาวตรงหน้าเธอกลับรู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างมาก แต่เธอจำไม่ได้ว่าเธอเคยเห็นแววตาแบบนี้จากที่ไหนมา

ทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และซูฉิงก็คอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นตลอดทาง เมื่อพยาบาลพันแผลที่ขาของผู้หญิงคนนั้นเสร็จ ทั้งสองก็พากันมานั่งบนม้านั่งบริเวณริมทางเดิน

"คุณยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่า คุณอยากจะไปตรวจร่างกายอีกสักหน่อยไหม?"

"ไม่ต้อง ไม่จำเป็น" หญิงสาวตะลึงอยู่ครู่นึง มองดูอาการบาดเจ็บที่ขาของเธอและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มและมองไปยังซูฉิง"คุณดูใส่ใจกับมันมาก คุณเป็นคนสวยและจิตใจดีมากๆ ฉันคิดว่าต้องมีคนชอบคุณเยอะแน่ๆเลยใช่ไหม?"

ซูฉิงเคยได้ยินหลายคนชมเธอ แต่เธอก็ยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ได้รับคำชมจากคนแปลกหน้าซึ่งบังเอิญโดนรถของเธอชนโดยไม่ได้ตั้งใจ

"ไม่ขนาดนั้นหรอก เอ๊ะ เราคุยกันได้สักพักแล้ว แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร"

เมื่อได้ยินประโยคนี้ หญิงสาวคนนั้นก็นิ่งชะงักเพียงชั่วครู่ และร่างบางก็ส่งรอยยิ้มที่สดใสพร้อมกับยื่นมือออกมาตรงหน้าเธอเพื่อทำเริ่มทำความรู้จักอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ

"ขอโทษที ฉันลืมแนะนำตัว ฉันชื่อแอนนา"

เธอจ้องไปที่ดวงตาของซูฉิง "ฉันอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว และเพิ่งกลับมาที่ประเทศจีนเมื่อไม่กี่วันนี้ ฉันยังไม่มีเพื่อนสนิทที่นี่เลย ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

แอนนา? ชื่อยอดนิยมของชาวต่างชาติที่มักจะคุ้นหู

ซูฉิงไม่ได้คิดอะไรมาก หญิงสาวส่งยิ้มหวานกลับไปให้แอนนา และยื่นมือออกไปจับกับมือของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ถือตัว

"สวัสดี ฉันชื่อซูฉิง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"

【ใช่ ฉันรู้ว่าคุณชื่อซูฉิง 】

แอนนามองเข้าไปในดวงตาของซูฉิงและพูดกับซูฉิงอยู่ภายในใจ

เป็นเพราะคุณที่ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงเป็นฉันในทุกวันนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น