ฮ่อหยุนเฉิงวิ่งหนีจนเกือบจะหมดแรง ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เหนื่อยล้าขนาดนั้นแต่เพียงเพราะฤทธิ์ของยา เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีจัดการบอดี้การ์ดทั้งสองที่คอยเฝ้าเขาไว้ และในตอนนี้เขาก็เหนื่อยมากจนไม่สามารถจะหลบหนีไปได้แล้ว เขาเงี่ยหูฟังเสียงวิ่งที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฮ่อหยุนเฉิงกัดฟันและพยายามวิ่งตรงไปข้างหน้า แต่เขาก็ยังไม่ทันที่จะหนีพ้นไป มิเชลก็ขับรถมาขวางทางและหยุดเขาไว้ ไฟสูงจากรถคันหรูถูกสาดส่องมายังร่างของเขาอย่างเต็มเป้า รถสีขาวคันสวยวิ่งแล่นหักหลบไปโดยมีผู้หญิงที่นั่งคนขับหมุนพวงมาลัยอย่างไร้ความปราณี มิเชลขับรถปาดและจอดหยุดอยู่ตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง.
ฮ่อหยุนเฉิงถูกบังคับให้ต้องหยุดวิ่งและก้าวถอยหลังโดยฉับพลัน คิ้วคมขมวดเข้าหากันแน่นในท่าทีตื่นตัว
บอดี้การ์ดของมิเชลที่วิ่งตามมาสมทบทีหลังก็กรูกันเข้ามาล้อมตัวเขาไว้ ฮ่อหยุนเฉิงเหมือนกับคนที่ไม่มีทางสู้และไม่มีทางหนีทีไล่อีกต่อไป ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็คงจะหนีไม่พ้น
มิเชลเปิดประตูรถและเดินลงมาอย่างรวดเร็ว เธอยืนกอดอกและมองไปที่ฮ่อหยุนเฉิงด้วยรอยยิ้มเย้ยยัน "หยุนเฉิง ฉันอยากคุณคิดทบทวนดูให้ดี คุณควรจะกลับไปฝรั่งเศสกับฉันดีกว่า ฉันไม่อยากบังคับคุณ และคุณก็ไม่ควรมาท้าทายความอดทนของฉันด้วย ไม่งั้นฉันก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าคุณจะกลับไปกับฉันแบบไหน"
“มิเชล” ฮ่อหยุนเฉิงรู้ว่าในตอนนี้เขาควรใช้ไม้อ่อนกับหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด เขาคิดว่าเมื่อเขาขาดการติดต่อไปจากซูฉิงนานขนาดนี้ ซูฉิงจะต้องออกตามหาเขาจนเจออย่างแน่นอน
“คุณอย่าดึงดันไปเลยนะ เราสองคนไม่เหมาะสมกันจริงๆ ทางที่ดีคุณควรจะปล่อยฉันไปดีกว่า ฉันจะไม่บอกเจ้าชายเดอโกเรื่องนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราสองคนก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก ตกลงไหม?”
“ไม่” มิเชลส่ายหัวระรัว ในเวลานี้เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้น หญิงสาวคิดแต่เพียงว่าถ้าเธอคิดอยากจะได้เธอก็จะต้องได้ “คุณคงไม่ได้คิดว่าซูฉิงจะหาที่นี่เจอหรอกใช่ไหม? อย่าคิดอะไรมากมายเลย เรารีบไปกันเถอะ”
“หยุนเฉิง!” ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นก็บังเกิดเสียงผู้หญิงแว่วดังมาจากที่ไม่ไกล
ฮ่อหยุนเฉิงเงยศีรษะขึ้นและมองไปข้างหน้าครู่หนึ่ง ภาพตรงหน้าคือร่างที่สวยงามของซูฉิง ผมยาวของหญิงสาวในตอนนี้ค่อนข้างยุ่งเล็กน้อย คงเป็นเพราะเธอไม่มีเวลาพอที่จะจัดการกับมัน หญิงสาวจ้องสายตามายังฮ่อหยุนเฉิงและมิเชลด้วยความเคร่งขรึม
เมื่อมิเชลได้ยินเสียงหวานใสนั้น เธอขมวดคิ้วและหันศีรษะไปมองทันที และเมื่อเธอเห็นว่าคนๆนั้นคือซูฉิง เธอก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
“ซูฉิง ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
ในเมื่อเธอสั่งให้บอดี้การ์ดนำโทรศัพท์มือถือของฮ่อหยุนเฉิงถไปโยนทิ้งแถวเขตชานเมือง แล้วซูฉิงจะหามันพบได้อย่างไร?
“ถ้าฉันไม่มา ฉันก็คงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มิเชลปล่อยหยุนเฉิงไปเดี๋ยวนี้นะ แล้วเราก็มาพูดคุยตกลงกันดีๆจะดีกว่า”
ซูฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ เธอไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่ดีและควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่เมื่อเธอเห็นสิ่งที่หญิงสาวอีกคนทำ เธอก็ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่ามิเชลจะทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้
ดูเหมือนว่าตัวเธอเองยังทำใจเชื่อกับสิ่งตรงหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอไว้ใจคนผิด!
“ปล่อยงั้นเหรอ? ถ้าวันนี้ฉันไม่ปล่อยล่ะ ซูฉิง ฉันจะบอกความจริงกับคุณให้นะ ฉันชอบฮ่อหยุนเฉิงตั้งแต่แรกเห็น ถ้าคุณยอมให้เขาคบหากับฉัน พวกเธอก็เลิกกันไปเถอะ ต่อไปเราสองคนอาจจะยังเป็นเพื่อนกันได้นะ บางทีฉันอาจจะเชิญคุณมางานแต่งงานของฉันกับหยุนเฉิงก็ได้”
มิเชลยิ้มและดูเหมือนจะไม่แยแสกับเรื่องที่ตนกระทำผิดไปข้างต้น และถึงแม้ตอนนี้ซูฉิงจะไม่มีอำนาจมากพอ แต่ยังไงเธอก็ยืนยันว่าจะต้องพาฮ่อหยุนเฉิงกลับไปกับตนเองให้ได้ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น