"เธอพูดอะไรน่ะ?"
เซวียโหรวหันกลับมา ก็เห็นหลิวเสี่ยวหนิงยืนอยู่ที่ประตูห้องผู้ป่วย และไหล่ของเธอก็กระตุกเล็กน้อย
เธอก้มศีรษะ น้ำตาไหลอาบแก้ม คอเสื้อก็เปียกปอนไปหมด
“ฉันขอโทษนะคะ.....”
ความรู้สึกผิดในใจที่ติดอยู่ในปากนั้นมีมากมาย แต่สุดท้ายเธอก็พูดได้เพียงแค่สามคำนี้เท่านั้น แต่หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกว่าจะทำอะไรได้อีกนอกจากพูดคำขอโทษนี้ออกมา
เมื่อเทียบกับการแสดงออกของหลิวเสี่ยวหนิงแล้ว เซวียโหรวนั้นกลับมองเธออย่างเฉยเมย แล้วนั่งลงข้างๆเตียงผู้ป่วย
“เธอรู้ไหมว่าจิ่นหรานประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อย่างไร?”
หลังจากผ่านไปนาน เซวียโหรวก็พูดขึ้นช้าๆ น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนมาก เช่นเดียวกับการจ้องมองไปที่จินจิ่นหรานในตอนนี้ของเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงจับชายเสื้อแน่น เม้มปากแล้วพูดว่า "เพื่อที่จะไปหาฉัน...ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน...เป็นฉันเองที่ทำร้ายเขา..."
ถ้าไม่ใช่เพราะเอาแต่ใจตัวเอง และพูดสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง อาจจะไม่เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นก็ได้
เธอเอามือปิดแก้มทั้งน้ำตา
“มันดูไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรในตอนนี้”
เซวียโหรวดูเหมือนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และกวักมือเรียกหลิวเสี่ยวหนิง"เด็กน้อย มานี่สิ"
หลิวเสี่ยวหนิงตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็เดินไปที่ด้านข้างของเซวียโหรว
เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่จินจิ่นหรานที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขายังคงหมดสติอยู่ มีผ้าพันแผลหลายผืนพันรอบศีรษะของเขาและมีรอยขีดข่วนมากมายบนใบหน้าของเขา
เธอเคยได้ยินมาก่อนว่าจินจิ่นหรานถูกตีที่ศีรษะ มีการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและอาจมีอาการอื่นตามมาได้
“เขาไม่เคยเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังฉันมาก่อนเลย ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเรียนเปียโน และพอเขาโตขึ้นเขาก็ไม่เต็มใจที่จะสืบทอดบริษัทของครอบครัวอีกเช่นเคย”
เซวียโหรวโบกมือให้หลิวเสี่ยวหนิงนั่งลง และเธอบอกหลิวเสี่ยวหนิงหลายสิ่งหลายอย่างราวกับว่าเธอกำลังระลึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นในอดีต
“เพื่อที่จะเป็นหมอ เขาทะเลาะกับพ่อของเขาหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็ยังไม่ยอมต่อให้เขาจะถูกทุบตีไปทั้งตัวก็ตาม”
“เด็กคนนี้ดื้อมาก และเขาจะไม่มีวันปล่อยทิ้งเรื่องที่เขาจริงจัง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็จำได้ว่าจินจิ่นหรานพูดอะไรกับเธอในตอนแรก
ตอนนั้นเขาใช้อารมณ์แบบไหน ถึงได้พูดว่า... เพื่อเติมเต็มให้เธอและเฉินจุนเหยียน
หลิวเสี่ยวหนิงไม่รู้เลยว่าเธอเอคู่ควรกับการทุ่มเท่ของจินจิ่นหรานอย่างไร
เขาเป็นคนอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีไว้เพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น
“เขาพูดถึงเธอหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งที่พูดถึงเธอเขาก็มักจะยิ้มตลอด ฉันดดูออกนะว่าเขาชอบเธอมากจริงๆ”
เซวียโหรวหันไปมองหลิวเสี่ยวหนิง แต่ดวงตาแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับโดนแทงกลับ
“แล้วเธอล่ะ เธอชอบจิ่นหรานไหม?”
น้ำเสียงที่แผ่วเบากระทบกับหัวใจของหลิวเสี่ยวหนิงราวกับภูเขา และความเจ็บปวดทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
เธอเปิดปากของเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ช่างมันเถอะ เธอจะชอบหรือไม่แล้วจะยังไงล่ะ เขาเป็นลูกชายของฉัน และเขาจะทำอะไรฉันรู้ดีที่สุด” น้ำเสียงของเธอดูไร้หนทางและลำบากใจเล็กน้อย เซวียโหรวดูเหมือนกำลังระงับการร้องไห้ ในน้ำเสียงของเธอ
ริมฝีปากของหลิวเสี่ยวหนิงสั่นไหว และน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนลูกปัด เธอเช็ดหน้าเพื่อดูใบหน้าของจินจิ่นหราน แต่ในท้ายที่สุด ตาของเธอก็เบลอไปด้วยน้ำตา
“เด็นน้อย อย่าร้องไห้เลย” เซวียโหรวมองหลิวเสี่ยวหนิงและเอื้อมมือไปแตะผมของเธอ “เหตุการณ์นี้เป็น... อุบัติเหตุ ฉันไม่โทษเธอหรอกนะ”
ในความเป็นจริงเซวียโหรวไม่รู้สึกขัดแย้งหรือไม่ชอบหลิวเสี่ยวหนิงเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นคนที่ลูกชายของเธอชอบ เธอเองก็จะรักด้วยเช่นกัน
หรืออาจเป็นเพราะเธอมามองดูอยู่ที่ประตูวอร์ดอย่างระมัดระวังมาช่วงสองวันนี้
เซวียโหรวคิดเสมอว่าเธอเป็นเด็กดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น