และทันใดนั้นเองแม่ฮ่อก็เดินออกมาจากข้างใน
"เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง เรื่องที่พวกเธอพูดกันเมื่อกี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ เลย ยังจะมาทะเลาะกับคนอื่นอีก"
แม่ฮ่อที่เห็นซูฉิงอารมณ์ไม่ดี ก็มองซูฉิงอย่างตักเตือนแล้วก็ไม่มองเธออีก
"ขอโทษด้วยค่ะคุณท่าน ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ"
เลขาหันไปขอโทษแม่ฮ่อ พร้อมกับแววตาที่หันมาทางซูฉิงด้วยสายตากล่าวโทษ
"ฉันแค่อยากจะเข้ามาเอาหนังสือสัญญา แต่หล่อนเข้ามาขวางฉันไว้"
ซูฉิงที่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ มองพวกคนที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกร้อนรน
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ ทำไมไม่เห็นฮ่อหยุนเฉิงเดินออกมาเลยละ
"เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ หยุนเฉิงบอกแล้วไงว่าจะไม่ลงทุนทำหนัง เธอยังจะเอา นี่ไม่เท่ากับว่าจะสู้กับเขาหรอ"
แม่ฮ่อจ้องตาซูฉิงเขม็ง ทั้งยังคอยพยุงแขนจองสวีหว่านเอ๋อร์ไว้
ซูฉิงแฉะยิ้มออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก
"ไม่รู้จักเรียกรู้จากหว่านเอ๋อร์บ้าง ทำตัวมีสง่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกตัญญู รู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน เธอละ วันๆ มัวแต่ยุ่งอะไรอยู่ก็ไม่รู้"
แม่ฮ่อชี้หน้าตำหนิซูฉิง แพร้อมกับพูดเป็นห่วงสวีหว่านเอ๋อร์:"เมื่อกี้จะต้องเหนื่อยแล้วใช่มั้ย งั้นไปพักผ่อนนะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่กลัวว่าคุณซูจะไม่พอใจก็เท่านั้น"
สวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดพร้อมกับทำเสียงหอบเล็กน้อย ยิ่งทำให้ซูฉิงรู้สึกรับไม่ได้
"จะไปสนใจทำไม หนูมีความสุขก็ดีแล้ว ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก!"
ซูฉิงถึงกับส่ายหน้า เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นถึงแม่ย่ากลับให้ผู้หญิงอื่นทำอย่างนี้
"ไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอตัว"
ซูฉิงนั้นทนอยู่สู้กับคนพวกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยหาเหตุผลที่จะไปจากตรงนี้ แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกคนพวกนั้นเรียกให้หยุด
"ตอนนี้ไม่ทำงานแล้วยังคิดจะไปไหนอีก!"
แม่ฮ่อพูดตำหนิ และเวลานี้เองสวีหว่านเอ๋อร์ก็เอียงหัวมาข้างๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
"คุณป้าคะ หนูรู้สึกเวียนหัวจังเลยค่ะ"
ร่างกายของเธอที่โคลงเคลง และมือของเธอที่กำลังหาที่ยึดเหนือและก็คว้าเข้ากับเอวของซูฉิง
ซูฉิงที่หันหน้าให้กับด้านหลังของสวีหว่านเอ๋อร์ เธอยกแขนขึ้นมา และซูฉิงที่ยืนทรงตัวไม่อยู่ เท้าสะดุดแล้วล้มไปกองกับพื้น
ซูฉิงมีสีหน้าโกรธมาก เธอคิ้วขมวดมองสวีหว่านเอ๋อร์ และก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ทำหน้าสูงส่ง ยิ่งทำให้ซูฉิงทนไม่ไหวแล้ว
เธอเดินไปข้างหน้าแล้วจับเข้าที่มือของสวีหว่านเอ๋อร์
"เธอจะทำอะไร ปล่อยนะ!"
สวีหว่านเอ๋อร์ขัดขืน ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ทำได้เพียงเดินไปตามแรงฉุดของซูฉิง
จากนั้นก็เห็นว่าซูฉิงฉุดเธอเข้ามาในห้องทำงาน แววตาตกใจของเธอมองไปทางแม่ฮ่อเพื่อส่งซิก
แม่ก็เข้าใจสายตาที่เธอสื่อมาทันที แล้วรีบเดินเข้าไปขวางทางซูฉิงไว้:"เธอคิดจะทำอะไร"
"แน่นอนว่าจับไปข่มขืนสิ"
ซูฉิงที่ทำสายตามีเลศนัยมองไปทางแม่ฮ่อ พอจะเข้าไปในห้องทำงานก็ถูกแม่ฮ่อเรียกไว้อีก
"เธอหยุดนะ! ลูกชายของฉันยังอยู่ในห้องทำงาน เธอจะเข้าไปรบกวนเขาได้ยังไง"
แม่ฮ่อที่ได้รับสายตาขอร้องจากสวีหว่านเอ๋อร์ ก็รีบใช้ข้ออ้างในฐานะแม่ย่า แต่ใครจะรู้ว่าซูฉิงไม่สนใจและ ฉุดสวีหว่านเอ๋อร์ให้เข้าไปข้างใน
และทันใดนั้นเอง ไม่รู้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์เอาแรงมาจากไหน ฮึดสู้ดึงซูฉิงกลับมาที่เดิม
แม่ฮ่อเห็นอย่างนั้นก็รีบเรียกเลขาที่อยู่ข้างๆ เข้ามาช่วย
และจากนั้นทั้งสองก็ใช้แรงฉุดลากซูฉิง จนมาถึงหน้าประตูลิฟต์ ซูฉิงก็ชักมือกลับ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกหล่อนจะจับไว้แน่ ไม่สามารถหลุดออกมาได้
"พวกเธอจะลากฉันไปไหน ปล่อยนะ!"
ก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์กดลิฟต์ด้วยสีหน้าร้าย :"เธออย่ามารบกวนพวกเราอีก รีบกลับไปในที่ของเธอซะ"
ขนตางอนของซูฉิงไหวระริก พอเห็นประตูลิฟต์กำลังจะเปิดออก และสวีหว่านเอ๋อร์กับเลขากำลังจะจับเธอยัดเข้าไปในลิฟต์
"ติง....."
เสียงลิฟต์เปิดออก ซูฉิงก็รู้สึกเจ็บที่เอว เธอรู้สึกไม่ยอมขัดขืนยืนอยู่กับที่ ทันใดนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ก็จับเอวของเธอ
ซูฉิงเงยหน้ามองรู้สึกแปลกใจ และก็เห็นสายตาค้างของสวีหว่านเอ๋อร์
เธอหันหลังกลับไปมองอย่างยากลำบาก ก็สบแววตานิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น