อนาตาเซีย ตอนหัวใจฟินิกซ์ นิยาย บท 9

เช้าวันรุ่งขึ้น

อนาตาเซียตื่นขึ้นมาแต่เช้า เธอแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะออกไปเดินเล่นรอบโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ตอนแรกเธอคิดว่าจะชวนลูเซียไปด้วย แต่ลูเซียกลับหลับไม่ตื่น เมื่อเห็นเพื่อนหลับสนิทเธอจึงเลือกที่จะออกไปเดินเล่นคนเดียว

ในโรงเรียนมีเด็กใหม่มากมายออกมาเดินเล่นเหมือนกับอนาตาเซีย พวกเขาต่างทักทายกันและเดินสำรวจไปทั่วโรงเรียน อนาตาเซียเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องโถง ตอนนี้ในห้องโถงมีอาหารเช้าพร้อมเสริฟให้นักเรียนที่กลับมาแล้ว กลิ่นอาหารนั้นทำให้อนาตาเซียเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารข้างในโดยไม่ลังเล ปกติเด็กๆในโรงเรียนจะกลับมาก่อนการเปิดภาคเรียนประมาณ 10 วันเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปิดภาคเรียนแรกของปี ทำให้ในห้องโถงมีพ่อมดแม่มดมากมายต่างนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างครึกครื้นพร้อมเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ตลอดเวลา และบรรยากาศในห้องที่มีเสียงผู้คนคุยกันอย่างสนุกสนาน สิ่งนี้ทำให้ห้องโถงยิ่งดูมีสีสันมีชีวิตชีวามากขึ้น

นอกจากอาหารในห้องโถงแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหารเล็กๆอีกหลายที่สำหรับนักเรียนหรืออาจารย์ที่อยากทานอาหารอื่นๆนอกเหนือจากในห้องโถงหรืออาจต้องการพื้นที่ส่วนตัว

โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียเปรียบเสมือนโรงเรียนและบ้านของเด็กหลายคน เพราะมีสถานที่อันร่มรื่นและเงียบสงบทั้งทะเลสาบสีฟ้า ต้นไม้ ทุ่งหญ้าและสิ่งอื่นอีกมากมาย เทือกเขาสูงที่งดงามแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนเวทมนตร์ หากมองจากเทือกเขาอันเป็นพื้นที่ตั้งของโรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียด้านล่างจะพบเหล่าพ่อมดแม่มดคนมากมายหลายชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะด้านล่าง ทำให้อนาตาเซียเห็นการใช้ชีวิตของพวกเขาในดินแดนแห่งเวทมนตร์นี้ว่าเป็นอย่างไร

อนาตาเซียพบว่านักเรียนหลายคนมีกิจกรรมแปลกๆทำมากมาย รวมถึงอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอื่นๆอีกหลายอย่างที่แปลกใหม่มากสำหรับเธอ ซึ่งตอนนี้เธอยังต้องค่อยๆเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะอาศัยอยู่ที่นี่

อนาตาเซียเดินผ่านผู้คนหลายกลุ่มหลายคน จนมาหยุดอยู่หน้าศาลาริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง เธอเห็นผู้หญิงสวมฮู้ดสีม่วงลวดลายปักด้วยด้ายทองนั่งปรุงยาคนเดียวอยู่ริมทะเลสาบ เมื่อเห็นดังนั้นอนาตาเซียจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วถามด้วยความอยากรู้ทันที

“คุณปรุงยาอะไรอยู่หรอคะ”

สิ้นเสียงสาวน้อย เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงทักทายเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองอนาตาเซียด้วยความประหลาดใจและตอบคำถามของอนาตาเซียทันที

“ปรุงยารักษาบาดแผลน่ะ”

“เอ่อ……ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ ฉันชื่ออนาตาเซีย กริมส์ ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ” อนาตาเซียถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ฉันชื่อเบลินด้า ไม่มีนามสกุล เธอพึ่งเข้ามาใหม่ใช่ไหม มาจากตระกูลกริมส์หรอ” เบลินด้าถาม

“คือมันก็เป็นแค่นามสกุลค่ะ ฉันไม่มีครอบครัวหรอก พ่อแม่หายสาบสูญ ส่วนนามสกุลนี้มีคนใช้อีกตั้งเยอะ ฉันไม่ถึงขนาดมีวงตระกูลหรอกค่ะ” อนาตาเซียตอบ

“เสียใจด้วยนะเรื่องครอบครัวของเธอ ฉันเป็นผู้ดูแลป่ามาเดเฟียของสตาเดเฟีย ว่างๆเลยมาปรุงยารักษาสำหรับสัตว์ที่บาดเจ็บ”

เบลินด้ากล่าวพร้อมใส่วัตถุดิบลงไปในหม้อดินเผา

“คุณอยู่ป่ามาเดเฟียตรงนั่นหรอ” สาวน้อยถามด้วยแววตาไร้เดียงสาและชี้ไปยังป่าแถวนั้น

“ใช่”

“ในป่ามีสัตว์อะไรบ้างหรอคะ

“ก็มีสัตว์ธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็มีต้นไม้ใบหญ้าตามปกติ เอาเป็นว่าในฐานะผู้ดูแลป่าฉันจะเล่าเรื่องป่าของที่นี่ให้เธอฟังคร่าวๆก็แล้วกัน สตาเดเฟียมีป่าใหญ่ 3 แห่ง ล้อมรอบโรงเรียนเอาไว้เรียกว่า

1.ป่ามาเดเฟีย

2.ป่าเฮอร์คัส

3.ป่าต้องสาป

ป่าทั้งสามมีผู้ดูแลแตกต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคนเพื่อคอยช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บ และป้องกันสัตว์ป่าไม่ให้ออกมาทำร้ายนักเรียน ป่ามาเดเฟีย คือฉันที่คอยดูแล ป่าเฮอร์คัส คือเอลลี่ เอาเป็นว่าถ้าเธอไปแถวนั้นก็จะได้พบกับเอลลี่เอง ส่วนคนสุดท้าย คือคาเล็บ เขาเป็นคนดูแลป่าต้องสาป”

“ทำไมถึงได้มาดูแลป่าหรอคะ”

“ก็……จะพูดยังไงดี ป่าในเขตโรงเรียนจำเป็นต้องมีผู้พิทักษ์เพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กในโรงเรียนป้องกันสัตว์หลุดลอดออกมา ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่ต้องมีผู้พิทักษ์ป่าไง แล้วคนที่จะมาดูแลป่าได้มีกฏอยู่ 3 ข้อ

1.ต้องเป็นเอลฟ์หรือมีเชื้อสายเอลฟ์

2.ต้องมีเวทย์แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสัตว์ได้

3.ต้องได้รับตราผู้พิทักษ์ป่าจากคณะกรรมการจากเมืองทั้ง 5 ในดินแดนแห่งเวทมนตร์ก่อนจึงจะสามารถเป็นผู้ดูแลป่าได้

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นเอลฟ์หรอคะ”

“ใช่ ! ฉันเป็นเอลฟ์ ดังนั้นฉันจึงไม่มีนามสกุลยังไงล่ะ”

เบลินด้าตอบพร้อมถอดหมวกฮู้ดออกเผยให้เห็นใบหน้าของตนเบลินด้ามีใบหน้ากลมรูปไข่ เธอมีใบหูยาวตามแบบฉบับของเอลฟ์สาว มีผิวขาวผ่อง ดวงตาสีทองอร่าม และผมสีเงิน

“ว้าวววว คุณสวยมากเลย” อนาตาเซียกล่าวชมด้วยความตะลึง “คุณเป็นเอลฟ์คนเดียวที่นี่หรอคะ” อนาตาเซียถามด้วยความอยากรู้

“เปล่าหรอก ที่นี่มีเอลฟ์อีกหลายคน รวมถึงนักเรียนที่นี่ก็มีเอลฟ์”

“แล้วทำไมไม่ไม่มีใครที่มีหูเหมือนคุณล่ะคะ” อนาตาเซียถามต่อ

“เธอเห็นลอร์ดมาเชลล์แล้วใช่ไหม เขาคือพ่อมดครึ่งเอลฟ์ดังนั่นเขาจึงไม่แก่ ในดินแดนแห่งเวทมนตร์จะมีเพียงแค่เอลฟ์กับแวมไพร์เท่านั้นที่ไม่มีวันแก่ ส่วนเผ่าอื่นๆถึงจะมีอายุยืนนานแต่ก็จะแก่ชราตามช่วงวัยเรื่อยๆ เอลฟ์ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นลูกครึ่งผมสพ่อมดแม่มดหูถึงไม่แหลมไงล่ะ ส่วนเอลฟ์ที่มีหูแหลมคือเอลฟ์ที่ไม่มีสายเลือดอื่นผสม จริงๆที่นี้ก็มีสายเลือดผสมอีกหลายอย่างถ้าเธออยากรู้มากกว่านี้ก็ต้องไปอ่านประวัติการกำเนิดเผ่า มีอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน”

เบลินด้าอธิบาย ทำให้อนาตาเซียกเริ่มเข้าใจทันที

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

“เอาล่ะฉันต้องไปแล้วแต่ฉันจะมาปรุงยาที่นี่ในทุกๆ 2 วัน หรือไม่ บ้านฉันตั้งอยู่กลางป่าเธอสามารถเดินตามเส้นทางได้เลย ถ้าเธออยากมาก็มาเจอฉันได้ตลอด แล้วก็เอาไว้ถ้ามีเวลาฉันจะพาเธอไปเที่ยวในป่าก็แล้วกัน” เบลินด้ากล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนาตาเซีย ตอนหัวใจฟินิกซ์