นายฮ่อ คุณคือความลับที่ฉันบอกไม่ได้ นิยาย บท 298

"กำลังใจ?"

เสียงของสือฮว่าจางๆ ดวงตานั้นแดงฉาน "ฉันมีกำลังใจขึ้นมา แล้วฮ่อฉวนสือจะกลับมาเหรอ? ไม่ว่าจุดประสงค์ของหมิงยวิ๋นจะเป็นอะไร ฉันก็จะให้เธอชดใช้ทั้งหมดนี้"

ร่างกายของซิ่วหยูนั้นสั่นและตกใจกับสายตาของเธอ

แต่ในขณะเดียวกันเขาก็โล่งใจด้วยว่านี่ถึงจะเป็นสือฮว่าที่เขารู้จัก "คุณควรดูแลตัวเองก่อน ฉันได้แจ้งตันเวย์และหนานจิ่งผิงแล้วให้พวกเธอมาอยู่กับคุณในช่วงนี้"

เมื่อพูดถึงตันเวย์ น้ำเสียงของเขาก็นุ่มนวลขึ้นมา แต่ก็มีความโมโหอยู่เล็กน้อย

คืนนั้นตันเวย์จากไปอย่างไม่เหลือความทรงจำไว้เลย ในคืนนั้นเขาคิดว่าอีกฝ่ายออกจากจิงตูไปจริงๆแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเริ่มสอนใหม่อีกครั้ง

เพียงแค่เธอยังอยู่ในจิงตูก็พอแล้ว อย่างน้อยในใจเขาก็ไม่ได้ว่างเปล่าขนาดนั้น

สือฮว่าก้มศีรษะลงไปมองที่ข้อมือของตัวเอง เอนตัวพิงข้างเตียงและหลับตาพักผ่อน

สมองของเธอยังคงปวดมาก และการควบคุมจิตใจนั้นแตกต่างจากความเจ็บปวดทางกาย มันทำให้ผู้คนสูญเสียตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

เธอหยิบทิชชู่จากด้านข้างและคอยเช็ดเลือดจากมุมปาก

หลังจากนั่งแบบนี้ได้สักพัก เธอก็นอนลงพักผ่อนและพยายามไม่ให้ตัวเองคิดอะไรอีก

ตื่นขึ้นในตอนเย็น หนานจิ่นผิงนั่งอยู่ข้างเตียงถือ ในมือนั้นถือชามโจ๊กอยู่ชามหนึ่ง"ตื่นแล้วก็กินอะไรหน่อยนะ ได้ยินมาว่าช่วงหลายวันมานี่เธอเติมสารละลายอาหารมาตลอด แล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย "

สือฮว่าดันตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบชามมาและกินโจ๊ก

เธอรีบกินอย่างมาก เหมือนกับว่าอยากจะหายเร็วๆ

หนานจิ่นผิงตบหลังเธอ กลัวว่าเธอจะสำลัก "เสี่ยวฮว่า ขอโทษที่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย"

ลำคอของสือฮว่าเจ็บ ราวกับถูกไฟแผดเผา แม้แต่หัวใจและปอดของเขาก็เริ่มเจ็บขึ้นมา

"จิ่นผิง เอาน้ำให้ฉันแก้วหนึ่งสิ"

อารมณ์ของเธอสงบมาก เมื่อหนานจิ่นผิงยืนยันซ้ำแล้วว่าเธอไม่เป็นไร จึงลงไปหยิบน้ำที่ชั้นล่าง

สือฮว่าดื่มไปคำหนึ่ง รู้สึกว่าลำคอนั้นดีขึ้นบ้าง

หนานจิ่นผิงถอนหายใจและไม่รู้จะพูดอะไร ท้ายที่สุดจากที่เธอฟังมาสิ่งเหล่านี้ก็ฟังดูลึกลับซับซ้อน

เมื่อสือฮว่าดื่มเสร็จ ความเหนื่อยล้าก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

ไม่มีใครสามารถแบกรับวิญญาณที่พลิกผันเช่นนี้ได้

เธอผล็อยหลับไปอีกครั้ง คิ้วและตานั้นดูเหนื่อยล้ามาก

หนานจิ่นผิงจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ลุกขึ้นไปที่ระเบียงแล้วโทรออก "คุณบอกว่าคุณในเมืองแห่งความบาปใช่ไหม?"

ฝั่งนั้นมีเสียงของชายหนุ่มส่งมาพร้อมกับหยอกล้อว่า "เธอยอมที่จะเชื่อแล้วเหรอ?"

"อืม ฉันเชื่อ ฉันสามารถตอบตกลงคุณได้ หวังว่าตัวตนของคุณจะช่วยฉันได้"

"ไม่มีปัญหา งั้นคืนนี้มาหาฉัน?"

"ได้"

หนานจิ่นผิงวางสาย จากนั้นทักทายตันเวย์แล้วก็จากไป

ตันเวย์มาถึงที่ห้องนอนของสือฮว่า เมื่อเห็นว่าเธอกำลังนอนหลับสบาย ดังนั้นจึงไม่ได้รบกวน

ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว สือฮว่าลืมตาขึ้นและเห็นเธอเฝ้าอยู่บนเตียง จึงขมวดคิ้วแน่น "ตันเวย์เธอกลับไปเถอะ"

ตันเวย์ตื่นขึ้นมาในทันที แล้วประคองหลังเธอ "เธอดีขึ้นแล้วเหรอ?"

"ฉันให้เธอกลับไป"

เสียงของสือฮว่านั้นไม่ต้องสงสัยเลย จ้องมองดวงตาของเธออย่างไม่กระพริบ

"สัญชาตญาณบอกฉันว่าสร้อยข้อมือที่ให้เธอก่อนหน้านี้นั้นมีความสำคัญมาก ทันใดนั้นฉันก็จำสิ่งที่ฮ่อฉวนสือเคยบอกกับฉัน เขาบอกว่ามีคนต้องการฆ่าการมีชีวิตอยู่ของฉัน ฉันคิดว่าสร้อยข้อมือนี้น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตน ฉันยอมที่จะให้ เธอ มันพิสูจน์ว่าในตอนแรกฉันเชื่อใจเธอมาก แต่พอฉันมาคิดอย่างละเอียดแล้ว ว่าการดูแลให้เธอเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เธอและฉันไม่มีการติดต่อกันโดยตรง ไม่มีใครสงสัยว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่กับเธอ ดังนั้นเธอกลับไปเถอะ ต่อไปเว้นเสียแต่ว่าฉันจะนัดเธอเอง ไม่อย่างงั้นก็อย่าออกมาพบฉัน"

ตัยเวย์คิดอย่างรอบคอบและคิดว่านี่มีเหตุผล เธอจับมือสือฮว่าไว้ด้วยเสียงหนักแน่น

"ฉันไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่ฉันอยากบอกเธอว่าเราทุกคนต้องการช่วยเธอและเธอเองก็ต้องมีกำลังใจ

ฮ่อฉวนสือจะไม่ตาย ตราบใดที่ยังไม่เห็นร่างของเขา เธอก็ต้องเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ตาย"

สือฮว่าละสายตาออก จ้องมองแสงจันทร์นอกหน้าต่างด้วยความเหม่อลอย "หลังจากที่ฉันตื่นขึ้น ฉันไม่กล้าบอกทุกคนว่าฉันคิดถึงเขามาก ตอนนี้ฉันมองอะไรก็เป็นเขา เห็นดวงจันทร์ที่อ้างว้างเหมือนเขา เห็นดวงดาวนั้นเป็นเขา แสงสว่างสีขาว ใส แสงไฟที่อ่อนโยน ทั้งหมดต่างทำให้ฉันมือถึงเขา อันที่จริงฉันไม่เข้าใจความรักที่ลึกซึ้ง แต่หลังจากตื่นขึ้นก็คิดถึงเขามาก"

"สือฮว่า ผมจะอยู่กับคุณเสมอ ทุกรังสีของแสงที่เห็นนั้นคือเขา "

สือฮว่าปล่อยมือของเธอและหลับตาลงช้าๆ "ในเมื่อฉันเป็นคนที่ทำให้เขาหายไป งั้นฉันก็จะไปหาเขากลับมาเอง ใครก็หยุดฉันไม่ได้"

ตันเวย์ไม่พูดอะไรและลุกขึ้นยืน "งั้นฉันไปก่อน สร้อยข้อมือนั้นฉันจะเก็บไว้เป็นอย่างดี เธอดูแลตัวเองด้วย"

สือฮว่าหลับตา หน้าตานั้นเหนื่อยมากและผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ความอ่อนล้าทางจิตใจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่นเดียวกับที่ซิ่วหยูกล่าว เธอไม่เป็นบ้า ก็เป็าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว

เธอพักผ่อนครั้งนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

เธอไม่ให้ใครไปสืบข่าวของฮ่อฉวนสือ เพราะเธอมั่นใจว่าชายคนนั้นจะต้องมีชีวิตอยู่แน่นอน

เธอลงไปชั้นล่าง รับประทานอาหารเช้า และเห็นว่าหนานสือกำลังจัดการกับเอกสารของตี้เซิ่ง และได้ก็พูดว่า "ฮ่อฉวนสือรู้ว่าฉันทรยศเขา คงเสียใจมากใช่ไหม?"

ในวันปกติชายคนนี้จะเงียบมาก แต่เพียงแค่เป็นเรื่องของเธอ เขาเป็นห่วงเธอ จึงจะต้องเข้าไปพัวพันถึงที่สุด

"ท่านประธานเสียใจมากจริงๆครับ เขาบอกว่าถ้าคุณอยากให้เขาตายก็ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะกลับมา เมื่อได้ยินบันทึกเสียงของคุณกับฮ่อสือหนาน เขาไม่เคยคิดที่จะกลับมา"

"บันทึกเสียงของฉันกับฮ่อสือหนาน?"

"ใช่ คุณบอกว่าต้องการเปิดเผยเส้นทางของเราไปให้ฮ่อสือหนาน"

ใจของสือฮว่าเจ็บอย่างรุนแรงพลางขมวดคิ้วไว้แน่น

แท้จริงแล้วเขาได้ฟังบันทึกเสียงแล้ว นี่มันต่างการโดนมีดเป็นหมื่นเล่มแทงทะลุหัวใจ

"ฉันอยากให้เขาตายไป ดังนั้นเขาเลยไม่กลับมา แต่ตอนนี้ฉันอยากให้เขามีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนที่เชื่อฟังที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาไม่กลับมา..."

หนานสือไม่ได้พูดและไม่รู้จะตอบอย่างไร

สือฮว่าแค่บ่นพึงพำประโยคดังกล่าวไป ก็เดินมาที่โต๊ะชา

เธออ่านเอกสารที่หนานสือได้อ่านอีกครั้ง ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

"คุณสือ ถ้าคุณสงสัยในความสามารถของฉัน ต่อไปเอกสารของตี้เซิ่งสามารถส่งให้คุณได้ครับ"

คำพูดของหนานสือนั้นไม่ได้โกรธ อันที่จริงการเข้าสานต่อตี้เซิ่งอย่างกะทันหันนั้น ในใจเขาเองก็ความคิดนี้อยู่แล้ว

และเขารู้สึกผิดเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบมากเกินไป

สือฮว่าหยิบเอกสารทั้งหมดอย่างไม่เป็นเกรงใจ และก้มหน้าทบทวนอย่างละเอียด "ฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความสามารถของคุณ ฉันแค่เชื่อในความสามารถของฉันมากกว่า เขาไม่ได้อยู่ จึงจะปล่อยให้ตี้เซิ่งล้มลงไม่ได้"

มุมปากของหนานสือโค้งงอ และก็หยิบจดหมายโอนหุ้นออกมา "อันที่จริงท่านประธานได้เซ็นสิ่งนี้ไปแล้ว ถ้าในอนาคตพวกคุณมีลูก ตี้เซิ่ง ก็จะเป็นของลูก ตอนนี้ยังไม่มีลูก คุณสือแค่ต้องเซ็นชื่อ ก็จะสามารถเข้าครอบครองตี้เซิ่งโดยธรรมชาติ"

สือฮว่าจ้องจดหมายโอนหุ้นอย่างเหม่อลอย เขาเซ็นไว้เมื่อไหร่?

สักพักก็เป็นสัญญาหย่า อีกฉบับก็คือการโอนหุ้น เขาคิดไว้อยากรอบคอบจริงๆและยังปิดบังทุกอย่างนี้จากเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายฮ่อ คุณคือความลับที่ฉันบอกไม่ได้