อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 72

ความประทับใจของฟู้เซียนที่มีต่อซูเมิ่งเยียน ไม่ได้ดีมากเท่าไรนัก

คนผู้นี้คือชายที่อุ้มสาวไว้ในอ้อมแขนจนรถม้าเกือบที่จะพุ่งเข้ามาชนนางอย่างหวุดหวิดวันนั้น นางยังคงหวาดผวาอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้

และฟู้เซียน สำหรับนางแล้วเป็นเพียงแค่ชายขายบริการที่หน้าตายอดเยี่ยมคนหนึ่งเท่านั้น วันนี้ได้มาเห็นเขาขับร้องอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ด้วยความสงบนิ่งเช่นนี้ เค้าโครงหน้าของเขางดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ และไม่ได้มีความเขินอายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อครู่นี้ทำให้ได้รู้ว่า คนผู้นี้เกรงว่าจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ตนเองได้คิดเอาไว้เช่นนั้น

เขา...น่าจะเป็นหนุ่มที่ค่อนข้างเป็นที่โปรดปรานของราชวงศ์และชนชั้นสูง

อย่างไรก็ตามก็จะต้องบอกว่า น้ำเสียงของเขานั้นต้องดีอย่างแน่นอน เพียงแค่ขับร้องเพลงเสียวฉวี่เอ๋อร์อย่างแผ่วเบา ดูประหนึ่งเสียงของสิ่งธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่านางระบำที่อยู่รอบกายนั้นงดงามมากเป็นพิเศษเพียงใด แต่เมื่ออยู่กับเขาก็จืดจางลงไปไม่น้อยเลย

ซูเมิ่งเยียนเหล่สายตาของนาง แม้ว่าจะไม่อยากที่จะยอมรับ แต่ก็ต้องบอกว่า หนุ่มน้อยผู้นี้ ช่างเป็นราวกับปีศาจที่เย้ายวนจริง ๆ แล้วยังทำให้คนยากที่จะละสายตาออกไปด้วย

ดูเหมือนว่าทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ได้รับความสนใจทั้งหมดของทุกคนไปเสียแล้ว

แต่แน่นอนว่า ต้องยกเว้นมู่เสี่ยว

ซูเมิ่งเยียนรู้สึกเพียงแต่ว่ามีคนที่อยู่ข้างกายจ้องมองมาที่นาง จากนั้นจึงได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไป และก็ต้องพบกับสายตาทั้งคู่ของมู่เสี่ยว ที่กำลังจ้องมองมาที่นาง

"ท่านอ๋องมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?" ซูเมิ่งเยียนเลิกคิ้วถาม

มู่เสี่ยวไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงแค่กวาดสายตาไปมองที่ฟู้เซียนที่อยู่ตรงกลางเพียงเท่านั้น "หวางเฟยรู้จักหรือ?"

"คุณชายฟู้เซียนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร" ซูเมิ่งเยียนคิดที่จะหยิบจอกเหล้าเพื่อจะดื่ม แต่เพิ่งค้นพบว่าจอกเหล้าของตนเองนั้นอยู่กับมู่เสี่ยว ภายในใจของนางก็รู้สึกหมดสนุกทันที จากนั้นจึงได้หยิบถ้วยชาขึ้นมา น้ำชาที่อยู่ในถ้วยชาเย็นชืดไปแล้ว ซึ่งนางไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย

มู่เสี่ยวยังคงจ้องมองมาที่นาง ฟู้เซียนเป็นคนของหอหยูอี้ และหอหยูอี้ก็ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่แสดงออกมาให้ได้เห็นกัน

และเมื่อครู่นี้ ตอนที่ฟู้เซียนกำลังขับร้องเพลง สายตาของเขาก็ได้มองมาที่ซูเมิ่งเยียนถึงสามครั้ง

ได้ยินข่าวลือมาว่าแต่ไหนแต่ไรมาคุณชายฟู้เซียนไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตามาก่อน แม้แต่คนในราชวงศ์ก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา ผู้ที่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตาเขาได้มีน้อยถึงน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้...

ภายในใจของเขา รู้สึกไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ถูก

"ท่านอ๋องจ้องมองข้าเช่นนี้ หรือท่านไม่กลัวว่าพระสนมกุ้ยเฟยจะไม่ชอบใจเช่นนั้นหรือ?" มือหนึ่งของซูเมิ่งเยียนถือถ้วยชาเอาไว้ จากนั้นก็กวาดสายตาไปที่ฮัวหย้วนอย่างรวดเร็ว เสียงของนางนั้นแผ่วเบา จนมีเพียงแค่สองคนที่สามารถได้ยินได้เท่านั้น

ร่างกายของมู่เสี่ยวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งจริง ๆ จากนั้นสายตาก็มองตรงไปข้างหน้า ฮัวหย้วนกำลังมองมาทางนี้อยู่จริง ๆ ถึงสีหน้าจะนิ่งสงบ แต่แววตากลับขุ่นมัว และภายในใจก็ไม่ได้สำนึกผิดแต่อย่างใด

สุดท้ายแล้วฮ่องเต้ที่สุขภาพไม่ดี เมื่อดื่มเหล้าไปสองสามจอก และหลังจากที่ฟังเพลงไปสองสามเพลงแล้ว เขาก็เริ่มเหนื่อยล้า และให้ขันทีประคองเขากลับไปยังที่พำนัก แล้วบอกเพียงแค่ว่าให้เหล่าขุนนางสนุกสนานกันต่อไป ฮ่องเฮาจะเป็นผู้รับรองแทนเอง

ในเมื่อไม่มีฮ่องเต้แล้ว เหล่าขุนนางก็ได้เป็นอิสระเสียที หลังจากนั้นเพียงไม่นาน บรรยากาศงานเลี้ยงในพระราชวังก็ดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ส่วนฟู้เซียนนั้นร้องเพลงจบไปตั้งนานแล้ว เดิมทีซูเมิ่งเยียนก็เป็นเด็กที่เติบโตมาในตลาด จึงแทบที่จะไม่มีเพื่อนที่เป็นขุนนางเลย และมู่เสี่ยวก็ไม่เคยที่จะแนะนำนางให้คำเพื่อนผู้หญิงที่เป็นชนชั้นสูงเลยสักครั้ง เมื่ออยู่ในงานเลี้ยงพระราชวังนี้ จึงมีแค่นางที่เหมือนคนนอกเพียงผู้เดียว

เมื่อชีวิตที่แล้วนางจะพยายามคบกับภรรยาของพวกขุนนางขุนศึก เนื่องจากนางคิกที่จะช่วยเหลือเขา แต่ในชีวิตนี้นางไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นแล้ว

เบื้องหน้า ฮัวหย้วนดื่มเหล้าเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วคิ้วขมวดเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากบางสีแดงนั้นเบา ๆ ด้วยหน้าตาที่งามเพริศพริ้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็เดินไปด้านหน้าของฮ่องเฮา แล้วพูดอะไรบางอย่าง ฮ่องเฮาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมโบกมือให้นาง

คิดดูแล้วคงจะพูดว่าร่างกายไม่ค่อยสบาย เลยจะขอจากไปก่อน แน่นอนว่าฮ่องเฮาก็คงจะเห็นด้วยอยู่แล้ว

ซูเมิ่งเยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองด้านข้าง เมื่อครู่นี้มู่เสี่ยวยังกล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมหน่วยอยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

นางบีบถ้วยช้าที่อยู่ภายในมือไว้แน่น จนปลายนิ้วกลายเป็นสีขาวซีดเลยทีเดียว

เมื่อชีวิตที่แล้วนางโง่เง่ามากเพียงใดถึงคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ? ทั้งสองคนนั้นออกไปทีละคน นี่มันไม่เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาได้อีกหรือ?

ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดในใจ และรู้สึกได้เพียงแต่ความว่างเปล่า และก็เป็นอีกครั้ง ซูเมิ่งเยียนก็ยังคงเป็นซูเมิ่งเยียน ที่นั่งอยู่อย่างเดียวดายด้วยตนเองภายในห้องโถงแห่งนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เผชิญหน้าเข้ากับสายตาขององค์ชายรัชทายาทมู่หนิ่ง เขาถือจอกเหล้าเอาไว้ จากนั้นก็ยกมาทางอย่างด้วยท่าทางยั่วยุ ต่อมาก็ดื่มมันเข้าไปอึกหนึ่ง

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น ถึงแม้ว่านางจะน่าสงสาร แต่นางก็ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมองมาที่นางอย่างสงสารเสียหน่อย

นางไม่ได้สนใจ และหลุบตาลงมองถ้วยชาที่อยู่ในมือ หลังจากที่ดื่มไปอีกหนึ่งแก้ว ก็เดินออกไปจากงานเลี้ยงอย่างช้าๆ

ตอนที่มา นางและมู่เสี่ยวนั่งรถม้าคันเดียวกันมา และพระราชวังก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับจวนอ๋องหย่งอัน แม้ว่านางจะกลับไปด้วยตนเองก็เดินไปไม่ถึง

งานเลี้ยงในพระราชวังน่าเบื่อเกินไป โชคดีที่ซูเมิ่งเยียนยังคุ้นเคยกับพระราชวัง นางจึงเลือกเดินไปที่สวน และตั้งใจจะฉวยโอกาสในยามค่ำคืนที่เย็นสบายมาพักผ่อนหย่อนใจ แต่กลับเดินไปถึงศาลาที่อยู่หลังหินประดับเหล่านั้น

"...ครั้งก่อนที่เจ้ามาหาข้าเพื่อตามหานาง อาเสี่ยว ที่จริงแล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?" น้ำเสียงของหญิงสาว แฝงไปด้วยความโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด กลับกันกลับทำให้คนรู้สึกอยากจะเอาใจเสียมากกว่า

ฝีเท้าของซูเมิ่งเยียนแข็งทื่อ ฮัวหย้วน ก็คือเจ้าของน้ำเสียงนี้ เป็นฮัวหย้วนจริง ๆ

"หย้วนหย้วน ครั้งที่แล้ว เจ้าทำเกินไปแล้ว" และแน่นอนว่านี่ต้องเป็นเสียงของมู่เสี่ยว ที่พูดอย่างเบาๆ

ซูเมิ่งเยียนกำมือของตัวเองเอาไว้แน่น นางถูกปล่อยให้อดจนเกือบตายอยู่สี่วัน นางถูกขังให้อยู่อย่างยากลำบากในตำหนักต้องห้ามอยู่ตั้งสี่วันสี่คืน นางต้องฝันเห็นความทุกข์ทรมานของชีวิตที่แล้วอยู่นับครั้งไม่ถ้วน และทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่นองหน้า นางต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความสกปรก นอนบนเตียงที่แข็งเหมือนพื้น...

ทั้งหมดนี้ สำหรับมู่เสี่ยวแล้ว ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่คำง่ายดายอย่าง "มากเกินไป" เท่านั้นหรือ

"เดิมทีแล้วข้าก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้" น้ำงเสียงของฮัวหย้วนดูกระวนกระวาย "แต่ว่าอาเสี่ยว เจ้าทำให้ข้ากังวล เจ้าไม่เคยทำเช่นนี้กับข้ามาก่อนเลย ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองนั้น หรือว่า...เพราะนางหรือไม่..."

"เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!" น้ำเสียงของมู่เสี่ยวเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และกล่าวปฏิเสธขึ้นมาอย่างรีบร้อน

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ซูเมิ่งเยียนหรี่ตาของนางเล็กน้อย นางรู้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่

"..." ฮัวหย้วนเงียบเสียงลงไปครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วน้ำเสียงของนางก็อ่อนลง "อาเสี่ยว ขอโทษ วันนั้นข้ามุทะลุมากเกินไปจริงๆ ทำให้เจ้า...ถูกเปิดเผยเรื่องในวัง ข้าทำได้เพียงแต่นำอันตรายมาสู่เจ้าท่านั้น ไม่เหมือนกับซูเมิ่งเยียน เบื้องหลังของนางคือตระกูลซู และมีสมบัติเท่ากับครึ่งหนึ่งของท้องพระคลัง นางอาจจะช่วยเหลือเจ้าได้มากมาย แต่ว่าอาเสี่ยว ข้าเหลือเพียงเจ้าแล้ว..."

เหลือเพียงเจ้าแล้ว...

ซูเมิ่งเยียนหลุบตาลงเล็กน้อย มือที่เดิมทีกำไว้แน่นกลับคลายออกทันที ที่จริงแล้ว...นางก็เคยพูดคำเช่นนี้กับมู่เสี่ยวเช่นกัน หลังจากที่เขาได้ครองอำนาจแล้ว ฮัวหย้วนเกิดป่วยขึ้นมา และเขาต้องการที่จะเข้าไปเยี่ยมในพระราชวัง แต่ทว่านางหวาดกลัวมากเกินไป นางกลัวว่าทันทีที่มู่เสี่ยวเข้าไปในวังจะพาเอาฮัวหย้วนออกมาด้วย นางกลัวว่าตนเองจะกล่าวเป็นหวางเฟยที่ถูกทอดทิ้ง

ดังนั้น นางจึงดึงมือเขาเอาไว้ แล้วขอร้องเขา "มู่เสี่ยว อย่าเข้าไปในวังได้หรือไม่? ข้าเหลือเพียงเจ้าแล้ว..." เวลานั้นตระกูลซูเสื่อมถอยไปแล้ว ท่านพ่อมาตายไป พี่ชายก็อยู่ไกล และนางก็เหลือเพียงแค่เขาแล้วจริง ๆ

ไม่เหมือนกับฮัวหย้วนในตอนนี้ พ่อแม่ของนางยังอยู่ในเมืองหลวง คนที่นางรักก็รักนาง

แต่มู่เสี่ยวไม่ได้สนใจไยดีเลยสักนิดเดียว เขาแกะมือของนางออก แล้วเข้าไปในพระราชวัง

และในตอนนี้...

ซูเมิ่งเยียนชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อย และอาศัยแสงจากดวงจันทร์ มองเห็นมู่เสี่ยว เขายังคงยืนอยู่ในศาลา หันหลังใส่นาง และตรงหน้าของเขานั้น ก็คือฮัวหย้วนที่มีแววตาเปล่งประกายแวววาว ชวนให้คนหลงใหล

เขายังไม่ไป

เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางคิดเช่นนั้น

นางหมุนตัวเตรียมจากไป ไม่คิดว่าเบื้องหลังจะมีชายที่สวมชุดสีแดงสดปรากฏตัวขึ้น และได้กลิ่นกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์แสนยั่วยวนอยู่บนร่างกายของเขา

"เอ๊ะ...อื้อ..." ซูเมิ่งเยียนถูกทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก และยังไม่ทันได้ส่งเสียงปากก็ถูกปิดเอาก่อน

ภายในศาลานั้น แววตาของมู่เสี่ยวจ้องมองไปทางที่เหมือนกับคบเพลิง

"น่ารำคาญจริง!" ชายชุดแดงสดถอนหายใจออกมา จากนั้นก็คว้าคอเสื้อของซูเมิ่งเยียนและเหาะออกไปไม่ไกลเท่าไรนัก และเมื่อถึงมุมมืดก็ปล่อยนางลง พลางส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเบา ๆ "ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์ เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน