อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 75

ซูเมิ่งเยียนวิ่งไปที่ห้องนอนของฮัวหย้วน โดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

ตามคำพูดของมู่หนิ่ง คืนนี้เขาต้องเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว เขามีตราจักรพรรดิอยู่บนตัว สามารถค้นหาหรือเข้าออกวังหลังได้ และเป้าหมายของเขาคือตำหนักนของฮัวหย้วน

แต่นาง ทำได้เพียงภาวนาให้มู่เสี่ยวไม่อยู่ในที่ของฮัวหย้วน และไม่ว่าที่ใดก็ตาม นางสามารถใช้ “อ๋องแห่งความเกียจคร้านที่หยาบคายไร้มารยาทมาแต่ไหนแต่ไร” ปิดบังความจริงไว้ได้ แต่ฮัวหย้วนไม่ได้

ฝีเท้านั้นรวดเร็วมาก ปิ่นดอกไม้ไหวสีทองบนร่างของนางกระทบเข้ากับแก้ม ทำให้เจ็บเล็กน้อย

แต่นางไม่สนใจ ข้างหน้าคือห้องนอนของฮัวหย้วน นางคุ้นเคยมาก ซูเมิ่งเยียนยกเท้าขึ้นและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ฝีเท้าต้องหยุดลงเมื่อเธอผ่านตำหนักหนึ่ง ดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ข้างใน

นางขมวดคิ้ว หัวใจเต้นแรง ตำหนักนี้อยู่ข้างตำหนักฮัวหย้วน ไม่เล็กด้วย มีของกระจุกกระจิกอยู่ในนั้น ตอนนี้มืดสนิทไม่มีแสงให้เห็นแม้แต่น้อย

ซูเมิ่งเยียน เดินเข้าไปไม่กี่ก้าว

ความเคลื่อนไหวในห้องหายไปแทบจะในทันที ราวกับไม่เคยมีใครปรากฏตัว

นางกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว สถานที่นี้อยู่นอกห้องนอนของฮัวหย้วนพอดี

แต่... นางเตือนมู่เสี่ยวอย่างชัดเจนว่า หากนางมาเห็นฉากนั้นด้วยตัวเอง นางคงทนไม่ไหวแน่ ดูเหมือนว่าแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หัวใจของนางก็กระตุก

นางดึงรั้งไว้และฝืนใจเดินไปที่ประตู แต่ข้างในกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

“เอี๊ยด...” ประตูห้องที่ไม่มีคนอยู่มานานค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าด

ทันทีที่ซูเมิ่งเยียนเดินเข้าไป นางก็รู้สึกถึงเงาดำวาบต่อหน้าต่อตาทันที และกริชสีเงินเย็นเฉียบก็พาดอยู่ที่คอของนางแล้ว “ใคร?” เสียงของชายผู้นั้นเย็นชาและจริงจัง

เสียงที่คุ้นเคย มู่เสี่ยว

ไม่รู้ว่าเป็นความหละหลวมหรือประหม่าในใจ นางลังเลอยู่นานก่อนจะตอบว่า “ข้าเอง”

แต่ข้างๆ เขาไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป

ซูเมิ่งเยียนรู้สึกงงงวย นางหันศีรษะอย่างช้าๆ โดยไม่สนใจกริชที่คอ และมีร่างร่างหนึ่งล้มลงบนตัวของนางในทันที ร่างนั้นดูเหมือนจู่ๆ ก็จะผ่อนคลายลงมาในทันใด แขนห้อยลงมาบนแขนของนางอย่างอ่อนแรง แล้วก็เอนตัวตัวพิงไหล่ของนาง หายใจหนักและร้อน

“ท่านอ๋องหรือ?” ซูเมิ่งเยียนยักไหล่ “มู่เสี่ยว? มู่เสี่ยว?”

แต่คนที่อยู่บนไหล่กลับไม่ขยับ

แต่นางกลับรู้สึกเหนียวที่แขน นางตัวแข็ง แล้วรีบวางมู่เสี่ยวลงบนพื้น ดึงแขนเสื้อกว้างของเขาออก บนแขนของเขามีบาดแผลหลายแห่ง และมีเลือดไหลซึมออกมาในตอนนี้

เขา...รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาถูกมอมยา?

ดวงตาของซูเมิ่งเยียนเต็มไปด้วยความซับซ้อน

ความแรงของยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขากัดฟันแน่น เหงื่อเย็นๆ ปกคลุมไปทั่วหน้าผาก และอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสุดขีด

ซูเมิ่งเยียนจ้องมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน แล้วจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อของนาง เพื่อเช็ดเลือดที่แขนของเขา แต่เมื่อแตะตัวเขากลับถูกเขาสะบัดออก “เจ้าเป็นใคร?” เขาถามด้วยเสียงแหบ

ผ้าเช็ดหน้าหลุดออกไปด้านข้าง

ซูเมิ่งเยียนชำเลืองมองผ้าเช็ดหน้าบนพื้น แล้วหยิบมันขึ้นมาเงียบๆ มองเป็นเวลานานก่อนจะถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอยากให้ข้าเป็นใคร”

"..." มู่เสี่ยวเงียบอีกครั้ง ดูเหมือนเขากำลังดิ้นรนเพื่อระงับความร้อนในใจ “ไปเรียกคนมาพาข้ากลับจวน”

กลับจวน

ซูเมิ่งเยียนมองไปที่เขา “กลับจวนไปทำอะไร?” คราวนี้นางผลักเขาอย่างแรง เห็นเขานอนพิงกำแพงอยู่ตรงนั้น นางจึงจับมือแขนเขาขึ้นและเช็ดเลือดที่ไหลออกมา

ในไม่ช้าผ้าเช็ดหน้าก็ถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดง

"..." มู่เสี่ยวไม่พูดอะไร เพียงแค่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของนาง การหายใจของเขาหนักขึ้นและหนักขึ้น ภายใต้แสงจันทร์จางๆ นอกหน้าต่าง สติของเขาก็ไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และดวงตาก็พร่ามัว

ยาในตัวเขาไม่เบาเลย เมื่อคิดดูแล้ว เดิมทีมู่หนิ่งวางแผนที่จะโจมตีมู่เสี่ยวให้ทรุดลงจนไม่มีวันลุกขึ้นมาได้ สิ่งที่เขากลัวคือไม่คาดคิดว่าซูเมิ่งเยียนจะสังเกตเห็น และไม่คิดว่ามู่เสี่ยวจะอดทนได้ขนาดนี้ 

“แผลของท่านลึกมาก” ผ้าเช็ดหน้าจะใช้ไม่ได้แล้ว  ซูเมิ่งเยียนจึงโยนมันทิ้งไป น้ำเสียงของนางถูกบังคับให้สงบลง นางหันหน้ามองออกไปนอกประตู “ท่านยังยืนขึ้นได้หรือไม่?”

“...” มู่เสี่ยวยังคงไม่ตอบ

ซูเมิ่งเยียนถอนหายใจ ไม่ให้นางเห็นว่าเขาและฮัวหย้วนอยู่ในห้องเดียวกัน ก็ถือว่าพระเจ้าสงสารนางแล้ว วันนี้นางก็เป็นคนดีกันเถิด ไม่งั้นเกรงว่าคืนนี้เขาจะต้องใช้เวลาในอ่างน้ำแข็ง

นางก้มลงและประคองแขนของเขาวางไว้บนไหล่ของตัวเอง เพื่อต้องการที่จะยืนขึ้นแต่ประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไป และประเมินมู่เสี่ยวต่ำไป

ปกติแล้ว เขาดูตัวสูงแต่ผอมบาง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าภายใต้เสื้อคลุมสีขาวเนื้อบางที่เกือบจะสมบูรณ์แบบนั้นมีร่างหนักเช่นนี้ กระทั่งมีเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากสองสามหยด ในที่สุดนางก็ลุกขึ้นยืนได้

แต่ในขณะที่ก้าวออกไป ร่างของมู่เสี่ยวก็จมลง และเขากำลังจะล้มลงอีกครั้ง

ซูเมิ่งเยียนจึงรีบคว้าบนเสื้อคลุมของเขา แต่ทำได้เพียงดึงเสื้อคลุมข้างหน้าออกเท่านั้น และผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งก็ลอยตกลงมาเบาๆ

นอกหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องเข้ามาพอดี และมู่เสี่ยวก็ล้มลงกับพื้นแล้ว

ซูเมิ่งเยียนไม่ได้สังเกตอะไร นางแค่มองไปที่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

คุ้นมาก

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจและรับผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ ที่มุมล่างขวาของผ้าเช็ดหน้ามีดอกกล้วยไม้เล็กๆ ปักอยู่ เป็นการเย็บไม่ชำนาญและไม่สวย ดอกกล้วยไม้เฉเฉียงเอียงเอน ไม่ได้ดีไปกว่าผืนที่นางส่งให้เฉียวฉู่เลย

ผ้าผืนนี้นางเป็นคนปัก ตอนนั้นหลังจากปักเสร็จแล้วมันก็หายไป แต่หลังจากค้นหาอยู่หลายวันก็ไม่พบมัน

เมื่อชิวซวงถามว่าท่านอ๋องเอาไปหรือไม่ นางปฏิเสธโดยไม่รังเล และบอกเพียงว่ามู่เสี่ยวไม่ใช่คนเช่นนั้น

แต่ตอนนี้ ผ้าเช็ดหน้าหล่นลงมาจากตัวเขาอย่างชัดเจน ตอนนั้น เขาเอามันไปจริงๆ!

แต่...ทำไม?

นางมองดูชายที่นอนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ใบหน้าของเขาดูแดงจัด และดูทุกข์ทรมานอย่างมาก ดวงตาสองข้างหรี่ลงเล็กน้อย คิ้วมีรอยย่นแน่น

เห็นได้ชัดว่าเขาจนตรอก แต่คิ้วและดวงตาของเขา ผู้คนสามารถเห็นได้เพียงความหล่อเหลาที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

มือที่ถือผ้าเช็ดหน้ากำแน่นโดยไม่รู้ตัว นางจ้องมองชายผู้นั้นเป็นเวลานานและกัดฟันถามว่า “มู่เสี่ยว ท่านต้องการทำอะไรกันแน่!”

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจนาง แต่เขาก็ยังทำเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจผิดอยู่เรื่อย

ตอนนี้ ขนาดทำเรื่องการขโมยของเล็กๆ น้อยๆ ของนางที่เขาเกลียดที่สุด!

ต่อหน้านาง ในที่สุดมู่เสี่ยวก็ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาบางอย่าง เขาหันศีรษะแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงผ้าเช็ดหน้าในมือของนางและพูดเสียงแหบแห้งว่า “...คืนให้ข้า”

ในหัวของซูเมิ่งเยียนแทบคลั่ง และนางก็จ้องมองเขาอย่างใกล้ชิด

ข้างนอก ดูเหมือนจะมีเสียงฝีเท้าเข้ามา จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งไปยังห้องนอนของฮัวหย้วน พร้อมคบเพลิง

ซูเมิ่งเยียนหรี่ตา หากนางออกไปในขณะนี้ นางกลัวว่าจะปะทะกับมู่หนิ่ง นางบอกไม่ได้ว่าทำไมมู่เสี่ยวถึงมาปรากฏตัวที่นี่ เมื่อมองไปที่มู่เสี่ยวที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายนางก็ก้มศีรษะลงอย่างกะทันหันเหมือนในชาติที่แล้วที่หอมแก้มของเขา

มู่เสี่ยวตะคอก แล้วมีท่าทีต่อต้านพยายามแยกนางออก “เจ้าเป็นใคร...” เขาพึมพำ

ซูเมิ่งเยียนไม่ตอบสนอง นางดึงมือของเขาออกและจูบเขาอีกครั้ง หลังจากเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางทำกับเขาอย่างกล้าหาญเหมือนในชาติที่แล้ว

กลิ่นหอมที่คุ้นเคย

มู่เสี่ยวหรี่ตาลง ท่ามกลางหมอกควัน เขารู้สึกถึงความอ่อนโยนที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งคุ้นเคยอย่างมาก คล้ายกับ... สิ่งที่เขาเคยมีในอดีต

น่าหลงใหล

ครั้งนี้ เขาไม่ปฏิเสธและเรียกร้องอย่างกระตือรือร้นมากกว่าครั้งก่อน

“องค์ชายรัชทายาท กุ้ยเฟยไม่อยู่ในตำหนัด และไม่พบอ๋องหย่งอัน” เสียงขององครักษ์ดังมาจากข้างนอก

“ฮึ่ม เป็นเช่นนั้นจริงๆ” น้ำเสียงของมู่หนิ่งเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ไปค้นหารอบๆ อย่างละเอียด หากหาไม่เจอให้ถือศีรษะกลับเจอ!”

“ขอรับ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน