“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”
“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”
“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”
...
ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน
หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวน
แม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อย
เหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!
ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู่ตลอด!
เพื่อให้ได้มาซึ่งจดหมายเลือด องค์ชายสามคอยหาเรื่องเขาทุกวัน ทุกเวลานาทีคอยคิดแต่จะเอาชีวิตเขา!
ในขณะที่หยุนเจิงหดหู่รำคาญใจ สาวใช้ในเรือนของเขาเกาะกลุ่มพูดคุยกันอย่างลับๆ
“เจ้าสวะไร้ประโยชน์คนนี้ เมื่อวานโดนองค์ชายสามตบไปฉาดหนึ่ง จนตอนนี้ยังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้”
“อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบเอ็ดปีแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งจวนของตนเอง ในราชวงศ์ของเรานี้ ก็มีเพียงเขาคนเดียวนี่แหละ”
“องค์ชายสามไม่ได้บอกหรอกหรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาท ข้าว่านะ เวลาตายของเขาใกล้เข้ามาแล้วล่ะ!”
“เงียบเสียงหน่อยสิ แม้ว่าเขาจะไร้ประโยชน์ แต่อย่างไรเสียก็ยังเป็นองค์ชายอยู่นะ หากถูกผู้อื่นได้ยินเข้า พวกเราได้ตายกันแน่...”
แม้ว่าพวกนางจะเป็นสาวใช้ แต่กลับดูแคลนหยุนเจิงผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นที่สุด
ก็องค์ชายหกเป็นเพียงโอรสที่เกิดจากนางกำนัลตอนจักรพรรดิเหวินเมาสุรา
มารดาของเขาไม่ได้รับตำแหน่งอะไรเลยยามมีชีวิตอยู่ เพิ่งจะได้รับตำแหน่งเหม่ยเหรินตอนเสียชีวิต
หยุนเจิงไม่มีรากฐานอะไรก็ช่าง เขายังขี้ขลาดเป็นอย่างมาก สรุปก็คือหากโดนตีก็ไม่กล้าตอบโต้ หากโดนด่าก็ไม่กล้าด่าตอบ
สมควรแล้วที่จะโดนกลั่นแกล้ง!
ในขณะที่พวกนางกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ หยุนเจิงลุกขึ้นกะทันหัน
ในเมื่อไม่มีรากฐานในราชวงศ์ก็ไม่ขอใช้ชีวิตในราชวงศ์แล้ว!
ไปกุมกำลังทหารที่เขตชายแดนเสียดีกว่า!
ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยตนก็เป็นนักเรียนดีเด่นในฝ่ายบังคับบัญชา เรื่องสู้รบเป็นเรื่องที่ถนัดที่สุด!
ขอเพียงอำนาจทหารอยู่ในมือ ใครขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ก็ต้องดูสีหน้าของเขาทั้งนั้น!
หากเขาไม่ชอบหน้าใครก็จะจัดการคนนั้น!
พอหยุนลี่ได้ยินคำพูดนี้ของหยุนเจิงก็อดตกใจเล็กน้อยไม่ได้
ตบเขาไปฉาดเดียวเมื่อวาน นี่ตบจนเจ้าสวะนี่โกรธเป็นกับเขาด้วยรึ?
“น้องหก นี่เจ้ากำลังโทษที่พี่ตบเจ้าหรือ”
หยุนลี่จ้องหน้าหยุนเจิงด้วยรอยยิ้มหน้าเนื้อใจเสือ
“มิเช่นนั้นจะให้ข้าขอบคุณท่านรึ” หยุนเจิงถามกลับ
“เจ้าสมควรขอบคุณพี่สามจริงๆ!”
หยุนลี่เสแสร้งกล่าว “พี่สามสั่งสอนเจ้า เพราะดีต่อเจ้า เข้าใจหรือไม่”
หยุนเจิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าว่าแล้วว่าสมองหัวขี้เลื่อยอย่างเจ้าไม่อาจเข้าใจได้!”
หยุนลี่มองเขาอย่างดูถูก หัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “องค์รัชทายาทก่อกบฏ คนสนิทของเขาหนีสุดชีวิตมาหาเจ้า หากคนสนิทขององค์รัชทายาทได้ให้อะไรกับเจ้า แต่ให้ตายย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมเอาออกมา เจ้าก็จะกลายเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาทแล้ว!”
มาไม้อีกนี้อีกแล้ว!
เจ้าของเดิมของร่างนี้คิดว่า หากยอมมอบจดหมายเลือดแล้ว องค์ชายสามต้องฆ่าเขาปิดปากแน่นอน แต่หากไม่ยอมมอบจดหมายเลือด ก็คงถูกใส่ร้ายว่าเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท อย่างไรก็คงหนีไม่พ้นโทษประหารชีวิต
คิดไปคิดมา ไอ้หนุ่มคนนี้ก็ตกใจตายเพราะความคิดของตนเองเสียนี่!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน