รอยยิ้มของซูมู่หรงยังคงตราตรึงใจเป็นอย่างมาก ฉีเฟยอวิ๋นคิดถ้าในตอนนั้นเธอไม่กลัวซูมู่หรงมากเกินไป ไม่แน่เธออาจจะได้คบกับซูมู่หรงไปแล้วก็ได้
เธอไม่สามารถให้คะแนนรูปลักษณ์ของเธอได้
“ตามวันเวลาที่ระบุ คืนนี้พวกเราควรจะปฏิบัติภารกิจ และต้องไปเอาข้อมูลที่เป็นข้อมูลของพวกเราที่ถูกคนขโมยไป พวกเราจะไม่ไปไม่ได้ เพราะมันเป็นความลับสุดยอด ดังนั้นพวกเราจึงต้องเอากลับคืนมา
ทุกคนไปปฏิบัติภารกิจ เสี่ยวไห่ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขาระหว่างทางกลับว่าแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์”
ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“คุณจะบ้าไปแล้วเหรอ?”
“เชื่อไหมว่าเดี๋ยวเย็นนี้คุณก็จะได้รู้” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองที่หน้าต่างและเวลาก็ผ่านไป
ในช่วงเย็น ซูมู่หรงได้รับโทรศัพท์
ภารกิจเป็นไปตามที่ฉีเฟยอวิ๋นพูด พวกเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ และทิ้งซูมู่หรงไว้คนเดียว
ในเวลาแปดโมงระหว่างทางกลับ เสี่ยวไห่ได้รับโทรศัพท์ว่าแม่ของเขาเสียชีวิต
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปนั่งลงข้าง ๆ ซูมู่หรง ซูมู่หรงไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าของเขาเขียวปั้ด
ทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างนี้เป็นเวลาสองชั่วโมง แล้วซูมู่หรงก็ถามว่า:“อีกสิบปีหลังจากนี้ คุณจะเป็นภรรยาของผมไหม?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ไม่ อีกสิบปีคุณก็ออกไปปฏิบัติภารกิจ และฉันก็ทำการทดลองอยู่ในห้องปฏิบัติการ ฉันกำลังศึกษาเรื่องอุบัติเหตุของการเสียชีวิต แล้วข้ามภพไปอยู่ในสมัยโบราณ”
“จะกลับไปอีกแล้วเหรอ?และกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว?” ซูมู่หรงเริ่มที่จะยอมรับเรื่องนี้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“อืม”
ซูมู่หรงหัวเราะ:“เขาช่างน่าหัาเราะจริง ๆ !”
ในขณะที่พูดเขาก็หัวเราะ ใบหน้าของซูมู่หรงดูดุร้าย:“คุณบอกผมว่าคุณตายแล้ว ตายหลังจากสิบปีต่อจากนี้ คุณคิดจะทำอะไร?คุณอยากจะให้ผมเป็นบ้าหรือไง?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรและหยิบมีดออกมา เธอกรีดข้อมือของตัวเองแล้วเอาเลือดให้ซูมู่หรงดื่ม
ซูมู่หรงคิดว่าฉีเฟยอวิ๋นบ้าไปแล้ว จึงผลักเธอออกไป ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า:“ฉันต้องการจะพิสูจน์ว่าฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
ซูมู่หรงมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แล้วปล่อยให้เลือดไหลเข้าปากของเขา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่ามากพอแล้ว เธอจึงเอาผ้ามาพันข้อมือไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปมองขาของซูมู่หรง และถกขากางเกงของเขาขึ้น
แผลด้านในขากางเกงค่อย ๆ หายไป
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น:“คุณดูเอาเองเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหวังว่ามันจะเป็นแค่ความฝันจริง ๆ หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วก็จะกลับไปหาหนานกงเย่ ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงยิ้มไม่ออก
ซูมู่หรงรู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น เขาก้มลงไปมองลงแผล และเห็นว่าแผลหายไปแล้ว และในที่สุดเขาก็เชื่อว่าฉีเฟยอวิ๋นได้เสียชีวิตจากการทดลองไปแล้วจริง ๆ
เขานั่งลงและมองดูขาที่หายเป็นปกติแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วก็ไม่หาย
ไม่อย่างงั้นเขาจะไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและไม่พูดอะไร ทั้งสองคนเงียบไม่พูดไม่จาท่ามกลางความมืดมิด
ในที่สุดซูมู่หรงก็พูดว่า:“เขาหน้าตาเป็นยังไง?”
“ก็ดีนะ อายุพอ ๆ กับคุณตอนนี้ เขาเป็นท่านอ๋อง และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองซูมู่หรงจากหน้าต่าง
ซูมู่หรงหัวเราะ:“เขาดีกับคุณไหม?”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่นาน ดีหรือว่าไม่ดีกันนะ?
“พวกเขาก็ดี คุณปฏิบัติต่อฉันยังไง เขาก็ปฏิบัติต่อฉันอย่างนั้น”
สีหน้าของซูมู่หรงทรุดลง:“เขาทุบตีคุณเหรอ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจเลย ซูมู่หรงคิดถึงแต่เรื่องที่ตีเธอ เพราะในช่วงเวลานี้ซูมู่หรงคิดแต่จะตีฉีเฟยอวิ๋น และนั่นคือกิจวัตรประจำวันของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นพูดว่า:“ตอนนี้ไม่ตีแล้ว และเขาก็ไม่ได้ทุบตีฉัน”
“หมายความว่าไง?” ซูมู่หรงดูตื่นเต้นมาก ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากโกหกเขา แต่ก็รู้สึกเสียใจที่พูดมากขนาดนี้
“เดิมทีเขาต้องการจะฆ่าฉัน แต่น่าเสียดายที่ฉันถูกคุณฝึกให้เอาตัวรอดอย่างแข็งแกร่ง และในที่สุดฉันก็เอาชนะเขาได้!”
ในขณะที่อธิบายเธอก็ยิ้ม แต่ซูมู่หรงยิ้มไม่ออก เขามองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างโกรธเคือง!
หลังจากมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ไม่พูดอะไร ซูมู่หรงพูดว่า:“นอนเถอะ ขึ้นมาสิ”
“ฉันไม่ไปแล้ว คุณนอนเถอะ ฉันนอนข้าง ๆ ก็ได้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ไว้ใจซูมู่หรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ