ฉีเฟยอวิ๋นยืนพิงประตูอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงแล้ว แต่หนานกงเย่กล่าวว่า "ถึงแม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ และจับตัวเสนาบดีเฉินและเฉินอวิ๋นเจี๋ย กักบริเวณฮองเฮา และปิดล้อมวังหลวงและปิดล้อมจวนเสนาบดี"
"เพคะ"
มีคนรับคำสั่ง หนานกงเย่มองไปที่ป้าซีและกล่าวว่า "นำศพของป้าซีไปแขวนไว้ที่ประตูวังหลวงสามวัน เพื่อตักเตือนคนชั่ว"
"......"
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หนานกงเย่ที่สวมใส่ในชุดสีดำและรู้สึกตกใจ ไม่มีใครทำเรื่องเช่นนั้นได้
มีคนรับคำสั่งไปจัดการ เรือนร่างของป้าซีถูกลากออกไป บนร่างกายยังมีไม้กากบาทถูกมัดเอาไว้
ฉีเฟยอวิ๋นยืนมองดูร่างของป้าซีที่ถูกลากออกไปและรู้สึกขาสั่นไปหมด
ป้าซีถูกลากออกไปแล้วและเลือดก็เลอะเต็มพื้นไปหมด
ภายในได้ยินเสียงขอร้องวินวอนของซู่จิ่นดังออกมา "ท่านอ๋องเย่ ขอร้องล่ะเจ้าค่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย ข้าน้อยถูกบังคับจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยยอมตาย ท่านอ๋องเย่ได้โปรดไว้ชีวิตคนในครอบครัวของข้าน้อยด้วย ท่านอ๋องเย่ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ"
หนานกงเย่มองไปที่ซู่จิ่น "ในเมื่อเจ้ายอมรับว่าเป็นคนทำเรื่องเหล่านี้และข้าก็ได้สอบสวนพิสูจน์หลักฐานแล้ว เช่นนั้นก็รอการตัดสินในภายหลัง
ซู่จิ่นลอบทำร้ายผู้เป็นเจ้านาย และทำให้วังหลวงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และวันนี้......ลงโทษโดยห้าอาชาแยกร่าง(วิธีการประหารชีวิต) และประหารเก้าชั่วโคตร"
เมื่อพูดจบหนานกงเย่จึงกล่าวอีกว่า "คนใช้ของตำหนักสุ่ยฮัวและตำหนักเฟิ่งอี๋ทำหน้าที่ปรนนิบัติเจ้านายอย่างประมาท ลงโทษโดยการให้ดื่มเหล้าพิษ"
ซู่จิ่นตกใจจนหมดสติไป น้องชายของนางตกใจจนวิ่งไปมาอยู่ภายในเรือนราวกับคนบ้า หนานกงเย่เหลือบมองหลังจากนั้นจึงหันหลังกลับออกไป
เมื่อมาถึงประตูก็พบกับฉีเฟยอวิ๋น ใบหน้าของเธอซีดเซียว และแววตาที่มองไปที่เขาก็เปลี่ยนไป
หนานกงเย่ยื่นมือออกไปสัมผัสความเย็นชานั้น ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้าเหมือนต้องการพูดอะไร เธออ้าปากแต่ก็ไม่พูดออกไป
หนานกงเย่ก้มตัวลงเพื่ออุ้มฉีเฟยอวิ๋นและอุ้มเธอจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นจับเสื้อผ้าของหนานกงเย่ไว้แน่น และแนบชิดในอ้อมอกของเขา
หนานกงเย่กล่าว "ข้าน่ากลัวมากเลยใช่ไหม?"
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า เธอหลับตาลงก็สามารถมองเห็นหนานกงเย่ที่น่าเกรงกลัวได้
หนานกงเย่กล่าวอีกว่า "เช่นนั้นก็ต้องลืมใบหน้าที่น่าเกรงกลัวของข้าไป และจดจำแต่เพียงด้านที่ดีของข้าเท่านั้น"
"......"
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรอยู่สักพักใหญ่ๆ จนมาถึงหน้าประตูวังหลวง หนานกงเย่เรียกเธอ ฉีเฟยอวิ๋นจึงค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นมาและมองไปที่ป้าซีที่ถูกแขวนไว้ที่ประตู
"ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้หรือเพคะ?" ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ กล่าวดิบดีว่าป้าซีเป็นคนของฝ่าบาท แต่กลับต้องมารับผิดเพื่อฮองเฮา
หนานกงเย่กล่าว "คนที่ทำร้ายนางไม่ใช่ข้า แต่เป็นคนที่นางต้องการปกป้องต่างหาก! จนถึงตอนที่นางตาย นางก็ไม่สามารถเจอหน้าคนนั้นได้ แต่นางก็ยินดีที่จะตาย นางควรที่จะขอบคุณข้า เป็นเพราะข้าทำตามความประสงค์ของนาง!"
ฉีเฟยอวิ๋นถูกนำไปพักอาศัยอยู่ในตำหนักของพระพันปี พระพันปีเห็นว่าลูกชายของนางมีกลิ่นคราบเลือดแต่ก็ไม่พูดอะไร และแทบไม่สนใจเขา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ค่อยชอบพูดเท่าไรนัก
หลังจากคอยเฝ้าดูแลฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ก็ไปพบจักรพรรดิอวี้ตี้ แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าวังหลวงจะกลับมาสงบเรียบร้อยขึ้นเล็กน้อย
ในตอนค่ำ หนานกงเย่ไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ด้วยตัวเอง เพื่อทำการสอบสวนฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูที่เพิ่งจะหายจากอาการป่วย
ในขณะนี้จักรพรรดิอวี้ตี้ก็อยู่ด้วย เขากุมมือของเฉินอวิ๋นชูเอาไว้และมองไปที่หนานกงเย่
"ข้าขอถามฮองเฮา เรื่องที่ป้าซีและซู่จิ่นไปพบกัน ฮองเฮาทราบเรื่องนี้หรือไม่?" หนานกงเย่ถามอย่างตรงไปตรงมา
เฉินอวิ๋นชูรู้สึกประหลาดใจ "ท่านอ๋องเย่ เจ้ามาเยี่ยมข้าแต่กลับพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร?"
"ป้าซีถูกข้าทุบตีจนตายไปแล้ว" หนานกงเย่กล่าววด้วยน้ำเสียงเรียบ ดวงตาของเฉินอวิ๋นชูเบิกกว้าง และนางรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย
"เจ้าพูดอะไรนะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ