หลังจากออกจากวังหลวง ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงป้าซี และเธอต้องการเข้าพบจักรพรรดิอวี้ตี้อย่างมาก
และฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปถึงพระที่นั่งบำรุงฤทัยโดยไม่รู้ตัว
มีคนยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าพระที่นั่งบำรุงฤทัย แต่เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นเข้าจึงรีบเข้าไปรายงานต่อสวีกงกง และในขณะนี้สวีกงกงกำลังรู้สึกไม่สบายใจเพราะจักรพรรดิไม่เสวยอะไรเลยมาเป็นเวลาหกเจ็ดวันแล้ว หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะไหวได้อย่างไรกัน
เมื่อสวีกงกงได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นมาหา จึงรีบกราบรายงานฝ่าบาท
จักรพรรดิอวี้ตี้ค่อยๆ เงยพระพักตร์ขึ้น ดูเหมือนจะมีพลังเรี่ยวแรงเล็กน้อย
"ให้นางเข้ามา"
สวีกงกงรีบไปเชิญฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นสะพายกล่องยาไว้ราวกับแบกถือกล่องสมบัติเดินไปมาในวังหลวง
หนึ่งคือกล่องยาของฉีเฟยอวิ๋นนั้นมีความพิเศษ โดยมีสีเงิน มีสายสะพายและมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่มีความหนักหนาอย่างมาก ทำให้ใครๆ ต่างก็สงสัย สองคือมือของฉีเฟยอวิ๋นกดกล่องยาไว้ตลอดเวลา ทำให้ให้ความรู้สึกว่าข้างในนั้นต้องมีของดีอย่างแน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นสะพายกล่องยาไปพบจักรพรรดิ ก็คือการไปแสดงสมบัติของมีค่า
และขณะนี้ท่านอ๋องเย่ก็เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว พระชายาเย่ก็ได้รับการโปรดปราน ทำให้คนในวังหลวงหลายคนต่างพากันอิจฉา แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่น้อย
ต่างรู้สึกว่าหากไม่ระมัดระวังตัวให้ดี คนที่ตายคนต่อไปอาจเป็นพวกเขาเอง
จึงทำได้เพียงทำตัวเป็นคนซื่อสัตย์ไม่คิดให้ร้ายคนอื่น จึงจะมีชีวิตอยู่ในวังหลวงต่อไปได้
การกระทำวิธีการของท่านอ๋องเย่นั้น ขนาดป้าซีที่เคยเลี้ยงดูมาก็ยังทำกันได้ลงคอ ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในพระที่นั่งบำรุงฤทัยและวางกล่องยาลงหลังจากนั้นจึงคารวะจักรพรรดิอวี้ตี้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจักรพรรดิอวี้ตี้จึงบอกให้ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเหลือบไปมองเบื้องบนและมองไปที่จักรพรรดิอวี้ตี้ที่กำลังเดินลงมา สวีกงกงย้ายเก้าอี้มาข้างหน้าสองตัวโดยโต๊ะได้ถูกวางอยู่ก่อนแล้ว เป็นโต๊ะกระดานหมากรุก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัส "วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว พระชายาเย่เล่นหมากรุกกับข้าหน่อยสิ"
"เพคะ"
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและมองไปที่กระดานหมากรุก หลังจากนั้นจึงเริ่มเดินหมากรุก
จักรพรรดิอวี้ตี้มองไปที่กระดานหมากรุกและรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นเล่นด้วยความตั้งใจ หลังจากนั้นจึงโบกมือส่งสัญญาณให้สวีกงกงออกไป จากนั้นเขาจึงลงหมากรุก
ทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไร และการเดินหมากรุกของทั้งสองต่างก็มีท่าทีของตัวเอง ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองจักรพรรดิอวี้ตี้และคิดว่าเขาคงรู้เรื่องทั้งหมดมานานแล้ว เพียงแต่ในใจยังรู้สึกสับสน
"ฝ่าบาท หากหม่อมฉันชนะ ฝ่าบาทสามารถบอกเรื่องทั้งหมดกับหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ?"
"เช่นนั้นต้องดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถหรือไม่!"
หลังจากจักรพรรดิอวี้ตี้พูดจบก็เล่นหมากรุกต่อไป ฉีเฟยอวิ๋นพยายามต่อสู้อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็สามารถเอาชนะได้อย่างเฉียดฉิว
จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง "ก่อนหน้านี้ป้าซีได้เคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ อันที่จริงเป็นแผนการของฮองเฮาทั้งหมด นางต้องการให้ข้าเชื่อใจป้าซี นับตั้งแต่นั้นก็จัดการจัดวางคนมาอยู่ข้างกายของข้า
ข้ารู้เรื่องเหล่านี้ แต่ก็เลือกที่จะเชื่อใจ ในตอนเริ่มต้นข้าต้องการให้ฮองเฮาวางใจ แต่หลังจากนั้นข้ารู้สึกว่าแท้จริงแล้วป้าซีเป็นคนดี
จึงให้นางเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้ส่วนตัว ข้าเรียกให้นางกลับมา มีหลายเรื่องของข้าที่นางเลือกที่จะไม่พูดออกไป
นางยอมตายเพื่อฮองเฮา แต่ก็ยอมปกป้องชีวิตของข้า
เรื่องในครั้งนี้ข้าก็คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะกล้าทำเช่นนี้"
"ฝ่าบาทรู้ว่าเป็นแผนการของฮองเฮาทั้งหมดหรือเพคะ?" ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกประหลาดใจ ในเมื่อรู้แต่กลับไม่ห้ามปรามหรือหยุดยั้ง
"ข้ารู้ เหมือนกับที่ป้าซีกล่าวไว้ มีช่วงหนึ่งที่ข้าเอาแต่ไปหาพระสนมเซียว นางเป็นฮองเฮา ข้าเคยพูดไว้ว่าจะไม่เมินเฉยต่อนางไม่ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาในชีวิต แต่ข้าได้ผิดคำพูด และการสูญเสียเด็กในครรภ์ไปก็เป็นความผิดของข้าด้วย"
ฉีเฟยอวิ๋นมองจักรพรรดิอวี้ตี้ด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งอาณาจักร แต่กลับยอมรับว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดไป
เห็นได้ว่าเขาไม่มีความสุขในตำแหน่งฐานะนี้ และเขาต้องไตร่ตรองตัวเองอยู่เป็นระยะ ไม่เช่นนั้นเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้น
เพียงแต่ เขารู้ว่าป้าซีทำเพื่อปกป้องเขา แต่กลับไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตป้าซีไว้ หรือเขาอาจจะมีวิธีช่วยชีวิตป้าซี แต่เขากลับไม่ได้ช่วยป้าซี
เป็นเพราะเขาไร้ความรู้สึกเกินไป หรือว่าเดิมทีนางก็มีความผิดอยู่แล้ว
จักรพรรดิเป็นผู้ไร้ความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไร นางยกย่องเทิดทูนเขาไว้สูงเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ