ระหว่างทางฉีเฟยอวิ๋นพึมพำไม่เป็นศัพท์ หนานกงเย่อยากได้ยินนางเล่าเรื่อง ‘ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด’ แต่พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นอ่อนแรงจนลืมตาไม่ขึ้นเช่นนี้ก็อดทุกข์ใจไม่ได้
เขาอุ้มฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่ห้องของเฉินอวิ๋นเจี๋ย ภายในห้องมีตั่งเตียงจัดเตรียมไว้ชั่วคราว พอหนานกงเย่วางฉีเฟยอวิ๋นลงบนนั้นก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว
หลังจากสั่งไม่ให้ใครส่งเสียงเอะอะโวยวายแล้ว หนานกงเย่จึงเหลือบมองมู่เหมียนและหมอโจว “พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะดูแลตรงนี้เอง ตอนบ่ายค่อยกลับมาใหม่”
มู่เหมียนและหมอประจำจวนโจวพักอยู่ที่โถงด้านข้างลานบ้านของเฉินอวิ๋นเจี๋ยเป็นการชั่วคราว ส่วนที่พักด้านนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นที่พักของหนานกงเย่
ฉีเฟยอวิ๋นฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหลหลังจากพักผ่อนมาระยะหนึ่ง นางลุกขึ้นไปดูเฉินอวิ๋นเจี๋ยซึ่งเวลานี้อาการไข้ลดลงแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่เธอกำลังฉีดยาให้เฉินอวิ๋นเจี๋ย เฉินอวิ๋นเจี๋ยก็ตื่นขึ้นมา
เฉินอวิ๋นเจี๋ยลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกราวกับผ่านความยากลำบากมานับพันนับหมื่นครั้ง เขามองฉีเฟยอวิ๋นอย่างใจลอย พยายามยกมือที่ดูเหมือนจะหนักเป็นพันๆ ชั่งขึ้นมา แต่เมื่อยกไม่ขึ้นจึงวางลงอย่างเดิม
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านจะไม่เป็นอะไร ขอเพียงแค่ร่วมมือกับข้าในการรักษาก็พอ”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยฝืนยิ้มนิดหนึ่ง ตับของเขาเสียหายจนส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดและทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดจนน่ากลัว
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจอาการของเขาเรียบร้อยแล้วจึงค่อยออกไป
หนานกงเย่เหลือบมองนิดหนึ่งและเดินไปที่ประตู ฉีเฟยอวิ๋นเองก็เดินตามไปด้วย
“ท่านอ๋อง เมิ่งกวงผู้นั้นไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์ เมื่อคืนเขาฉวยโอกาสตอนที่ท่านอ๋องไม่ทันระวังมองหม่อมฉันอยู่หลายครั้ง” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากจะคิดมาก แต่สายตาแบบนั้น หลังจากไตร่ตรองดูดีๆ แล้วจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของหนานกงเย่อึมครึมลง “ดูเหมือนเขาเบื่อแล้วที่จะมีชีวิตอยู่”
หนานกงเย่ก้าวเท้าเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่ฉีเฟยอวิ๋นรั้งตัวเอาไว้ “ท่านอ๋อง เอาแบบนี้...”
หนานกงเย่ก้มศีรษะลงและฉีเฟยอวิ๋นก็กระซิบที่ข้างหูของเขา จากนั้นหนานกงเย่จึงกล่าวว่า “ข้าไม่วางใจ ต่อให้ไม่มีอวิ๋นอวิ๋นข้าก็ทำให้เขายอมรับผิดและเปิดเผยพิรุธออกมาได้”
“ท่านอ๋อง ถ้าทำเช่นนั้นจะจับผิดตระกูลจงชินไม่ได้นะเพคะ ไม่เป็นการดีกว่าหรือที่จะล่องูให้ออกจากถ้ำ ถ้าจับสมาชิกตระกูลจงชินได้สักคนสองคนก็ถือว่าเป็นผลดีเหมือนกัน”
หนานกงเย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าว้าวุ่นไปเลย ข้าจะคอยเฝ้าดูเอง”
“อื้ม”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองเจ้าอีกาน้อย “เจ้าอีกาน้อยจะคอยอยู่ข้างกายหม่อมฉัน และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหม่อมฉันเจ้าจิ้งจอกน้อยจะรู้ทันที ท่านอ๋องอย่าได้กังวล”
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ก่อนจะออกไปก่อน
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นที่เดินจากไปและหันหน้าเดินไปอีกทาง
ฉีเฟยอวิ๋นออกไปเรียกอาอวี่ “อาอวี่ ตามกลับไปกับข้าหน่อยซี ข้าจะไปเอายามาเพิ่มสักหน่อย”
“ขอรับ”
อาอวี่กำลังจะรีบไปเตรียมรถม้า แต่ฉีเฟยอวิ๋นบอกว่าอยากจะเดินไป เขาจึงพาฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่จวนอ๋องเย่
ขณะที่เดินผ่านตรอกแห่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านใน ฉีเฟยอวิ๋นตามเสียงร้องเข้าไปและพบว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในนั้นจริงๆ แต่นางมองไม่ชัดว่าเป็นใคร
อาอวี่ขวางฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ “พระชายา”
“ไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินต่อไป ทันใดนั้นก็มีคนพวกหนึ่งกรูเข้ามาจากทางด้านหลัง อาอวี่หันไปและถูกคนเหล่านั้นจับมัดเอาไว้
“พระชายาหนีเร็ว” อาอวี่ตะโกนบอกนาง ฉีเฟยอวิ๋นใจคอเหี่ยวแห้ง อาอวี่ยังคงเหมือนเดิม การป้องกันของเขาแย่เกินไป
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ไม่ได้คิดจะวิ่งหนีเพราะนางกำลังตั้งครรภ์และวิ่งไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปเพราะอยากจะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างในคือใครกันแน่
เมื่อเดินมาถึง เสียงร้องก็หายไปแล้ว
มีเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจดังมาจากในตรอกและมีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากประตู ฉีเฟยอวิ๋นมองอย่างระมัดระวัง ที่นี่เชื่อมต่อกับจวนอื่น และคนที่เดินออกมาจากประตูเล็กก็คือเมิ่งกวง
ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวและเอ่ยอย่างแปลกใจ “ท่านรองแม่ทัพเมิ่งกวงหรือ”
“ใช่ ข้าเอง พระชายามีความจำดีหรือเป็นเพราะข้าหน้าตาดีกันแน่ พระชายาจึงจำข้าได้” เมิ่งกวงหรี่ตามองฉีเฟยอวิ๋น คำพูดเต็มไปด้วยความสกปรกโสมม
ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ากำลังยืนยันว่านางคิดถูก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เกรงใจอีกต่อไปและถามว่า “เป็นท่านใช่หรือไม่ที่ทำร้ายเฉินอวิ๋นเจี๋ย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ