ผู้คนด้านล่างเริ่มด่าทอไปทั่ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงให้คนโบยพวกเขาและยังโบยเอาให้ตายแล้วผู้ใดจะทนได้
ไม่นานเสียงคร่ำครวญก็กลบเสียงก่นด่า ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่บนโถงมองดูผู้คนเบื้องล่างตัวบิดเบี้ยวคดงออยู่รวมกัน เลือดนั้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
ขณะที่อาอวี่มา ผู้คนบางคนก็เป็นลมหมดสติไปแล้ว
“พระชายา เมื่อครู่ข้าน้อยไปตรวจสอบแล้ว ผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วถูกจ้างมาด้วยเงิน”
"อืม"
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ภายใต้การลงโทษสถานหนักเช่นไรก็ต้องมีคนพูดออกมา
แน่นอนว่าขณะที่อาอวี่พูดอยู่ มีคนข้างล่างผู้หนึ่งตะโกนเสียงแหบว่า: "พระชายาเย่ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย พวกเราถูกจ้างมา"
คำพูดประโยคหนึ่งทำให้ทุกคนตรงนั้นตกใจจนตัวสั่น คนของที่ทำการอยู่โดยรอบทั้งซ้ายขวา เริ่มแรกยังหวาดผวาในความโหดเหี้ยมของฉีเฟยอวิ๋น แต่ตอนนี้กลับดูหนทางออกบ้างแล้ว
ที่นี่คือที่ทำการปกครองเมืองหลวง ข้าหลวงประจำเมืองก็อยู่ตรงด้านข้างของฉีเฟยอวิ๋น
“พระชายา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงอภัยให้ไม่ได้ ควรรีบกราบทูลต่อฝ่าบาททันที”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า: "แน่นอนว่าข้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ฟังพวกเขาพูด"
ข้าหลวงประจำเมืองหลวงนั้นเป็นผู้ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน ตั้งแต่หนานกงเย่เข้ามารับตำแหน่งก็เปลี่ยนถ่ายกลุ่มคน ผู้ที่ฉีเฟยอวิ๋นรู้นั้นก็คือข้าหลวงประจำเมืองหลวงเวยฉือ
ผู้ที่ทนการถูกโบยตีไม่ไหวถูกลากไปอยู่ฝั่งหนึ่ง อาอวี่เข้าไปสอบถามอีกฝ่ายก็คายออกมา
เดิมทีพวกเขาทั้งหมดถูกชายผู้หนึ่งชื่อเฉินสือคังเรียกไปพบขอให้พวกเขาไปก่อความวุ่นวาย
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ: "คนผู้นี้คือผู้ใดกัน?"
“เขาเป็นอันธพาลประจำถิ่นผู้หนึ่งซึ่งพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองหลวงและมีการค้าเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นๆทำการค้าในหอบุปผาบ้าง แต่ว่าคนผู้นี้ไม่ได้ต่อต้านราชสำนัก เหตุใดเขาถึงมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้?”
อาอวี่ไขข้อสงสัยไม่ออก ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอาอวี่ครั้งหนึ่งด้วยความกังวลในความสามารถทางความนึกคิดของอาอวี่จริงๆ
“เจ้าไปนำตัวเขามา ข้าจะถามดู”
อาอวี่พยักหน้าและหันหลังไปกระทำในเวลานี้
ข้าหลวงประจำเมืองหลวงเวยฉือเหงื่อแตก เขารู้เพียงว่าอ๋องเย่กระทำการฆ่าและทารุณอยู่เสมอเป็นนิสัย ไม่คิดเลยว่าพระชายาเย่ก็เป็นเช่นเดียวกัน
เรื่องใดก็ตามประหารก่อนค่อยรายงาน จับกุมตัวมาก็โบยเลย
ไม่น่าแปลกใจที่มีคนลือว่าอ๋องเย่เกรงกลัวภรรยา
ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เฉินสือคังถูกนำตัวมาอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้เฉินสือคังก็ตกใจกลัวมากเช่นกัน เมื่อเห็นเลือดที่อยู่ด้านหน้านั้นตัวเขาก็สั่นสะท้าน
เขาเป็นแค่หนุ่มนักเลงซึ่งพอมีเงินอยู่บ้างและก็ไม่เคยคาดคิดที่จะฆ่าคนเป็นผักปลา
เขาทำการค้าก็เพื่อหาเงิน หากมีคนให้เงินเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เอา จวนอ๋องเย่เป็นสถานที่ใดนั้นเขารู้ แต่เขาเพียงแค่หาคนไม่กี่คนกระจายข่าวลือและไปก่อกวนตรงหน้าประตูจวนอ๋องเย่ไม่ได้กระทำเรื่องราวใหญ่โตฆ่าฟันสิ่งใดดังนั้นก็ไม่ได้เกรงกลัว
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเลือดท่วมเต็มพื้นเขาก็กลัวซะแล้ว กลัวจนทันทีที่เขาเข้าประตูมาก็คุกเข่าให้ฉีเฟยอวิ๋น
ในทางกลับกันเมื่อมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นนั้นนางกำลังมองผู้คนซึ่งกลัวจนตัวสั่นอย่างเฉยเมย
ฉีเฟยอวิ๋นตระหนักในทันทีว่าบางครั้งความโหดร้ายนั้นจำเป็นและการฆ่าก็จำเป็นเช่นกัน
นางเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าในการที่หนานกงเย่โหดเหี้ยมมากเช่นนั้น
หากไร้ซึ่งความโหดเหี้ยมของเขาแล้วจะมีความอิจฉาริษยาของผู้คนเบื้องล่างได้เช่นไร
“เจ้าเป็นผู้ใด?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม เฉินสือคังซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านล่างก็รีบตอบ
“ข้าชื่อเฉินสือคัง” เฉินสือคังตอบอย่างสั่นเทา เขาตกใจกลัวจนแย่แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นถามต่อว่า: "เจ้าเป็นผู้ใช้เงินจ้างผู้คนเหล่านี้ให้มาก่อความวุ่นวายในจวนอ๋องเย่ของข้าหรือ?"
“ไม่ใช่.....ไม่ใช่......ไว้ชีวิตด้วย พระชายาเย่ไว้ชีวิตด้วย ผู้น้อยก็ถูกบังคับเช่นเดียวกัน!”
"โอ้?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ