“ท่านพ่อไม่ได้ย่างเท้าออกนอกบ้านมาสองสามวันแล้ว เขาวิตกกังวล ได้ยินท่านพี่บอกว่าเป็นเพราะเรื่องของท่านอ๋องเย่ ว่ากันว่าท่านอ๋องเย่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่มีทางที่จะช่วยได้เลย”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ยังมีจุดประสงค์อื่นที่มาในครั้งนี้ นางต้องการอธิบายสถานการณ์กับหนานกงเย่ให้ชัดเจน การที่เกิดเรื่องขึ้นกับเขาและรอดตายอย่างหวุดหวิดนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน และมีเรื่องบังเอิญมากมาย
หนานกงเย่ยิ้มจาง ๆ:“อวิ๋นเอ๋อร์กังวลมากเกินไปแล้ว เรื่องของข้า ข้ารู้ชัดเจนดี แม้ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เรื่องบางอย่างข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อคดีจบลงแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงอีก และอวิ๋นเอ๋อร์ก็ไม่ต้องเป็นกังวล”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก้มหน้าลงและหน้าแดง นางกับหนานกงเย่โตมาด้วยกัน แม้ว่าพวกเขาจะอายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี แต่ว่ากันว่านางมีใจให้หนานกงเย่ ถ้าเธอสามารถเตะฉีเฟยอวิ๋นออกไปจากจวนและสามารถเข้ามาแทนที่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
และในเวลานี้ความกังวลในใจของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ลดลงไปไม่น้อย ถึงอย่างไรอ๋องเย่ก็ไม่ได้โกรธพ่อของนาง เช่นนี้แล้วนางก็จะไปมาหาสู่กับอ๋องเย่ได้ และสักวันหนึ่งนางจะเอาตำแหน่งพระชายาเย่มาเป็นของนางให้ได้
พ่อบ้านเข้ามาจากด้านนอกประตู และรายงานเรื่องโสมพันปี และสีหน้าของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ดูน่าเกลียดในชั่วพริบตาเดียว
แต่นางต้องอดกลั้นไว้ นางพยายามที่จะควบคุมตัวเองและกล่าวว่า:“โสมพันปีนี้ไม่สิ่งของธรรมดาทั่วไป เป็นฮองเฮาที่ได้มาจากฝ่าบาทในฤดูใบไม้ร่วง ปีที่แล้วท่านพ่อของข้าไม่สบาย จึงได้รับพระราชทานมา ท่านพ่อไม่เต็มใจที่จะใช้มัน ครั้งนี้ข้าจึงนำมันมาด้วย ได้ยินหมอหลวงบอกว่าไม่ควรจะบดเป็นผง แล้วจะบดเป็นผงได้อย่างไร?”
แม้ว่าคำพูดจะอ่อนโยนและสุภาพ แต่ร่องรอยของความอดทนอดกลั้นก็ไม่ควรมองข้าม
เมื่อพ่อบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ โสมพันปีอย่างดีเปล่าประโยชน์ไปแล้วหรือ นี่คือสิ่งที่รองลงมา จากความหมายของคุณหนูเฉิน นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้จวนอ๋องเย่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่อ๋องเย่อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท เดิมทีหัวกระไดไม่แห้ง แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครมา และไม่ง่ายเลยที่ตระกูลเฉินจะมา ล่วงเกินไปแล้ว ต่อไปก็ยังมีโอกาส?
“ท่านอ๋อง ข้าจะไปลองถามพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่พ่อบ้านพูดจบ หนานกงเย่ก็พยักหน้า
เมื่อพ่อบ้านออกมาแล้วก็กำลังจะไปหาฉีเฟยอวิ๋น แต่เขาก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นกำลังเดินมาพร้อมกับยาสองสามชุด นางยื่นมันไปให้พ่อบ้าน:“ยาหนึ่งเม็ดสำหรับหนึ่งวัน ต้องขอบคุณโสมพันปีของคุณหนูเฉิน ท่านอ๋องจะดีขึ้นในเร็ววัน”
หลังจากที่พูดจบแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้ไปดูหนานกงเย่ และหันหลังเดินกลับไป
แม่พ่อบ้านมองดูยาและเมื่อได้ยินว่าจะดีขึ้นในเร็ววันก็รีบกลับไปรายงานในทันที
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ดีใจมากเช่นกัน ราวกับว่าเป็นคุณงามความดีของนาง และแน่นอนว่าต้องดีใจ
หนานกงเย่รู้ดีว่าไม่มีโสมอายุนับพันปีอยู่ในนั้น และโสมอายุนับพันปีนั้นก็ถูกฉีเฟยอวิ๋นโกงไปแล้ว
ถึงอย่างไรในจวนอ๋องเย่ก็มีโสมพันปีอยู่ไม่น้อย ไม่สนใจหรอก ถ้านางชอบก็ให้นางไป
ความคิดเช่นนี้วนเวียนอยู่ในหัวของหนานกงเย่ และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหา เขาเต็มใจที่จะให้โสมพันปีกับผู้หญิงที่น่าเกลียดคนนั้นหรือ?
“ท่านอ๋องเย่ สายมากแล้ว ข้าควรจะกลับไปกินข้าวได้แล้ว”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน และแสร้งทำเป็นว่าจะกลับไปกินข้าว เช่นนี้แล้วหนานกงเย่จะได้รั้งนางไว้ และอาจจะให้นางอยู่กินข้าวด้วยกัน
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รั้งนางให้อยู่
แต่พ่อบ้านคิดถึงข่าวลือข้างนอก ท่านอ๋องกับคุณหนูเฉินต่างมีใจให้กัน และพสนิทสนมกันมานานแล้ว
ถ้าก้าวหน้ากว่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องดี
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณหนูเฉินเต็มใจที่จะยอมลดเกียรติมาเป็นพระชายารองในจวนหรือไม่
“ท่านอ๋อง ในครัวได้เริ่มเตรียมการแล้ว และคิดว่าคุณหนูเฉินจะอยู่เสวยอาหารกับท่านอ๋อง” พ่อบ้านกล่าวเตือนและหนานกงเย่ก็เข้าใจ เกิดเรื่องขึ้นกับเขา คนในจวนก็อกสั่นขวัญหาย ในเวลานี้คนของตระกูลเฉินมาเยือน แม้ว่าจะบ่งบอกถึงการกลับคืนมา แต่ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็กลัดกลุ้มใจ
แต่พวกเขาจะรู้ความคิดของเขาได้อย่างไร
ช่างเถอะ ให้ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับพวกเขา
“อวิ๋นเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่มีอะไร ก็อยู่ต่อเถอะ”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์รอคำพูดนี้ของหนานกงเย่ แน่นอนว่าเมื่อได้ยินนางก็ดีใจ และตอบตกลงในทันที:“เช่นนั้นข้าอยู่ต่อนะเพคะ”
“อืม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ