ฮูหยินรองหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น "เป็นเพราะหม่อมฉันสั่งสอนลูกไม่ดีเองเพคะ เมื่อไม่กี่วันก่อนแม่ของนางถูกท่านราชครูส่งกลับไปอยู่บ้านเกิด หม่อมฉันจึงยังไม่มีเวลาสั่งสอนดูแล ไม่คิดเคยว่านางจะไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ พระชายาเย่ได้โปรดอภัยด้วยเพคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ที่ข้ามาก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องอะไร ฮูหยินวางใจได้" ฉีเฟยอวิ๋นจึงหันหลังเดินกลับออกไป
เมื่อเธอออกไปแล้ว ฮูหยินรองจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านนอกเรือนของราชครูจวิน และนำเรื่องทั้งหมดไปรายงานกับราชครูจวิน
ราชครูจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ห้าสิบทีจะพอได้อย่างไร เพิ่มไปอีกหนึ่งร้อยที โบยให้ตายแล้วลากออกไปโยนให้กับบ้านเกิด และห้ามให้นางกลับมาตระกูลจวินอีก"
"เจ้าค่ะ"
ฮูหยินรองกลับออกไปและสั่งให้คนโบยหนึ่งร้อยห้าสิบที เมื่อโบยเสร็จให้ส่งกลับไปที่บ้านเกิดของจวินซือซือ
จวินซือซือถูกโบยจนเกือบจะหมดลมหายใจ เหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้ายที่ยังฝืนพยายามอยู่ สามีที่เพิ่งแต่งงานไปของนางเดิมทีชอบนางมาก แต่ขณะนี้เมื่อเห็นว่านางกลับมาบ้านแล้วถูกโบยเช่นนี้ คิดว่าคงจะไม่ได้รับความรักความโปรดปรานอีกต่อไป เมื่อรู้สึกโกรธขึ้นมาจึงไม่สนใจจวินซือซืออีกต่อไป
จวินซือซือกัดฟันกรอดนางเพิ่งจะรอดมาได้สามวัน หลังจากสามวันผ่านไปก็นับว่าได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
หลายวันมานี้ฉีเฟยอวิ๋นหมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงท่านพ่อแม่ทัพฉีของเธอ เธอเกรงว่าท่านพ่อของเธอจะกินอยู่ไม่สุขสบายและมักมองไปทางเขตชายแดนอยู่เป็นประจำ และถามอยู่บ่อยครั้งว่าอยู่ที่ใดแล้ว
เจ้าอีกาน้อยเฝ้าคอยอยู่บนหลังคาเรือนทุกวี่วัน ฉีเฟยอวิ๋นสั่งเอาไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ท่านแม่ทัพฉีออกรบไป จะต้องรายงานสถานการณ์ของแม่ทัพฉีให้เธอทุกวัน ฉะนั้นทุกวันเช้าและเย็นมักจะมีเจ้าอีกาน้อยคอยส่งสารให้กับเธอ
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน ฉีเฟยอวิ๋นถามหนานกงเย่ว่าแม่ทัพฉีอยู่ที่ใดแล้ว หลังจากนั้นก็รอการตอบกลับ
หนานกงเย่จึงถามว่า "นี่คือสาเหตุของการที่ลูกสาวเป็นกังวลเมื่อท่านพ่อออกเดินทางพันลี้หรือ?"
"เรียนรู้ได้รวดเร็วนะเพคะ ช่างน่าเสียดายที่ท่านอ๋องไม่ไปเป็นมหาบุรุษ!"
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอยู่นั้น หงเถาเข้ามาโค้งคำนับอยู่ที่หน้าประตู "ท่านอ๋องเพคะ พระชายาเพคะ อวิ๋นจิ่นมาขอเข้าพบเพคะ"
ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไป "เข้ามาสิ"
"เจ้าค่ะ"
หงเถาออกไปข้างนอก หนานกงเย่จึงกลับไปที่ห้องตำราและปิดประตูไปทำธุระของเขา
ด้วยเรื่องนี้เอง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกพอใจอย่างมาก
ความเป็นคนที่สมบูรณ์เช่นนี้ของหนานกงเย่ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างมาก
อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาจากประตูและหันไปทำความเคารพฉีเฟยอวิ๋น "คารวะนายท่านเจ้าค่ะ"
"มีธุระอะไรหรือ?" ฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้อวิ๋นจิ่นนั่งลง นางก็เดินไปและนั่งลง
อวิ๋นจิ่นเดินไปอีกฝั่งและนั่งลง "นายท่านเจ้าคะ วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ท่านแม่ทัพออกรบแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
"ใช่"
"นายท่านเจ้าคะ ต้องเตรียมเบี้ยหวัดและเสบียงของทหารหรือไม่เจ้าคะ?"
ฉีเฟยอวิ๋นทำท่าทางครุ่นคิด "อวิ๋นจิ่น ทำไมจู่ๆ เจ้าก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาหรือ?"
อวิ๋นจิ่นจึงคิดหาเหตุผลขึ้นมา "ครั้งนี้ที่ท่านแม่ทัพไปออกรบไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ ครั้งนี้ผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งเสบียงอาหารให้กับกองกำลังพลก็เป็นทหารของตระกูลจวิน และครั้งนี้กองกำลังทหารขนส่งเสบียงที่ท่านแม่ทัพนำไปด้วยก็ไม่ใช่กองกำลังของท่านแม่ทัพฉี ซึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
และในขณะนี้เขตชายแดนก็เกิดเรื่องขึ้น หากสงบศึกลงได้ก็ถือเป็นการดี หากไม่สามารถทำได้ เกรงว่าอาณาจักรต้าเหลียงจะแตกระแหงเป็นเสี่ยงๆ
ถึงตอนนั้นมาจัดเตรียมอีกทีก็เกรงว่าจะไม่ทันการเอา
อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจัยสำคัญในการออกรบก็คือเรื่องอาหารการกิน เสบียงและความเป็นอยู่ต้องพร้อมเป็นอันดับแรก และนี่ก็คือเหตุผลที่ต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
และหากจะรอจากทางราชสำนักละก็อวิ๋นจิ่นก็ไม่ไว้วางใจ หากทหารของตระกูลจวินไม่พอใจราชสำนักและท่านแม่ทัพฉี เช่นนั้นกองกำลังทหารของท่านแม่ทัพฉีก็จะเกิดเรื่องขึ้นได้
ขณะนี้กำลังออกเดินทาง กว่าจะถึงก็ต้องอีกหนึ่งเดือน เรื่องการรบก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
หากยังไม่จัดเตรียมเรื่องเสบียงอาหารก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลาเอานะเจ้าค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ