“กองทัพทหารของตระกูลจวินมีจำนวนนับแสนคน การจัดการกลุ่มคนมากเพียงนี้จวินเจิ้งตงจะต้องมีวิธีการพูดจูงใจคนอย่างแน่นอน จวินฉูฉู่เพิ่งตายไป ท่านพ่อของเขาก็มาตายอีก เห็นได้ชัดว่าเขามีแรงจูงใจในการคิดก่อกบฏ
หากจวินเจิ้งตงตายไป เกรงว่าพระสนมเอกเซียวจะต้องเกิดเรื่องเป็นแน่
ฝ่าบาทจต้องมีแนวคิดของฝ่าบาทเป็นแน่”
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ : “ท่านพ่อ ท่านมีปัญญาและห้าวหาญเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาต่อหน้าฝ่าบาทละเจ้าคะ”
“แต่ไหนแต่ไรข้าก็ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเช่นนี้เสมอ เรื่องการเคลื่อนทัพออกสู้รบข้าล้วนเข้าใจ ยิ่งต่อสู้มาก ก็ยิ่งสั่งสมประสบการณ์มาก แต่หากเอ่ยเรื่องราชสำนัก เรื่องราวภายในวังหลวง ข้าคงไม่เข้าใจ ข้าก็เป็นแค่คนบู๊หยาบกร้านผู้หนึ่ง”
ท่านแม่ทัพฉีดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพลางเร่งเร้าให้ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางท่านแม่ทัพฉี : “ท่านพ่อ บางครั้งข้าก็เชื่อจริง ๆ นะว่าท่านเป็นท่านแม่ทัพฉีที่มีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา”
“.......” ท่านแม่ทัพฉีผงะไปชั่วครู่ ฉีเฟยอวิ๋นกลับกล่าวว่า : “แต่ท่านพ่อเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา”
“เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ?” ท่านแม่ทัพฉีเร่งเร้าอีกครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นจึงยอมนอนในที่สุด
ไม่นาน ท่านแม่ทัพฉีก็ได้ออกคำสั่ง : “ทหาร เพิ่มกำลังคนไปคุ้มกันกระโจมทหาร ก่อนมื้อเที่ยง หากไม่มีคำสั่งจากแม่ทัพอย่างข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกมาเดินเตร็ดเตร่ข้างนอก หากมีคนออกมาเดิน จัดการด้วยวิธีการทหารได้เลย”
ภายในค่ายทหารนั้นต้องรวดเร็วว่องไวเตรียมพร้อมรบตลอดเวลา ครึ่งชั่วยามผ่านไปภายในค่ายทหารก็ไม่มีผู้ใดกล้าออกมาเดินเล่นด้านนอกแม้แต่ผู้เดียว
ท่านแม่ทัพฉีเดินออกมาและมองออกไปรอบนอกกระโจมแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้ามานั่งมองฉีเฟยอวิ๋นภายในกระโจม
เมื่อจวินเซียวเซียวเห็นผู้เป็นบิดาของตนอยู่ในห้องน้ำที่โกโรโกโสเช่นนั้น ก็ร่ำไห้ด้วยความปวดใจทันที
จวินเจิ้งตงไม่ชอบบุตรสาวอย่างจวินเซียวเซียว จวินฉูฉู่เป็นบุตรสาวคนโตของเขา แต่ไหนแต่ไรมาเขาล้วนแต่โปรดปรานแค่บุตรสาวคนโต ไม่เคยคาดคิดว่าบุตรสาวคนรองนั้นกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ไม่ไกลนัก นางเป็นพระสนมอยู่ในวังหลวง แต่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมาพบเขา ย่อมซาบซึ้งใจไม่น้อย
สองพ่อลูกร่ำไห้ครู่หนึ่ง จวินเซียวเซียวคุกเข่าลงบนพื้นพลางดึงมือของจวินเจิ้งตงไว้ และกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “ท่านพ่อ ท่านหิวหรือไม่ พวกเขาให้ข้าวท่านพ่อกินหรือไม่ ให้ท่านพ่อได้นอนหลับบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
ทันทีที่ได้ยินคำเหล่านี้ จวินเจิ้งตงก็หยุดชะงักไป ก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นท่านแม่ทัพ แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจเขาถึงเพียงนี้
บุตรสาวผู้นี้มาถึงที่นี่ ถามสารทุกข์สุกดิบเขาทุกอย่าง เขาจะไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร
จวินเจิ้งตงเป็นแม่ทัพมานานหลายสิบปี และคอยติดตามปฐมกษัตริย์มาตั้งแต่วัยเยาว์ กลายเป็นท่านแม่ทัพโดยปฐมกษัตริย์ เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ร้องไห้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
จวินเซียวเซียวรีบปาดน้ำตาและกล่าวว่า : “แม่ทัพน้อยเฉิน รบกวนท่านช่วยไปรายงานท่านแม่ทัพให้ข้าด้วย ว่าท่านพ่อของข้ายอมกลับใจแล้ว หวังแค่ให้ท่านพ่อได้ออกไป ให้เขาได้ล้างเนื้อล้างตัวและกินอาหาร เขาอายุปูนนี้แล้ว ข้างล่างก็เปียกชื้น จะทำให้เขาป่วยเอาเสียได้”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “เรื่องนี้กระหม่อมจนปัญญา พระสนมต้องเสด็จไปบอกเองพ่ะย่ะค่ะ”
“หยุดขอร้องพวกเขาได้แล้ว” เมื่อจวินเจิ้งตงได้ยินบุตรสาวถูกปฏิเสธ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
“ท่านพ่อ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องละ” จวินเซียวเซียวร้องไห้แทบขาดใจ ร้องไห้จนเป็นลมสลบไป
เมื่อเห็นบุตรสาวสลบไปจวินเจิ้งตงจึงรีบตะโกนออกไปเสียงดัง : “รีบมาช่วยบุตรสาวของข้าเร็วเข้า”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่กล้านิ่งเฉย รีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวทันที
ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ตกใจเช่นกัน จวินเซียวเซียวถูกอุ้มเข้ามาในกระโจม ฉีเฟยอวิ๋นจึงรุดหน้าเข้าไปดูอาการให้นางทันที เมื่อทำการตรวจอาการแล้วฉีเฟยอวิ๋นถึงกับผงะไปชั่วขณะ
“พระสนมเอกเซียวตั้งครรภ์?”
ท่านแม่ทัพฉีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน : “จริงรึ?”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า : “ได้หนึ่งเดือนกว่าแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านแม่ทัพฉีมองดูแวบหนึ่ง : “ฝ่าบาทจะต้องดีใจมากเป็นแน่?”
ท่านแม่ทัพฉีปีติยินดีอย่างมาก ราวกับเป็นบุตรของเขาเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ