ผู้คนที่ตามอยู่นั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นต้องการหารูเพื่อจะมุดเข้าไปและตีหนานกงเย่ไปครั้งหนึ่ง: "ท่านดูพวกเขาหัวเราะสิ"
"หัวเราะแล้วเป็นเช่นไร? การหัวเราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์"
หนานกงเย่ผลักฉีเฟยอวิ๋นออกแล้วถามต่อหน้าลูกน้องของเขาว่า: "คิดถึงข้าหรือไม่?"
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น: "ท่านกำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใด?"
ผู้คนรอบตัวมากมายเช่นนี้และนางก็อ้วนราวกับลูกบอลมีที่ใดที่ดูดีกัน เพียงแค่พบหน้าก็ด้วยท่าทีเช่นนี้
“กล่าวสิ่งใดหรือ? ข้าคิดเป็นแน่!”
“ไปให้พ้น!” ฉีเฟยอวิ๋นโกรธจนด่าเสียงดังออกมา
หนานกงเย่กล่าวอีกครั้งแล้วผู้คนรอบข้างก็หัวเราะครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจนกว่าพวกเขาจะหยุดหัวเราะฉีเฟยอวิ๋นถึงได้มองไปยังฝูงอีกาสีดำซึ่งวนอยู่เหนือศีรษะ และในนั้นก็มองไม่เห็นเจ้าแห่งอีกา
“ท่านอ๋อง เจ้าแห่งอีกาอยู่ที่ใด?”
“อยู่ด้านหลัง อารมณ์ไม่ค่อยดีอาจจะคับข้องใจซะแล้ว ค่อยไปดูทีหลัง” หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวจากไปฉีเฟยอวิ๋นเห็นคนสามคนในหมู่ฝูงชน
"พวกเขาคือ?"
"ผู้ที่อยู่ด้านหน้าคือจวินอีเซี่ยวข้างหลังคือจวินอีไท่กับจวินอีเต๋อ ลูกชายทั้งสามของจวินเจิ้งตง"
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองพวกเขา ทั้งสามคนอายุน้อยกว่าสามสิบปีและแตกต่างกันไม่มาก ทุกคนมีรูปร่างหน้าที่ดูดีและองอาจห้าวหาญเพียงแค่เวลานี้เหน็ดเหนื่อยไปบ้าง ไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังเหมือนขอทานอีกด้วย
“พวกเขาถูกทหารของศัตรูจับตัวไปหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ
“สองคนนี้ถูกจับส่วนอีกคนหนึ่งนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” หนานกงเย่เหลือบมองจวินอีเซี่ยว: “นำตัวไป”
ระหว่างทางที่กลับฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถึงสถานการณ์ของจวินเจิ้งตงซึ่งหนานกงเย่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
“พักผ่อนคืนหนึ่งแล้วพรุ่งนี้ค่อยพิจารณากัน”
กลับถึงยังกระโจมทหารแม่ทัพฉีวูบเล็กน้อย เห็นลูกเขยกลับมานั้นมีความสุขมากแต่พวกเขาสามีภรรยาพักอาศัยอยู่กับเขาก็ไม่ใช่หนทาง
“พ่อให้คนมาจัดการกระโจมทหาร......”
“ไม่ต้องแล้ว ลูกเขยมีเรื่องจะหารือกับท่านพ่อตา”
หนานกงเย่กล่าวขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่มีคำพูดใดจะกล่าวซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อน แม่ทัพฉีกับหนานกงเย่หารือกัน เริ่มแรกฉีเฟยอวิ๋นได้ยินอยู่บ้างตอนหลังนางก็นอนหลับไป
นอนตื่นขึ้นมาก็ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นนั้นจู่ๆก็ตื่นขึ้นมา นางมองไปโดยรอบพ่อของนางสร้างเตียงขึ้นใหม่เตียงหนึ่งวางไว้ยังฝั่งหนึ่งแล้วนอนพักผ่อนอยู่ด้านบน หนานกงเย่ไม่อยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปที่ใด
สำหรับบางเรื่องของคนสมัยโบราณฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ยกตัวอย่างเช่นวิชาตัวเบา เหตุใดถึงได้บินข้ามกำแพงไปได้
จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่าไม่มีวิชาตัวเบาบินข้ามกำแพงอันใด ส่วนใหญ่ก็เขียนออกมาโดยนักเขียน
แต่ปัญหาคือพอมาถึงสถานที่นี้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่เพียงแต่เห็นมีคนใช้วิชาตัวเบาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เรื่องนี้นางถึงได้รู้สึกคับข้องใจนัก
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ราวกับฝันไปยังไงยังงั้น
ลุกขึ้นลงจากเตียงฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังบนโต๊ะตรงนั้นซึ่งเจ้าแห่งอีกายืนอยู่ เขายังคงหยิ่งผยองดังเดิมแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมักจะรู้สึกเวทนาอยู่บ้าง อาจเป็นศักดิ์ศรีที่เจ้าแห่งอีกาได้ฝืนแสดงออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปนั่งลงตรงหน้าเจ้าแห่งอีกา: "ข้าดูหน่อย"
เจ้าแห่งอีกาเดินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นวางมือไว้ใต้ปีกของมันแล้วเริ่มตรวจดูอาการของเจ้าแห่งอีกาจากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ฮึ พวกเขาช่างกล้ายิ่งนักถึงกับกล้าดูหมิ่นเจ้าแห่งอีกาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าบัญชีนี้จะต้องได้รับการชำระให้ได้"
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าแห่งอีกามาไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบและถามว่า: “อีกาดำของพวกเขาดูไม่ดีหล่ะสิเจ้าถึงได้ไม่ชอบ?”
เจ้าแห่งอีกาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาแปลกๆ ฉีเฟยอวิ๋นลูบ: "เจ้าแห่งอีกาเช่นเจ้านี้พวกเขานั้นไม่เคยเห็นมาก่อน พันธุ์ของเจ้านี้คาดว่ามีแค่เพียงในเมืองต้าเหลียงของเราเท่านั้น พวกเขาต้องการให้เจ้ากับอีกาดำของพวกเขาให้กำเนิดลูกหลาน ถึงเวลาก็นำมาฝึกฝน แต่เจ้าไม่ได้สนใจพวกเขาจึงได้ใช้ยากับเจ้า แต่ว่าไม่เป็นไรตอนนี้เจ้าก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ข้าดูแลรักษาเจ้าแล้วก็จะดีเอง สำหรับเสียงของเจ้าจะไม่เป็นอันใด"
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมีดมาแล้วกรีดข้อมือจากนั้นมีเลือดไหลออกจากข้อมือแล้วฉีเฟยอวิ๋นนำมาครึ่งชามวางลงให้กับเจ้าแห่งอีกา: "เจ้าดื่มเถอะ นี่เป็นยาชูกำลังและยาถอนพิษที่ดีที่สุด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ