ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นคืนที่ไม่ธรรมดา ฉีเฟยอวิ๋นคล้ายดั่งถูกเรียกร้องอย่างหนักหน่วง เวลาต่อมาถึงได้ส่ายศีรษะปฏิเสธ
เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก รุ่งเช้าฉีเฟยอวิ๋นเลยนอนไม่ตื่น
ตอนที่อวิ๋นจิ่นเข้ามาหนานกงเย่ได้ออกไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นนอนอยู่ด้านใน ชำเลืองมองอวิ๋นจิ่นแล้วเธอจึงนอนต่อ
อวิ๋นจิ่นอุ้มเด็กน้อยไปที่ห้องฝึกซ้อม และสั่งให้หงเถากับลี่ว์หลิวดูแลก่อน นางเดินไปเปิดหน้าต่างออกเล็กน้อย เพื่อที่จะทำให้อากาศภายในห้องโล่งปลอดโปร่งถ่ายเทสะดวก และเพื่อกระจายพัดผ่านบรรยากาศของที่หลงเหลืออยู่ด้วย
ช่วงที่ฉีเฟยอวิ๋นนอนตื่นก็ช่วงเวลาเที่ยงวันแล้ว พอตื่นนอนขึ้นมาเธอได้ไปดูเด็กๆก่อน แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และกินอาหารทางห้องฝั่งทิศตะวันตก อวิ๋นจิ่นพาคนทำความสะอาดภายในห้องเรียบร้อย ถึงได้ไปหาเด็กน้อย
ตอนที่อวิ๋นจิ่นกำลังไปบังเอิญพบเข้ากับหวังฮวายอัน พอเข้ามาพอดีกับที่ทั้งสองคนได้เฉียดกายกัน อวิ๋นจิ่นหยุดชะงักทันที แล้วถอนสายบัวกล่าวว่า”ถวายบังคมเพคะท่านกั๋วจิ้ว!”
หวังฮวายอันหมุนตัวมองอวิ๋นจิ่น จากนั้นกล่าวว่า”เงยหน้าขึ้น ข้าขอดูหน่อย”
อวิ๋นจิ่นเงยหน้า แล้วก้มลงอีกครั้ง
“อวิ๋นจิ่นหรือ?”หวังฮวายอันกล่าวถาม
“เพคะ”
“ออกไปเถิด”
หวังฮวายอันหมุนตัวเดินไปที่ห้องฝั่งทางทิศตะวันตก ตอนเช้าก็มาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลุกและก็ไม่ได้เข้ามา
ครั้งนี้มีคนแจ้ง เขาถึงได้มา เพราะฉะนั้นพอเข้ามาเขาเลยมุ่งตรงไปที่ห้องฝั่งทางทิศตะวันตกเลย
อาอวี่ยืนอยู่หน้าห้องฝั่งทิศตะวันตก สายตาเบนมองอวิ๋นจิ่นที่ออกไป พอเจอหวังฮวายอันเลยโค้งคำนับกล่าวว่า”กั๋วจิ้ว”
“พระชายาเย่อยู่หรือไม่?”
“อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
อาอวี่ผลักประตูออก จากนั้นหวังฮวายอันจึงเดินเข้าไป
“กั๋วจิ้ว”พอพบเจอหวังฮวายอันฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบลุกขึ้นทักทาย
“เปิดประตูไว้เถิด”หวังฮวายอันกล่าวแล้วเดินไปนั่ง หนานกงเย่ไม่อยู่เขาก็ไม่ได้แปลกใจ ได้ยินมาว่าสองวันนี้หนานกงเย่จะยุ่งมาก และหวังฮวายอันเป็นผู้ควบคุมกองสอดแนม เขารู้เรื่องความเคลื่อนไหวของหนานกงเย่นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ฉีเฟยอวิ๋นมองอาอวี่ที่อยู่หน้าประตู แล้วกล่าวว่า”อาอวี่ นำชามาถวาย”
แม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บ แต่หนานกงเย่ไม่อยู่ หลีกเลี่ยงการเป็นขี้ปากคน หวังฮวายอันทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
คำพูดของผู้คนน่ากลัว สถานที่แห่งนี้แม้แต่ดาวขนาดเล็กยังสามารถกลืนกินคนได้เลย!
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง หวังฮวายอันเอื้อมมือออกมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้แตะสัมผัสจับชีพจรบริเวณข้อมือของหวังฮวายอันเพื่อตรวจชีพจรให้เขา
หวังฮวายอันเงยหน้ามองใบหน้าที่เรียบเฉยของฉีเฟยอวิ๋น มันเป็นสัญญาณลับที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
อาอวี่มองอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ทั้งสองคนนี้เหตุใดถึงได้ลึกลับเช่นนี้!
“เมื่อคืนนี้ดีขึ้นหรือไม่?”ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือออกแล้วกล่าวถาม
หวังฮวายอันดึงมือกลับมา กล่าวขึ้นว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ค่อยลุกเท่าไหร่แล้ว แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าทรมาน เมื่อเช้าลุกขึ้นมาการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก ไม่ได้มีอาการบวมแล้ว”
“ท่านกลับไปกินยา หลังจากนี้สามวันข้าจะเตรียมยาให้ท่านนะ แต่โรคของท่านนี้คล้ายดั่งขับก้อนนิ่วเป็นหลัก พยาธิสภาพของโรคข้าไม่พูดถึงแล้วกัน วันนี้ท่านต้องดื่มน้ำให้มาก เดินเคลื่อนไหว มันจะเป็นผลดีต่อท่าน จะได้ขับก้อนนิ่วออกได้ไว
ตามปกติที่ข้าคิดพิจารณา ขนาดก้อนนิ่วของท่านนี้ ทางที่ดีที่สุดต้องทำการผ่าตัด อีกอย่างการขับก้อนนิ่วจะเจ็บเล็กน้อย อีกทั้งปัสสาวะของท่านจะเป็นสีแดง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปกติ”
“ใช่แล้ว ข้าเอาหมอประจำจวนของข้ามาด้วย ท่านช่วยข้าดูสักหน่อย เขาอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า”
หวังฮวายอันไม่มีทางที่จะเก็บคนที่แอบวางแผนชั่วไว้ข้างกายหรอก เพราะฉะนั้นเขาต้องการตรวจสอบคำพูดของฉีเฟยอวิ๋นว่าจริงหรือเท็จ
ฉีเฟยอวิ๋นก็จับทางเดาได้แล้ว อาอวี่เพิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ