ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่เรือนหลังเพื่อไปดูสวีกงกง วันนี้อาการของสวีกงกงดีขึ้นมาก เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ซักถามเกี่ยวกับการเรื่องตำราบทสวดของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าการควบคุมของจวนแม่ทัพนั้นมีความเข้มงวดมาก ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องในวังหลวงออกไปแม้แต่น้อย
อันที่จริงถึงแม้ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวง
ประชาชนรู้เพียงแค่ท่านอ๋องเย่ได้สังหารจงชินแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้ความปั่นป่วนในวังหลวง
"เรื่องของตำราบทสวดนั้นข้ายังต้องไปรับมาจากพระพันปี แต่ข้ากังวลว่าพระพันปีจะถามซักไซ้ข้า ข้ายังลังเลว่าจะรอไปอีก รอให้ข้าและท่านอ๋องไปวัดแล้วถามพระอาจารย์ว่ามีอะไรจะมอบให้กับข้าได้บ้าง หลังจากนั้นก็จะนำมามอบให้กับกงกง"
"พระชายาพูดมาก็มีเหตุผล ข้าน้อยก็ไม่ได้รีบร้อน เพียงแต่เมื่อคืนฝันเห็นอาซี เห็นนางนั่งอยู่ในห้องมืดที่มีเพียงแสงสลัวอยู่ข้างใน และบริเวณโดยรอบก็ว่างเปล่าและโดดเดี่ยว หลังจากตื่นนอนแล้วก็รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ"
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม "เช่นนั้นก็นับว่าดีแล้ว ต้องเป็นเพราะตอนมีชีวิตอยู่ป้าซีได้ทำเรื่องดีๆ ไว้เยอะและไม่เคยทำร้ายใคร เมื่อตายไปแล้วก็มาคุ้มครองดูแลเป็นเงา มอบห้องเล็กๆ ไว้ให้นางได้ใช้ชีวิตอยู่ในนั้น
อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าป้าซีจะถูกส่งไปยังนรกชั้นที่สิบแปดด้วยซ้ำ!"
"หา!" เมื่อได้ยินว่านรกชั้นที่สิบแปด สวีกงกงก็ตกใจกลัว!
สวีกงกงรู้จักนรกชั้นที่สิบแปดดี เมื่อได้ยินถึงกับเหงื่อท่วมตัว ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งพูดซ้ำอีกว่า "พูดตามตรง ถึงแม้ว่าตอนมีชีวิตอยู่ป้าซีจะทำเรื่องดีๆ ไว้มากมาย แต่ตอนตายไปแล้วก็ได้ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนหลายคน ข้ากังวลมาเสมอว่าป้าซีจะไม่สามารถหักล้างบุญคุณในโลกใต้พิภพได้ และในที่สุดนางก็จะต้องตกนรก
นรกนั้นมีหลายชั้น เมื่อตกลงไปนั้นก็เท่ากับความทุกข์ทรมานวันแล้ววันเล่า จะตายก็ไม่สามารถตายได้
เกรงว่าท่านจะเสียใจ จึงไม่กล้าพูดออกมา
จึงคิดว่าหากได้ท่องบทสวดบ้าง ไม่แน่อาจสามารถหลุดพ้นจากนรกได้
แต่เมื่อฟังจากที่กงกงกล่าวมานั้น ข้าคิดว่าป้าซีคงต้องการบอกว่าตอนนี้นางสบายดี เพียงแค่ไม่รู้จะจัดการกับยมโลกอย่างไร จึงได้มาเข้าฝันกงกง
อย่างไรเสียบทสวดนี้จะสวดหรือไม่สวดก็ไม่มีผลอะไร เพราะป้าซีสุขสบายดี"
"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ จะต้องท่องบทสวด จะไม่ท่องได้อย่างไร? เดิมทีจะต้องถูกลงโทษในนรก ต้องเป็นเพราะช่วงนี้ข้าน้อยท่องบทสวดอามิตตาพุทธ จึงทำให้ป้าซีออกมาจากนรกได้
เมื่อวานข้าน้อยเพิ่งจะขอพร หากป้าซีใช้ชีวิตอยู่ในยมโลกอย่างสุขสบาย ข้าน้อยจะท่องบทสวดพระคัมภีร์ทั้งหมดอย่างไม่ละเลยพ่ะย่ะค่ะ
หากวันนี้ข้าน้อยไม่ท่อง วันข้างหน้าป้าซีก็จะไปเกิดใหม่ไม่ได้ และจะต้องโทษข้าน้อยอย่างแน่นอน!
ไม่ได้ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!"
สวีกงกงส่ายหน้า ฉีเฟยอวิ๋นต้องการทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก แต่เมื่อมองออกไปแล้วจึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
"เช่นนั้นข้าจะกลับไปคุยกับท่านอ๋อง ดูว่าสามารถไปที่วัดได้หรือไม่และเชิญกลับมาให้ท่าน"
"พ่ะย่ะค่ะ เรื่องทั้งหมดนี้ต้องรบกวนพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก กงกงดูแลรักษาแผลให้ดี ข้าไปก่อนล่ะ" ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเดินจากไป เมื่อออกมาจากประตูก็กลับไปในเรือน
ขณะนี้แม่ทัพฉีกำลังกลับมาจากข้างนอก เมื่อเห็นลูกสาวก็เดินเข้าไปหา
"ท่านพ่อ ทำไมสีหน้าของท่านไม่ดีนักเจ้าคะ?"
"เห้อ......พระพันปีมีรับสั่ง ลงโทษคนในจวนท่านอ๋องห้าทั้งหมด นอกจากท่านอ๋องห้าจะถูกกักขังไปอยู่ในคุกแล้ว คนที่เหลือถูกประหารทั้งหมดไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือแก่ชรา" แต่ชีวิตคนจำนวนมากเช่นนี้ ขนาดเด็กในท้องก็ไม่ปล่อยไว้ สำหรับคุณตาอย่างเขาแล้วนั้น เขาไม่สามารถลงมือกระทำได้
"ท่านพ่อ แต่เรื่องนี้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้" ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ใครให้พวกเขาคัดค้านต่อการก่อการกบฏวังหลวงล่ะ หากหนานกงเซวียนเหอก่อการกบฏสำเร็จ คนที่จะต้องถูกสังหารในวันนี้ก็ต้องเป็นพวกเขา
"พ่อเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ" แม่ทัพฉีเดินออกไปพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นจ้องมองไปที่หน้าประตูของจวนแม่ทัพ บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอก แต่ภายนอกเกิดอะไรขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ยังคงถามไถ่ความเป็นมา
เมื่ออวิ๋นจิ่นมีความคืบหน้าอะไรก็มักจะมารายงานให้ฉีเฟยอวิ๋นทราบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ