หนานกงเย่ชะงักมือนิดหนึ่งและมองจักรพรรดิอวี้ตี้เหมือนมองสัตว์ประหลาด จากนั้นเขาจึงลุกจากบัลลังก์มังกรและถอยออกไปอยู่ข้างๆ “น้องตกใจมาก ที่จวนยังมีปัญหาอยู่ ต้องขอตัวก่อน”
เมื่อหนานกงเย่หันหลังจะจากไป จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ตรัสว่า “ให้เวลาเจ้าสามปี ถ้าไม่มอบร้านให้เป็นท้องพระคลัง ข้าจะมอบบัลลังก์นี้ให้เจ้า”
หนานกงเย่หยุดชะงักและหันกลับไปมองจักรพรรดิอวี้ตี้ เวลานี้จักรพรรดิอวี้ตี้ยกชาขึ้นมาดูและตรัสอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ข้าให้เจ้าได้ดื่มชาดี แต่ข้าได้ดื่มแค่ส่วนที่เหลือจากเจ้าเท่านั้น”
“.....” หนานกงเย่เอ่ยอย่างเย็นชา “ร้านไม่ใช่ของกระหม่อม สิ่งที่ฝ่าบาทต้องการเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนเรื่องราชบัลลังก์ พระสนมเอกเซียวจะให้กำเนิดองค์รัชทายาทให้พระองค์”
“หมอหลวงดูตรวจดูแล้ว บอกข้าว่าเป็นองค์หญิง”
“……”
จักรพรรดิอวี้ตี้ยิ้มอย่างเฉยเมยและมีสายพระเนตรเรียบเฉย หนานกงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นน่าอิจฉาจะตาย เขาได้ลูกชายมาเป็นโขยง น่าเสียดายที่ไม่มีลูกสาว
หนานกงเย่เอ่ยลาอีกครั้งโดยไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น “กระหม่อมทูลลา”
เมื่อหนานกงเย่หันหลังจากไป จักรพรรดิอวี้ตี้จึงถอนหายใจอย่างโลงพระทัย
ในที่สุดก็ตบตาได้!
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเดินมาถึงหน้าพระตำหนักเฟิ่งอี๋ นางกำนัลก็มาเชิญให้นางเข้าไปด้านใน
ฉีเฟยอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพเมื่อเห็นเฉินอวิ๋นชู ถึงอย่างไรเฉินอวิ๋นชูก็เป็นฮองเฮา อะไรที่ควรมีก็ยังต้องมี
เฉินอวิ๋นชูเอนกายลง ร่างกายของนางผอมซูบจนฉีเฟยอวิ๋นตกใจอยู่นานเมื่อได้เห็น ไม่คิดว่าไม่เจอเพียงไม่กี่วัน เฉินอวิ๋นชูจะกลายมาเป็นแบบนี้
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง “หม่อมฉันขอประทานอภัย!"
ฉีเฟยอวิ๋นวางมือลงบนข้อมือของเฉินอวิ๋นชู เฉินอวิ๋นชูค่อยๆ เงยหน้ามองฉีเฟยอวิ๋น นางอยากจะดึงมือกลับทว่าไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดก็ยังไม่มี
ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มตรวจสอบร่างกายของเฉินอวิ๋นชูและพบว่านางถูกวางยา เวลานี้พิษเริ่มลุกลามไปทั่วและกำลังเร่งปฏิกิริยาทางร่างกายของเฉินอวิ๋นชู ทำให้นางแก่ตัวลงเล็กน้อย
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและสั่งว่า “ระหว่างทางจากที่นี่ไปพระตำหนักบำรุงฤทัย หากพบท่านอ๋องเย่ให้บอกท่านอ๋องเย่ว่าให้สั่งคนออกจากวัง กลับไปที่จวนแม่ทัพและหยิบกล่องยามาที่นี่ ถ้าไม่เจอระหว่างทางให้ไปที่พระตำหนักบำรุงฤทัย บอกคำพูดของข้าให้ท่านอ๋องเย่ฟังและบอกให้ไปเดี๋ยวนี้เลย
ทูลเชิญฝ่าบาทมาด้วย บอกไปว่าฮองเฮาพระอาการไม่ดี”
“เพคะ”
นางกำนัลไม่กล้าชักช้าและต้องไปพบคนที่นั่น เห็นได้ชัดว่าต้องวิ่งไปหาและวิ่งอย่างรวดเร็วไปตลอดทางจนเหงื่อกาฬไหลโทรมกาย
หนานกงเย่หยุดเดินระหว่างทางเมื่อเห็นนางกำนัลวิ่งอย่างลนลานมาทางนี้
เมื่อเห็นหนานกงเย่ นางกำนัลก็ปรี่เข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรเวิ่นเว้อ นางร้องห่มร้องไห้พลางถ่ายทอดคำพูดของฉีเฟยอวิ๋นให้หนานกงเย่ฟัง
หนานกงเย่ไม่แปลกใจเลยที่นางกำนัลจะร้องไห้อย่างเศร้าโศกเช่นนี้ หากฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ผู้คนในตำหนักเฟิ่งอี๋ก็จะต้องตายตกตามไปด้วย
หนานกงเย่กล่าวว่า “ไปทูลเชิญฝ่าบาทมา”
“เพคะ”
นางกำนัลร้องไห้และตรงไปยังพระตำหนักบำรุงฤทัย ส่วนหนานกงเย่ก็ตรงไปที่ประตูวังและส่งคนกลับไปหยิบกล่องยามาที่นี่
เมื่อหนานกงเย่มาถึงก็เห็นจักรพรรดิอวี้ตี้ประทับนั่งอยู่ข้างกายของเฉินอวิ๋นชูแล้ว พระองค์จับมือของเฉินอวิ๋นชูไว้และพูดคุยกับนาง
จักรพรรดิอวี้ตี้หวนรำลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในสมัยที่ยังเยาว์วัยในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกำลังรอกล่องยา
“ท่านอ๋อง” ฉีเฟยอวิ๋นรีบรับกล่องยาไปที่หนานกงเย่นำมาให้ จากนั้นจึงหันไปเปิดกล่องยาและหยิบยาฉีดออกมาเพื่อเริ่มเจาะเลือดก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าพิษชนิดนี้อาจจะรักษาไม่ได้!
หลังจากการตรวจสอบอย่างง่ายๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็นำเลือดของนางมาหยดลงไปในเลือดของเฉินอวิ๋นชู จากนั้นเลือดก็จับตัวเป็นก้อนอย่างสมบูรณ์
ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเย็นๆ และหันกลับไปมองเฉินอวิ๋นชูที่นอนอยู่บนเตียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ