“ก็แค่นั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะระดมเงินไปตลอด ฝ่าบาทจึงมีพระประสงค์ที่จะรวบรวมเงินในคราวเดียว อย่างน้อยในปีสองปีนี้ก็คงจะไม่บริจาคเงินอีก
ไม่จ่ายเบี้ยหวัด แล้วจะระดมเงินได้อย่างไร
ต้าเหลียงยกเว้นการเก็บภาษีของราษฎร ราชสำนักจึงไม่มีแหล่งรายได้ ดังนั้นยิ่งมากก็ยิ่งดี”
ทังเหอพยักหน้า:“ความจริงแล้วเรื่องนี้……ต้องการกี่หีบ พระชายารู้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ลองคำนวณดูแล้ว หากเป็นตั๋วเงิน หนึ่งหีบใหญ่ก็เพียงพอแล้ว แต่หากเป็นเงินจะดีกว่า ไม่ต้องกลัวไฟไหม้ ไม่กลัวน้ำ” ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว ทังเหอก็เกือบจะยิ้มออกมา แต่เงินมีจำนวนมากเกินไป ทังเหอจึงยิ้มไม่ออกมา อวิ๋นจิ่นจึงประมาณคร่าว ๆ
“นายท่าน ตอนนี้เรามีเงินอยู่ในสำนักการเงินห้าล้านตำลึงเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็มองไปที่อาอวี่อย่างตกตะลึง:“อาอวี่ ในตอนนั้นที่ข้าใช้เงินห้าพันตำลึงซื้อคนกลับมา เจ้าว่ามันคุ้มหรือไม่?”
สีหน้าของอาอวี่ดูหวาดกลัวและพยักหน้าซ้ำ ๆ:“คุ้ม คุ้มมากพ่ะย่ะค่ะ!”
อวิ๋นจิ่นเขินอาย นางก้มหน้าลงแล้วยิ้ม
อาอวี่หน้าแดงก่ำ:“แต่ดูเหมือนว่าผู้น้อยจะไม่คุ้มพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เกือบแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เกรงใจ และใบหน้าของอาอวี่ก็เปลี่ยนเป็นมืดดำ
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดล้อเล่นและมองไปที่ทังเหอ:“คุณชายทังล่ะ ว่าอย่างไร?”
“หากเรามีเงินอยู่ห้าล้านตำลึงแล้ว ส่วนที่เหลือก็อาจจะพอรวบรวมได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เกรงว่าพระชายาจะต้องยุ่งยากลำบาก แต่ดูจากลักษณะท่าทางของพระชายา พระองค์น่าจะทรงมีแผนการแล้ว”
“อืม คุณชายทังกล่าวได้ถูกต้อง อันที่จริงข้ามีแผนการแล้ว แต่ยังต้องให้คุณชายทังไปช่วยจัดการให้ก่อน” ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นพูด ทังเหอก็ลุกขึ้นยืนในทันที
“ในเมื่อเป็นคำสั่งของพระชายา ผู้น้อยก็จะทำตามอย่างไม่ขาดตกบกพร่องพ่ะย่ะค่ะ”
“คุณชายทัง อีกเดี๋ยวท่านไปที่จวนราชครูกับข้า แล้วค่อยกลับไปดูที่กรมการคลังว่าต้ากั๋วจิ้วยักยอกเงินบรรเทาภัยพิบัติจริงหรือไม่ เรื่องนี้จะสะเพร่าไม่ได้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากถูกหลอก จึงต้องการที่จะไปดูว่าต้ากั๋วจิ้วมีความกล้าหาญขนาดนั้นจริงหรือไม่
“ผู้น้อยน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อวิ๋นจิ่น:“อวิ๋นจิ่น เรื่องนี้เจ้าไปทำด้วยตนเอง หาทางไปพบกับคนของกรมการคลัง และสอบถามมาให้ชัดเจนว่าต้ากั๋วจิ้วยักยอกเงินจริงหรือไม่ เจ้าใช้สถานะของเจ้าเพื่อไปสืบข่าว แล้วส่งอีกคนไปสืบข่าวทางอื่นด้วย ทำพร้อม ๆ กันทั้งสามทางจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด และเมื่อได้รับการยืนยันแล้ว จะได้นำเงินจำนวนนี้ออกมาอย่างสบายใจ!”
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ เมื่อพูดถึงเงินมากขนาดนั้น นางก็ไม่เต็มใจจริง ๆ
“อวิ๋นจิ่นทราบแล้วเจ้าค่ะ นายท่านวางใจได้”
อวิ๋นจิ่นตกลงและออกไปข้างนอก จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็พาทังเหอไปที่จวนราชครู!
เมื่อจวนราชครูจวินได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นจะมา ฮูหยินของจวินเจิ้งหนานก็รีบออกมาต้อนรับ ครั้งก่อนฮูหยินของคุณชายรองเกรงอกเกรงใจใจฉีเฟยอวิ๋นมาก และเชิญฉีเฟยอวิ๋นไปที่ห้องตำราของราชครูจวิน
เรื่องที่ราชครูจวินแกล้งป่วยนั้นผ่านไปนานแล้ว ส่วนเรื่องที่ทำให้บุตรชายกลับมาได้นั้น ราชครูจวินก็รู้ดีอยู่แก่ใจ และเขาก็ติดค้างหนานกงเย่
“พระชายาเย่เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจวินสวมชุดคลุมสีดำที่ปักดอกไม้ และชุดลำลองที่บ้านก็ไม่เฉพาะเจาะจงนัก
ฉีเฟยอวิ๋นคำนับ:“คารวะท่านราชครูจวิน”
“พระชายาเย่เกรงใจแล้ว กระหม่อมมิกล้ารับ เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่นั่งแล้ว ข้ามีเรื่องเร่งด่วนมาหารือกับท่านราชครูเป็นการส่วนตัว”
ราชครูจวินเป็นคนที่มีเหตุผล แม้ว่าหลายวันที่ผ่านมาในราชสำนักจะไม่ได้กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติจากตั๊กแตนในทางใต้ แต่ก็มีเค้าลางมานานแล้ว
“นั่งลงก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจวินให้คนปิดประตู คนสนิทของราชครูจวินและทังเหอเฝ้าอยู่ข้างนอก ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดคุยกับราชครูจวิน
ราชครูจวินพยักหน้า:“กระหม่อมสามารถช่วยเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อพระชายาเย่ต้องการถามเรื่องนี้ และมาที่นี่ในนามของท่านอ๋องเย่ กระหม่อมจะทำตามพระบัญชา ถึงอย่างไรท่านอ๋องเย่ก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”
“ท่านราชครูไม่จำเป็นต้องกล่าวเช่นนี้ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และขอความช่วยเหลือจากท่านราชครู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ