อาอวี่ยังคงส่งเสียงดังและเมื่อเหนื่อยแล้วก็หยุดร้องตะโกน ทว่ากลับนั่งลงในห้องขังและโทษตนเอง หากรู้แต่แรกก็ไปรายงานท่านอ๋องแล้ว ในตอนนี้เป็นเช่นนี้ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเขาและพระชายาอยู่ที่นี่กลับกลายเป็นไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นอยู่ในห้องขังอย่างสงบนิ่ง เฝ้าดูหวังฮวายเต๋อและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
หวังฮวายเต๋อมีอาการหอบหืดและกำเริบในสภาพแวดล้อมเช่นนี้แสดงว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ และมีโอกาสที่จะกำเริบขึ้นมาอีก
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าโรคหอบหืดของหวังฮวายเต๋อจะกำเริบนางจึงคอยเฝ้าดูหวังฮวายเต๋อโดยไม่ได้หยุดพัก
หวังฮวายเต๋อนั้นพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ แต่เดิมนี้นอยู่ในภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลอยู่ตลอด ตั้งแต่กินยาที่ฉีเฟยอวิ๋นให้มาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ในเวลานี้หลับไปราวกับเสียงฟ้าฝ่าเข้าที่หูซึ่งเสียงกรนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว
โชคดีที่ฉีเฟยอวิ๋นนั้นมีความอดทนสูงจึงไม่ได้ลุกขึ้นมาปิดหน้าหวังฮวายเต๋อจนตายไปเลยโดยตรง
เมื่อหนานกงเย่กลับจากด้านนอกท้องฟ้าก็มืดแล้ว เจ้าประตูมาจึงตรงไปยังสวนดอกกล้วยไม้เข้าไปในลานก็ต้องไปดูภรรยาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อถึงหน้าประตูห้องเงยหน้าขึ้นก็เห็นในห้องนั้นมืดสนิท
หนานกงเย่หยุดและมองไปรอบๆ ไม่มีผู้ใดอยู่ในลานเลย มองไปยังเรือนจวินจื่อทางโน้นแล้วหนานกงเย่ก็ไปตามหา
หลังจากเข้าไปในเรือนจวินจื่อแล้วก็ตรงไปยังห้องของบุตรชายทั้งหลาย ถึงตรงหน้าประตูก็เคาะ: "ข้าเอง"
หนานกงเย่รายงานตนเองพร้อมกับมองดูผู้คนในลานด้วย
ลานของเรือนจวินจื่อนั้นจัดผู้คนไว้มากมาย ทุกๆห้องนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่ โฮ่วเซิงทั้งครอบครัวก็อยู่ด้วย แต่ในเวลานี้พวกเขากำลังทานอาหารอยู่ในห้อง ประตูเปิดออกแล้วหนานกงก็เห็นได้เลย
นี่เป็นครอบครัวที่ไม่ชอบปะปนกับคนอื่นๆครอบครั้วหนึ่ง หนานกงเย่เหลือบมองเพื่อดูผู้อื่นแต่ก็แปลกใจอยู่บ้างที่ไม่เห็นอาอวี่
อวิ๋นจิ่นในห้องตอบรับจึงได้เปิดประตูออก
เมื่อเห็นอวิ๋นจิ่นหนานกงเย่รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง: "พระชายาหล่ะ?"
อวิ๋นจิ่นรีบตอบว่า: “นายท่านออกไปตอนเที่ยงยังไม่กลับมาเลย กำลังคิดที่จะไปถามเรื่องนี้และได้ส่งคนออกไปแล้ว”
“ยังไม่กลับหรือ?”
"เพคะ"
อวิ๋นจิ่นก็วิตกกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน
“ท่านแม่ทัพหล่ะ?” หนานกงเย่ใบหน้าเคร่งขรึมและเหลือบมองไปยังในห้อง
“มารดาเฒ่าของทหารหาญผู้หนึ่งของแม่ทัพฉีเสียชีวิตจึงไปตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมา ตามธรรมเนียมของชนบทอย่างน้อยอีกสามวันท่านแม่ทัพฉีถึงจะกลับมา” อวิ๋นจิ่นกำลังเป็นกังวลในเรื่องนี้
หนานกงเย่มองดูอวิ๋นจิ่นครู่หนึ่ง: เจ้าห้ามไปไหน ปกป้องเสี่ยวซื่อจื่อทั้งหลาย ข้าจะออกไปดู"
“ท่านอ๋อง……วันนี้ขณะที่พระชายาออกไปนั้นเนื่องจากเป็นห่วงท่านอ๋องถึงได้ออกไป น่าจะไปยังที่จวนต้ากั๋วจิ้ว” อวิ๋นจิ่นสงสัยว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจากที่จวนต้ากั๋วจิ้ว บางทีอาจเป็นคนของต้ากั๋วจิ้วซึ่งเป็นสุนัขจนตรอกจึงได้จับคนไป ในเมื่อสามารถให้ชุนหงเข้าไปลอบสังหารในจวนได้แล้วยังจะมีเรื่องใดที่กระทำไม่ได้อีก?
หนานกงเย่กล่าวว่า: "ป้องกันให้เข้มงวด ห้ามมิให้ผู้ใดภายในจวนเข้าออก ข้าจะไปตามหาพระชายา"
หลังจากออกมาจากเรือนจวินจื่อแล้วหนานกงเย่ก็ใช้กำลังคนปิดจวนอ๋องเย่ก่อน จากนั้นจึงออกจากจวนอ๋องเย่เพื่อตามหาคน
สิ่งแรกที่มองหาคือจวนต้ากั๋วจิ้วทางนั้น แต่ไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องราวของฉีเฟยอวิ๋นเลยตลอดทาง
เมื่อมาถึงจวนกั๋วจิ้วหนานกงเย่ก็เงยหน้าขึ้นมองและย่างก้าวเข้าไปในจวนกั๋วจิ้ว
จวนกั๋วจิ้วนั้นรกร้าง ถูกยึดทรัพย์สินซะจนจำไม่ได้แล้ว
ในเวลานี้หวังเสียนกำลังจัดการเรื่องราวในจวน ต้ากั๋วจิ้วถูกจับแต่การดำเนินชีวิตของจวนกั๋วจิ้วก็ยังคงต้องดำเนินต่อ จำนวนคนหลายร้อยคนไม่กินไม่ดื่มก็ไม่ได้
อยู่ๆก็เห็นหนานกงเย่นำคนเข้ามาในจวนกั๋วจิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ