มือของฉีเฟยอวิ๋นลูบคลำไปที่หน้าอกของหนานกงเย่หลายครั้ง ทำไมรูปร่างของผู้ชายคนนี้ช่างดีเช่นนี้นะ?
หลังจากถูกวางลงฉีเฟยอวิ๋นก็พลิกตัวขึ้นไปนั่งบนร่างกายของเขา หนานกงเย่นอนลงและยกมือขึ้นมาประคองเอวของฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่ทำสีหน้าเย็นชาโกรธที่ตัวเองไม่สามารถสนองได้ รอไม่ได้จนต้องริเริ่มด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอโกรธ
ไม่ยินยอม!
ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไร?
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจกับการเบี่ยงเบนความสนใจของหนานกงเย่ เธอลงโทษเขาด้วยการบีบหนึ่งครั้ง สีหน้าของหนานกงเย่เปลี่ยนไปและกดมือลงที่หลังของฉีเฟยอวิ๋น และมืออีกข้างหนึ่งก็กดมือของเธอไว้ จากนั้นจึงพลิกตัวและสลับตำแหน่ง
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงไม่สงบนัก เธอและผู้หญิงที่เมืองต้าเหลียงต่างกัน เธอเกิดในยุคสมัยที่ผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียบกัน ความคิดของเธอก็คือผู้หญิงผู้ชายก็เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องการหลับนอน
แต่หนานกงเย่กลับไม่คิดเช่นนั้น ผู้ชายต้องสูงส่งและผู้หญิงต้องต่ำต้อย เขาสามารถให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ ยกเว้นเพียงเรื่องนี้ที่หนานกงเย่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเพียงผู้เดียว
ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ฉะนั้นจึงไม่คิดมาก ทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอด สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เขารู้สึกว่าเขาได้พิชิตผู้หญิงคนนี้ไว้ได้ ไม่ใช่ว่าถูกผู้หญิงคนนี้พิชิต
แต่ทุกครั้งที่ฉีเฟยอวิ๋นหลับไปก็รู้สึกพึงพอใจมากที่เธอสามารถได้ครอบครองสิ่งหนึ่งที่ผู้ชายจะต้องได้รับมัน และรวมไปถึงผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากจะได้มาครอบครอง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ให้แต่เธอก็ไม่ลดละความพยายาม แต่เขามีความคิดแบบผู้ชายเป็นใหญ่และบ้าอำนาจ อีกทั้งจักรพรรดิในปัจจุบันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา สำหรับเขาแล้วทั้งหมดนี้เขาได้ทุ่มเทไปหมดแล้ว
การถอยของเขาก็เพียงพอที่จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพอใจอย่างมากและโอบกอดหนานกงเย่ไว้ การแนบชิดอยู่ในอ้อมแขนของเขานี้รู้สึกอบอุ่นกว่าทุกครั้งราวกับหยกที่อ่อนโยน
หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า "ตั้งแต่วันนี้ไปอย่าไปเจอเขาอีก เพื่อข้าจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนอยากเอาศีรษะไปกระแทกเสาตาย"
"มู่เหมียนและหม่อมฉันบริสุทธิ์ใจ หรือท่านอ๋องจะยังคิดเรื่องนี้อย่างไม่ลดละเลยหรือเพคะ?" ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงยังดื้นรั้นเช่นนี้นะ
เธอและมู่เหมียนเป็นผู้หญิงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้!
"ข้าบอกว่าไม่เจอก็ไม่เจอ" หนานกงเย่รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงลุกขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาเกือบจะทำให้เด็กๆ ตื่นขึ้น
จึงรีบดึงเขาลงไปนอนอีกครั้ง "ก็ได้ ท่านบอกว่าไม่ไปเจอก็ไม่ไปเจอ หม่อมฉันจะไม่เข้าวังไป อีกอย่างตอนนี้นางก็เป็นถึงพระสนมเอกเต๋อ หม่อมฉันก็คงไม่มีโอกาสเข้าไปเดินเล่นในเขตวังหลวงได้หรอกเพคะ"
"อืม!" หนานกงเย่นอนลงไปและปิดตาไม่ยินยอมที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นไปโอบกอดเขา เขาจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยและกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นหลับไป
เมื่อเขาหลับไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ผู้ชายช่างเอาใจยากลำบากเหลือเกิน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังคิดมากเป็นจริงเป็นจังไปได้
ได้ยินว่ามู่เหมียนได้ออกจากตำหนักเย็นไปแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนก็ได้ออกจากจวนท่านอ๋องตวนมาหาฉีเฟยอวิ๋นตั้งแต่เช้า
เช้าตรู่ก็ถูกปลุกให้ตื่น หนานกงเย่จึงรู้สึกไม่มีความสุขนัก ตอนนี้ผู้หญงิบ้านไหนมาหาฉีเฟยอวิ๋นเขาก็รู้สึกไม่มีความสุข
เมื่อเห็นการแต่งกายของอวิ๋นหลัวฉวน หนานกงเย่ก็มีสีหน้าที่ไม่เคร่งขรึมมากขึ้น โดยเฉพาะสายตาของฉีเฟยอวิ๋นที่พิจารณาอวิ๋นหลัวฉวน เขาจึงดึงฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย "ท่านอ๋องมีอะไรหรือเพคะ?"
"ข้ารู้สึกไม่สบาย วันนี้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยจึงไม่อยากออกไปไหน"
"เช่นนั้นท่านอ๋องก็อยู่บ้านพักผ่อน หม่อมฉันจะไปเยี่ยมต้ากั๋วจิ้วที่คุกเสียหน่อยเพคะ"
"ไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก เขาได้ลาออกและเขาอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อไปเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่" หนานกงเย่ทำสีหน้าบูดบึ้ง ยังจะมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาไม่มีความสุขเลย
แต่อวิ๋นหลัวฉวนมีความโง่เขลาอยู่เล็กน้อยจะดูออกได้อย่างไร แถมยังพุงเข้ามาด้วยความดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ