ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงการตายอย่างสงบของซูมู่หรงที่ดูราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
“อวิ๋นจิ่น ท่านอ๋องล่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยเพราะรู้สึกราวกับว่าซูมู่หรงยังไม่ตาย
อวิ๋นจิ่นเหลือบมองหนานกงเย่ที่ยังคงไม่ฟื้น “ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง “อะไรนะ”
เมื่อหันไปจึงเห็นว่าหนานกงเย่นอนอยู่ข้างกายของตน
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะลุกขึ้นและรีบตรวจอาการของหนานกงเย่ แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายในของหนานกงเย่จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังนับว่าแย่อยู่ดี นอกจากนี้ดวงตาของเขายังได้รับบาดเจ็บ เส้นลมปราณในร่างกายก็ขาดไปไม่น้อย เส้นประสาทตายังถูกกดทับไว้อีก ดังนั้นจึงทำให้เขามองไม่เห็น
“ส่งมีดให้ข้าทีอวิ๋นจิ่น แล้วไปคอยเฝ้าที่หน้าประตู”
“เจ้าค่ะ”
อวิ๋นจิ่นรีบทำตามคำสั่ง ฉีเฟยอวิ๋นรับมีดมากรีดข้อมือและบีบปากหนานกงเย่ให้เปิดออก จากนั้นจึงให้เขาดื่มเลือดของนาง!
ลมหายใจของหนานกงเย่ค่อยๆ สม่ำเสมอขึ้นหลังจากดื่มเลือด ลมปราณก็เริ่มกลับมามั่นคงขึ้นด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นกุมมือหนานกงเย่เอาไว้และมองเขา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งหนานกงเย่ก็ลืมตาขึ้น
หนานกงเย่ยิ้มเมื่อมองเห็นฉีเฟยอวิ๋น “กลับมาแล้วหรือ”
“ท่านอ๋อง ท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
หนานกงเย่รู้สึกสบายตัวแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง หลังจากสำรวจดูแล้วว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นอะไรเขาจึงค่อยวางใจและดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาในอ้อมกอด
“ท่านอ๋อง...”
“ข้าฝัน ฝันว่าซูมู่หรงมาที่นี่” หนานกงเย่ลดเสียงต่ำ ฉีเฟยอวิ๋นชะงักไปนิดหนึ่งและเงยหน้ามองเขา
“ท่านอ๋องพูดอะไรน่ะ”
ซูมู่หรงอยู่ที่นี่หรือ
หนานกงเย่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อวิ๋นอวิ๋นเชื่อไหม ซูมู่หรงแก่แล้วและผมของเขาก็หงอกไปครึ่งหัว”
“ท่านอ๋อง ท่านรู้ได้อย่างไรเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อว่าหนานกงเย่จะกลับสู่โลกในยุคหลังได้อย่างนาง แต่สิ่งที่เขาพูดทุกอย่างคือความจริง ซูมู่หรงตายแล้ว และผมของเขาก็หงอกไปครึ่งหนึ่ง
“รู้สิ สิ่งที่ข้าเห็นคือความจริง ก่อนเขาตายเขาอยู่ที่ชั้นล่างในที่ที่เขาอาศัยอยู่ ที่นั่นมีห้องทดลองอยู่ห้องหนึ่ง มีขั้นบันไดสองขั้น ตรงกลางมีมุมลงไปด้านล่าง
ด้านล่างไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักจากห้องทดลองของสถาบันวิจัยที่อวิ๋นอวิ๋นพาข้าไป ข้าเห็นว่าเขามีกล่องใส่ของอยู่หลายชิ้น เป็นกล่องที่อวิ๋นอวิ๋นบอกว่าใส่คนไว้ได้ หลังจากตายแล้วเขาก็อยู่ในนั้น ยังมีอีกกล่องหนึ่งที่มีคนอยู่ในนั้น ข้ารู้สึกคุ้นมาก น่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าจะดูว่าเป็นใครแต่ก็กลับมาเสียก่อน”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหม่นหมอง “ข้าเองก็เกือบจะมองเห็นคนที่อยู่ในนั้นเช่นกัน แต่ยังไม่ทันเห็นก็กลับมาเสียแล้ว”
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น “อวิ๋นอวิ๋น ตอนที่ข้ากลับมาข้ารู้สึกเหมือนเขาตามมาด้วย”
“อะไรนะ” ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ซูมู่หรงมากับท่านอ๋องงั้นหรือ”
แม้จะไม่อยากยอมรับแต่หนานกงเย่ก็ต้องยอมรับว่าซูมู่หรงอาจจะมาที่นี่แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ไม่ได้พูดอะไร หากเขามาที่นี่จริงๆ ก็แสดงให้เห็นว่าซูมู่หรงใช้ความพยายามทั้งชีวิตหาทางมาที่นี่จนได้ และเป็นไปได้มากว่าเขาอาจจะหาวิธีกลับไปได้แล้วเช่นกัน
เพียงแต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าซูมู่หรงอยู่ที่ไหน!
“ท่านได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเพคะท่านอ๋อง” เมื่อเจอกับเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้ นางจึงยังไม่พูดถึง
นั่นเองหนานกงเย่จึงเล่าเรื่องที่ได้รับบาดเจ็บให้ฉีเฟยอวิ๋นฟัง ฉีเฟยอวิ๋นถอนใจ “ดูไม่ออกเลยว่าหวาชิงจะรับมือยากขนาดนี้ ข้าว่าท่านอ๋องต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้จึงจะดี”
“ยังไม่ใช่อวิ๋นอวิ๋นรึ” หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋นอย่างกระเง้ากระงอด ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะเอ่ยแย้ง หนานกงเย่ก็โน้มศีรษะลงมาจูบนาง
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองทางประตูทั้งหน้าแดง อวิ๋นจิ่นอยู่ที่นอกประตูนั่น
หนานกงเย่ยิ้ม “ถ้าไม่สูญเสียก็ไม่รู้ว่าเคยมีอยู่ ข้าเป็นเช่นนั้น”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่อย่างกระเง้ากระงอด “พูดอย่างกับจะพรากจากกันไปตลอดกาลอย่างนั้นละ”
“ข้ารู้สึกเหมือนจะต้องพรากจากกันทุกครั้งที่อวิ๋นอวิ๋นกลับไป เขามาที่นี่ก็ดีแล้ว ไว้ข้าพบเขาเมื่อไร ข้าจะฟันเขาให้เป็นชิ้นๆ เลยคอยดู”
“...ท่านอ๋องคิดว่าถ้าเขามาที่นี่จริงๆ ด้วยความสามารถของท่านอ๋องตอนนี้ ท่านจะเป็นคู่มือของเขาจริงหรือ”
“ท่านว่าอะไรนะ” หนานกงเย่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่ยิ้ม “ทำเป็นว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกันเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ