สรุปเนื้อหา บทที่ 688 ฟ้องกราบทูลไม่ได้ – องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดย จินจิน
บท บทที่ 688 ฟ้องกราบทูลไม่ได้ ของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จินจิน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ค่อยจะได้นอนเท่าไหร่ จนถึงตอนเช้าถึงได้หลับลึก หนานกงเย่ถึงได้พบว่าเหงื่อบนกายของฉีเฟยอวิ๋นค่อยๆลดหายไปแล้ว อีกทั้งมือเท้าของเธอก็อุ่นแล้ว
เป็นห่วงอยู่ทั้งคืน หนานกงเย่พักผ่อนครึ่งชั่วยาม เข้าเฝ้าตอนเช้าก็ไม่ได้ไป เขาอุ้มฉีเฟยอวิ๋นที่นอนหลับไปอาบน้ำที่สระกำมะถัน
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสได้ว่าหนานกงเย่ถอดชุดให้เธออย่างระมัดระวัง เธอลืมตามองเขา หนานกงเย่จูบสัมผัสเธอหนึ่งครั้ง
“ข้าไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลย หลังจากตื่นขึ้นมาได้พบอวิ๋นอวิ๋น ตามความเป็นจริงผ่านไปแล้วข้าก็มีความสุข แต่จะมีเพียงครั้งนี้เท่านั้น ที่ข้ากลัว ไม่กล้าที่จะนอน ตื่นมาได้พบอวิ๋นอวิ๋น ข้าก็มีความสุขทุกอย่างตามที่อวิ๋นอวิ๋นได้กล่าว”
หนานกงเย่ปลดชุดที่อยู่บนร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นออก เหงื่อออกทั้งคืน ทั้งตัวของฉีเฟยอวิ๋นไม่มีตรงไหนที่ไม่เปียกชื้นเลย แม้เหงื่อจะไม่ออกแล้ว ผ้าห่มและเสื้อผ้าล้วนเปียกชื้น
หนานกงเย่นอนไม่หลับจริงๆ คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นเป็นเช่นนี้ก็คงเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นเลยได้อุ้มเธอมาอาบน้ำ
ฉีเฟยอวิ๋นมีลมหายใจที่ไร้เรี่ยวแรง ดิ้นรนไปก็เหนื่อย
เธออิงอยู่บนก้อนหินมองหนานกงเย่จึงไม่อยากจะกล่าวพูดอะไรแล้ว เพียงแค่มองหนานกงเย่ใจได้สงบมากขึ้นพอสมควร
“อวิ๋นอวิ๋น....สัญญากับข้านะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าไปจากข้านะ ได้ไหม?”ดวงตาคู่นั้นของหนานกงเย่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวคล้ายดั่งดวงดาวยามค่ำคืน ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงซูมู่หรงกับจวินโม่ซ่าง เฉินอวิ๋นเจี๋ยกับเฟิงอู๋ชิง ถึงพวกเขาจะหล่อเหลา มีความรูปงามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน แต่เวลาไม่มีใครที่สามารถเทียบเทียนหนานกงเย่ได้ รูปร่างหน้าตาของเขาเป็นที่สุดแห่งยุคแล้ว
โดยเฉพาะดวงตาของเขา คล้ายดั่งท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่มีเสน่ห์ดึงดูดคน
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่มอง เธอมองอยู่อย่างนั้น
หนานกงเย่ขยับกายแนบชิด โดยไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่ให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันเท่านั้น
“ข้ารู้ว่าใจของเจ้าไม่มีความสุข รู้สึกว่าข้าทำเจ้าต้องตาย ทำผิดต่อเจ้า แต่ใจของข้าไม่สามารถรับบุคคลที่สองได้ รับได้เพียงแค่คนผู้นี้ ข้าทำเพื่อร่างกายนี้ ข้าสามารถขอร้องเจ้าให้ปล่อยอวิ๋นอวิ๋นได้หรือไม่?”
หนานกงเย่กล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำอยู่ข้างกกหูของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง นางไม่อยู่เพคะ”
หนานกงเย่หายใจเข้าลึกๆ กล่าวว่า“ข้ารู้ว่านางอยู่”
ฉีเฟยอวิ๋นไร้คำบรรยาย ผละออกจากหนานกงเย่อิงแอบอยู่บนโขดหิน เธอเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไร
หนานกงเย่อาบน้ำให้ฉีเฟยอวิ๋น เขาอาบตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าพยายามแสดงออกว่าสงบ แต่ตอนที่เขาขึ้นไปบนขอบฝั่งแทบจะตกลงไป แสดงให้เห็นว่าเขาเกร็งกดดันอย่างมาก ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าชายผู้นี้กลัว
เปลี่ยนชุดนอนแล้ว หลังจากนั้นหันกลับไปโอบไหล่กว้างของชายหนุ่ม ใครบอกว่าหญิงสาวทำได้เพียงให้ชายหนุ่มโอบกอด เธอก็กอดชายหนุ่มได้เช่นกัน
แต่หนานกงเย่รู้สึกว่าแบบนี้ไม่ดี เลยหมุนตัวโอบกอดฉีเฟยอวิ๋นไว้
ก่อนนอนหนานกงเย่ทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวว่า“นอนเถิด ข้าอยู่ตลอดเวลา”
ฉีเฟยอวิ๋นตลกขบขัน เธอหมอบฟุบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเย่ไม่นานจึงได้หลับเสียแล้ว
เป็นเวลาเที่ยงวันที่ด้านในพระราชวังมาส่งพระราชโองการ ขันทีน้อยรออยู่ด้านหน้าประตู แล้วก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปรบกวนในสวนดอกกล้วยไม้
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจตื่น หนานกงเย่หน้าดำอึมครึมเหมือนเปาบุ้นจิ้น สวมใส่ชุดแล้วเดินออกไปหยิบพระราชโองการมาดู จากนั้นได้สั่งให้ขันทีน้อยกลับไปแล้วเข้ามาในห้อง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามหนานกงเย่ได้เข้าพระราชวังเพียงลำพัง
วันนี้ราชสำนักค่อนข้างคึกครื้น คนแรกเป็นราชครูจวินที่กราบทูล เรื่องเกี่ยวกับพระชายาเย่เกือบจะถูกรถม้าเหยียบตาย ต่อมาเป็นอาลักษณ์อาวุโสโจวที่จะกราบทูลรายงานเรื่องของหนานกงเย่
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้เพิ่งจะได้หยุดพักไปไม่กี่วัน คนก็หาเรื่องมาอีกแล้ว แน่นอนว่าหงุดหงิดมาก ชำเลืองมองคนที่ควรมาก็ไม่มาสักคนเดียวเลย
อ๋องตวนไม่มา อ๋องเย่ก็ไม่มา นี่ถึงได้มีพระราชโองการเรียกทั้งสองคนมา
หนานกงเย่ถึงก่อนไม่เห็นอ๋องตวน
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้เห็นหนานกงเย่เลยกล่าวถามด้วยความหงุดหงิดใจว่า“อ๋องเย่เหตุใดถึงไม่เข้าเฝ้า”
“กราบทูลฝ่าบาท เมื่อวานพระชายาถูกรถม้าของจวนราชครูชน เลยตกใจอย่างมาก ไม่ได้นอนทั้งคืน กระหม่อมอยู่ด้วยทั้งคืน เลยไม่ได้เข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งราชสำนักต่างวุ่นวายปั่นป่วน ในเมื่อโทษฐานได้กำหนดไว้แล้วจวนเสนาบดีสังหารคนปิดปาก เช่นนั้นฮองเฮาต้องถูกลงโทษปลดใช่หรือไม่!
ราชครูจวินไม่ใช่คนที่พูดโดยไร้เหตุผลหลักฐาน!
ทุกคนล้วนมองไปทางเสนาบดีเฉิน เสนาบดีเฉินตัวสั่นระริก เหงื่อเม็ดโตไหลหยดลงที่บนพื้น
เสนาบดีเฉินที่คุกเข่าอยู่เป็นลมล้มพับไป
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้นทันที แต่คนอื่นส่งเสียงครู่หนึ่งจึงหลีกออก ทำให้มองเสนาบดีเฉินที่เป็นล้มอยู่บนพื้นมองแล้วโดดเดี่ยวเหลือเกิน
“ทหาร เรียกหมอหลวง”สุดท้ายองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ต้องเข้าข้าง เพราะเสนาบดีเฉินคือพ่อตาของพระองค์
ส่วนคนอื่นคล้ายดั่งดูความคึกครื้น ก้มศีรษะโดยไม่เอื้อนเอ่ย
มองไปที่หนานกงเย่ ที่หล่อเหล่าอกผายไหล่ผึ่ง คล้ายดั่งเขาเป็นไก่ตัวผู้และสถานะไม่มีคนสั่นคลอนได้อย่างนั้นแหละ
และไม่กี่วันมานี้ทุกคนล้วนรอโจวอี้เหรินกราบทูลเรื่องหนานกงเย่ คิดไม่ถึงว่าจะวุ่นวายจนโจวอี้เหรินไม่มีจังหวะเอ่ยปากได้
น่าสงสารเขาอายุขนาดนี้แล้ว นั่งสั่นระริกอยู่บนท้องพระโรงอยากจะเอ่ยปากก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ ไม่สามารถเอ่ยแทรกแซงได้นึกถึงหลานแล้วโกรธเคืองอย่างมาก
โจวอี้เหรินกล่าวว่า“ฝ่า.....ฝ่า....”
อีกคำหลังนั้นไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้ ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
เหล่าหมอหลวงขึ้นมาบนราชสำนัก เพื่อดูอาการของเสนาบดีเฉิน
คนบริเวณโดยรอบมีจำนวนมาก บรรยากาศเลยไม่ถ่ายเท โจวอี้เหรินอายุมาก เขารู้สึกว่าหายใจไม่ออก นั่งอยู่บนเก้าอี้หายใจโรยราเป่าหนวดเคราของตนเอง เบิกตาค้างอยู่เป็นเวลานานไม่มีคนเห็น
รอคนเห็น คนได้ล้มตึงลงไปเสียแล้ว คนจำนวนมากตกใจจนต้องพากันหลีกออก ไม่มีใครยอมล่าช้ากว่าใครเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ