เพียงแต่ว่าค้นหาอยู่ตั้งนานแต่ก็หาสิ่งใดไม่พบกลับพบหลี่ถิงที่อยู่ในไหซึ่งอยู่ด้านในของรถม้ากับเจ้าเสือน้อยและจิ้งจอกหางสั้นที่คอยเฝ้าหลี่ถิง
เมื่อเห็นสิ่งของสองสิ่งทำให้ซูมู่ไห่ตกใจจนใบหน้าซีดเผือดซะแล้ว
“นี่คือสิ่งใด? พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!” ซูมู่ไห่กล่าวด้วยความโมโหคิดว่าเจ้าเสือและจิ้งจอกนั้นกินเนื้อมนุษย์
ตอนนี้เจ้าเสือน้อยโตเท่าๆกับเจ้าเสือตัวใหญ่ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนส่งเสียงคำรามทำให้ซูมู่ไห่หัวทิ่มด้วยความตกใจ
เจ้าเสือน้อยโกรธเสียแล้วและวิ่งทะยานเข้าไปจนทำให้ซูมู่ไห่ตกใจจนตะโกนขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า: “ถอยไป!”
เจ้าเสือน้อยจึงได้หันหลังเดินกลับไปนอนหมอบลงไม่ลุกขึ้นโดยเกรงว่าจะสร้างปัญหาและก้มหัวลงไม่กล้ามองฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นหน้าตาเย็นชา: "เจ้ายังมีความสามารถอยู่นะ?"
ฉีเฟยอวิ๋นส่งจื่อฮว่าในอ้อมอกให้กับหนานกงเย่ เขานั่งอยู่จึงสามารถอุ้มสองคนไว้ได้ ส่วนเจ้าห้านั้นก็สามารถเดินได้เองบนพื้น
ก้มลงแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็พยุงซูมู่ไห่ขึ้น ซูมู่ไห่ลุกขึ้นทั้งที่ยังขวัญหนีดีฝ่ออยู่ จากนั้นหันหลังมาเห็นฉีเฟยอวิ๋นแล้วก็ถอนหายใจ
ฉีเฟยอวิ๋นจับข้อมือของเขา ดึงมือกลับแล้วยื่นมือออกไปอีก
ซูมู่ไห่สีหน้าหม่นหมองแล้วใช้แรงผลักฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เตรียมตัวไว้เมื่อถูกเขาผลักคนยืนไม่มั่นจึงได้ล้มลงไปบนพื้น
หนานกงเย่กระโจนลุกขึ้น เมื่อเจ้าเสือน้อยเห็นหนานกงเย่ลุกขึ้นก็หันหลังกลับจากนั้นก็พุ่งเข้าไปพร้อมส่งเสียงคำรามแล้วอ้าปากซึ่งเต็มไปด้วยเลือดแล้วกัดลงไป ฉีเฟยอวิ๋นก็ตกใจแล้วรีบตะโกนห้ามเจ้าเสือน้อย: "อย่าได้แผลงฤทธิ์!”
เจ้าเสือน้อยไม่ยอมใจใช้กรงเล็บเสือกดซูมู่ไห่เอาไว้ไม่ปล่อย ซูมู่ไห่หายใจหอบและตกใจเสียจนไม่กระพริบตาเลย
หนานกงเย่เดินไปยังด้านข้างของฉีเฟยอวิ๋นแล้วพยุงฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา จากนั้นตรวจดูว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เป็นไรแล้วมองไปยังซูมู่ไห่: "วันนี้ท่านหาคนพบก็จะละเว้นชีวิตท่าน หาไม่พบให้เป็นอาหารของเจ้าเสือ!"
ซูมู่ไห่หันศีรษะกลับด้วยสีหน้าอันย่ำแย่: "ดูเหมือนว่าผู้คนเหล่านั้นจะถูกเสือของท่านกินไปซะแล้ว"
“ท่านยังต้องการดูท้องเสือหรือไม่?” หนานกงเย่กล่าวอย่างเฉยเมย
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจดูร่างกาย: "ท่านไม่ต้องกล่าวแล้ว เขาอายุยังน้อย!"
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่โดยใช้สายตาสั่งการ หนานกงเย่งุนงงแต่ก็เชื่อฟังแล้วปล่อยมือออก
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังเจ้าเสือน้อย: "ลุกไปซะ!"
เสือน้อยจึงได้จากไป
ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พยุงซูมู่ไห่เพียงแค่กล่าวว่า: "ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"
ซูมู่ไห่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นจากนั้นก็ลุกขึ้นมาจากพื้นดินทว่าเขาเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วหันกลับไปมองไปยังไหบนรถม้าแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: "แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกท่านมาจากที่ใด แต่ที่ปีกใต้ฆ่าคนก็ต้องตัดหัวด้วยเช่นกัน”
หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นโดยที่หมดความอดทนซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: "เขาเป็นคนเลว เขาสังหารพี่ชายของข้าข้าจึงไม่ผิดที่จับเขามาและเขาก็มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เขาเป็นสัตว์ประหลาด"
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปและถอดผ้าปิดตาของหลี่ถิงออก ขณะนี้หลี่ถิงยังอยู่ในระหว่างอาการชา ฉีเฟยอวิ๋นให้หลี่ถิงกินยาชาทุกวัน ร่างกายของเขามีความรู้สึกตัวอยู่บ้างแต่ว่าเขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้ ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเพื่อที่จะไม่ให้เขาพูดมากจึงได้ตัดของลิ้นเขาและตอนนี้ก็ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปแล้ว
ตาของหลี่ถิงราวกับแมลงปอซูมู่ไห่เห็นแล้วก็ตกใจ ฉีเฟยอวิ๋นผูกตาหลี่ถิงใหม่อีกครั้งก่อนที่จะหันมองไปยังซูมู่ไห่
ซูมู่ไห่กัดฟันแล้วกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาว่า: “ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวสิ่งใดข้าไม่เชื่อทั้งสิ้น ในเมื่อมีคนร้องเรียนข้าก็จะสืบสวน”
“ผู้ที่ร้องเรียนอยู่ที่ใด?” ฉีเฟยอวิ๋นถามกลับไป
“ตายไปแล้ว!” ซูมู่ไห่หันมองไปยังหนานกงเย่ สายตาที่จ้องมองเยี่ยงศัตรูนั้นได้ส่งสัญญาณถึงความคิดที่จะจับตัวหนานกงเย่
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจเขาเลย หันหลังกลับแล้วอุ้มจื่อฮว่าไว้ในอ้อมแล้วตบเบาๆ: "กินข้าวกันเถอะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ