หมอเทวดาเคยชินตั้งนานแล้ว เขาดูให้หวาชิงนับครั้งไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่ได้ลังเล ในการถอดชุดของหวาชิง รอยแผลเป็นบริเวณหน้าอกของหวาชิงหายไป หมอเทวดามองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความตื่นตะลึง ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นกล่าวว่า“ถือว่ามอบเป็นของขวัญการแต่งงานแก่พวกเจ้า อย่าลืมล่ะให้กำเนิดบุตรเยอะๆ อ้อ....ใช่แล้ว......”
ฉีเฟยอวิ๋นหันมองหมอเทวดา กล่าวว่า “พูดกันตามหลักเหตุผลเจ้าถือเป็นคนของปีกใต้ ตามความหมายของท่านอ๋อง อนาคตมีบุตรใช้แซ่ของแม่ และเจ้าต้องแต่งเข้าถึงจะถูก เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ปีกใต้ ข้าว่าเจ้ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมอยู่บ้างนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวจบจึงเดินออกไป หมอเทวดาคลายจุดให้หวาชิง หวาชิงถีบเข้าให้ แล้วสวมใส่ชุดวิ่งออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นกลับมาเก็บของ หวาชิงตามมา
“ท่านไม่โทษข้าหรือ?”หวาชิงกล่าวอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเข้าไปถามฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองหวาชิงด้วยความตลก
“จนตอนนี้เจ้ายังคิดว่าเจ้าชอบผู้หญิงหรือ?”
หวาชิงหน้าแดงก่ำกล่าวว่า“ข้าไม่ได้ชอบผู้หญิง ข้าชอบฉีเสี่ยวฮวน”
“แต่ฉีเสี่ยวฮวนเป็นความฝัน หมอเทวดาคือความเป็นจริง ”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความน่าสนใจ หวาชิงเลยเหลือบมองหมอเทวดาตรงหน้าประตู
“ท่านออกไป”
หมอเทวดาหมุนตัวเดินออกไป ทั้งสองคนที่อยู่ด้านในเลยคุยกัน
หวาชิงถามฉีเฟยอวิ๋นว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมาอีก เป็นเวลานานฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กล่าวขึ้นว่า“หากว่าข้าให้กำเนิดบุตรแล้วไม่เป็นไรล่ะก็ ข้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้า แต่ตอนนี้ท่านอ๋องรีบกลับไป อยากให้ข้าให้กำเนิดบุตรที่เรือน เพราะฉะนั้นข้าเลยร่วมงานแล้วพวกเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าวางใจ กลับไปข้าจะพูดกับฝ่าบาท เพื่อมอบรางวัลแต่งงานแก่พวกเจ้า ข้ารู้สึกว่าฝ่าบาทจะต้องดีให้ความสำคัญกับผู้นำแนวหน้าอย่างแน่นอน พวกเจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้อง”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว หากท่านกลับมาไม่ได้ข้ากลับไปก็ได้”
ในใจของหวาชิงไม่มีการมองหน้ากันไม่ติด นางยิ่มอย่างสดใส
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวไป หวาชิงเลยรีบลุกขึ้นส่งเธอ
ขึ้นรถม้าหนานกงเย่ก็ชี้แจงเรียบร้อยแล้ว หวาชิงกับหมอเทวดาโบกสะบัดมือ ถึงได้ส่งพวกเขาจากไป
รอรถม้าไปไกลแล้ว หมอเทวดาจึงถามว่า“เหตุใดเลือดถึงสามารถรักษาโรคได้?”
หวาชิงชะงักงันครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า“ข้าก็ไม่ได้ถาม ลืมเสียแล้ว”
หมอเทวดาหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย กล่าวว่า“ไม่ได้ถามก็ไม่ได้ถาม ต่อไปไม่ต้องจำเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดกับคนอื่นด้วย ท่านอาจารย์เชื่อใจเจ้ากับข้า อย่าทำร้ายนาง”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นไปแล้วไม่กี่วัน บรรยากาศบนท้องฟ้ายิ่งเริ่มหนาว อีกทั้งยิ่งเดินทางยากมากขึ้น ระหว่างการเดินทางพบเข้ากับพายุหิมะ
รถม้าจอดอยู่ระหว่างการเดินทาง ฉีเฟยอวิ๋นจอดหยุดอยู่บริเวณจุดพักม้า ท้องยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ่งฝันมากขึ้นด้วย
“เป็นอะไรหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับเลยลุกขึ้น หนานกงเย่ก็ลุกขึ้นด้วย
“ท่านอ๋อง พวกเรากลับกันเถิดเพคะ เหลืออีกสามวันก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว ”ฉีเฟยอวิ๋นลงจากเตียง แล้วสวมใส่เสื้อผ้า
หนานกงเย่ก็รีบสวมใส่เสื้อผ้าเช่นกัน แล้วสั่งลงไปว่าให้เดินทางในคืนนั้นเลย
พอขึ้นรถม้าแล้ว หนานกงเย่โอบฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมกอด ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นจูบเขา แล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง หม่อมฉันฝันถึงซูมู่หรง เขาขาดใจ ท่านอ๋องว่าแปลกหรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่หลุบตาลง กล่าวว่า“เช่นนั้นไร้ประโยชน์เสียจริง ข้ายังคิดว่าเขาจะเก่งกาจ สุดท้ายใช้ไม่ได้เลย แล้วยังต้องถ่วงข้าด้วย”
“เขาไม่ได้ถ่วงท่านอ๋อง ท่านอ๋องกลับมาช้า แต่หม่อมฉันประมาทเลินเล่อทำให้หลี่ถิงตาย เขาตายแล้วหม่อมฉันมักจะฝันถึงซูมู่หรงเพคะ หม่อมฉันเลยรู้ว่าเวลาไม่มากแล้ว”
“ไร้สาระ นี่ก็ไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่หรือ ข้าได้ทำการติดต่อไป๋ซู่ซู่แล้ว ไม่นานนางกับมู่เหมียนจะมา แล้วพวกเราก็มีเวลาอีกสามวันที่จะถึงที่นั่น”
หน้าของหนานกงเย่ขาวโพลน ตั้งแต่ที่กลีบมาวันนั้น เขาก็นอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวเขาก็ลืมตาขึ้นอยู่ กลัวว่านอนหลับไปจะเกิดเรื่องกับฉีเฟยอวิ๋นได้แล้วไม่รู้เรื่อง
“อืม แต่หากหม่อมฉันทนไม่ไหวล่ะ?”มีบางคำ ที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูด แต่ถ้าไม่พูดกลัวว่าจะไม่มีโอกาส
หนานกงเย่กอบกุมมือฉีเฟยอวิ๋นแน่น กล่าวว่า“ไม่มีทาง ข้าจะไม่มีทางให้เจ้าจากไป”
หนานกงเย่ก้มศีรษะลงจูบฉีเฟยอวิ๋น กอดเธอแน่นไม่ฟังคำที่เธอจะพูด แต่ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะพูด เธอกลัวจะไม่มีโอกาส
“ท่านอ๋อง หากหม่อมฉันไปแล้วจะต้องเอาความรักทะนุถนอมทั้งหมดมอบแก่เสี่ยวอวิ๋นนะเพคะ นี่เป็นสิ่งที่หม่อมฉันกับท่านอ๋องติดค้างนาง หากท่านอ๋องทำไม่ดีกับนาง หม่อมฉันจะกลับมาไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ