หนานกงเย่นั่งลงไป๋ซู่ซู่ก็รีบสวมเสื้อผ้าสีขาวเลยทันที จากนั้นเดินไปยังตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นแล้วปลดเสื้อผ้าของนางออก กดมือทั้งสองข้างไว้บนท้องแล้วฟังและสั่งให้คนเตรียมการทันที
"มู่เหมียนท่านไป"
มู่เหมียนเตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว จากนั้นหันหลังสั่งการลงไปแล้วยังช่วยเหลือด้วยตนเอง
ไป๋ซู่ซู่เหลือบมองหนานกงเย่ในทันใด: "ท่านออกไปก่อน"
“ข้าไม่ไปข้าจะอยู่ที่นี่” หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แน่นและไม่ไปที่ใดทั้งนั้นพร้อมกับจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อไป๋ซู่ซู่เห็นว่าเขาไม่ไปจึงแทงเขาไปหนึ่งที เขาตอบสนองกลับมาแล้วก็หมดสติไปซะแล้ว
“มู่เหมียน ท่านนำตัวเขาไปยังฝั่งหนึ่ง” มู่เหมียนทำตามในทันที
ไป๋ซู่ซู่หยิบมีดผ่าตัดออกมาทำการผ่าตัดให้ฉีเฟยอวิ๋น
ก่อนที่จะได้รับจดหมายจากหนานกงเย่ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้เขียนจดหมายถึงไป๋ซู่ซู่แล้ว ให้นางมาผ่าตัดให้กับนางแล้วยังอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดด้วย
ไป๋ซู่ซู่เองก็รู้ว่าจะผ่าตัดอย่างไรเพียงแต่ว่านางยังไม่เคยทำ
เพื่อฉีเฟยอวิ๋นแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ไป๋ซู่ซู่ได้ทำตามสมุดที่ฉีเฟยอวิ๋นมอบให้กับนางพร้อมเคยกระทำรูปปั้นดินเหนียวโดยเฉพาะ
โครงสร้างร่างกายของมนุษย์เหมือนกันซึ่งไป๋ซู่ซู่มั่นใจ
เด็กถูกนำออกมาพร้อมกับร้องไห้ขึ้น
ไป๋ซู่ซู่เย็บแผลในทันทีและในขณะที่นางกำลังเย็บแผลร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มเน่า เน่าเปื่อยไปตามรอยแผลจนขยายเป็นพื้นที่ใหญ่ ไป๋ซู่ซู่ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
“มู่เหมียน เร็ว ทำให้หนานกงเย่ฟื้น” มู่เหมียนรีบหยิบเข็มเงินมาปักบนข้อมือของหนานกงเย่ หนานกงเย่ฟื้นขึ้นแล้วผลักมู่เหมียนออก มู่เหมียนชนเข้ากับประตูจนประตูนั้นเปิดออกแล้วเสียงลมหนาวก็พัดเข้ามาจากนอกประตู
มู่เหมียนล้มลงบนพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หนานกงเย่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น ร่างกายท่อนล่างของฉีเฟยอวิ๋นเริ่มเน่าเปื่อยและรอยช้ำซากศพบนร่างกายเหมือนดังเช่นซูมู่หรงในตอนนั้น
“อวิ๋นอวิ๋น……” หนานกงเย่พุ่งเข้าไปพยายามคว้าตัวฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แต่คว้าเช่นไรก็ไร้ผล
ไป๋ซู่ซู่ก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดดี คนได้ตายไปแล้วเป็นรอยช้ำซากศพทั้งสิ้นและร่างกายก็เริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วของก้อนเมฆบนท้องฟ้า
ถอยหลังไปแล้วสองก้าวไป๋ซู่ซู่ก็ล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น หนานกงเย่เข้าไปกอดฉีเฟยอวิ๋นแต่คนนั้นได้เปื่อยยุ่ยไปแล้วและในไม่ช้าก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างเสียแล้ว
ใบหน้าเลือนหายไปแล้ว แม่ทัพฉีวิ่งเข้ามาจากด้านนอกก็เห็นเด็กถูกห่อด้วยผ้าสีแดงวางอยู่ตรงฝั่งหนึ่งโดยที่เด็กนั้นร้องไห้ไม่หยุด
หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นแล้วตะคอกด้วยความโกรธ: "ออกไปให้หมด!"
แม่ทัพฉีเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วมองไปทางเด็ก จากนั้นอุ้มขึ้นมาแล้วห่มด้วยผ้าห่มแล้วออกจากประตูไปเลยทันที
อวิ๋นจิ่นเดินไปถึงตรงหน้าประตูก็เห็นสถานการณ์ในห้อง จากนั้นก็ไร้ซึ่งการตอบสนองแล้วคนทั้งคนยืนๆอยู่ก็ล้มลงไปเลย
พระชายาเย่สิ้นพระชนม์แล้ว และในไม่ช้าก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว
มีคนบอกว่าพระชายาเย่คลอดลูกเสียชีวิต บางคนบอกว่านางเหนื่อยจนเสียชีวิต ยังมีบางคนบอกว่าถูกคนทำร้ายจนตาย
ไม่มีการไว้ทุกข์ในจวนอ๋องเย่ ประตูใหญ่ปิดเอาไว้หนานแน่นและไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว แต่แม่ทัพฉีนั้นพาเด็กสาวตัวน้อยและอวิ๋นจิ่นไป
หลังจากนั้นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จยังจวนอ๋องเย่เพื่อทรงเยี่ยมอ๋องเย่สองสามีภรรยาด้วยพระองค์เองแต่ก็ยังปิดประตูหนาแน่นไม่พบ
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตามองดูเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้าแล้วขยับตัว จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นมองไปที่มือเป็นมือของเธอเหรอ?
ลุกขึ้นแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็มองไปรอบๆโดยที่โดยรอบเป็นสีขาวทั้งหมด
ลงจากเตียงแล้วบนพื้นคือพรมโดยที่เธอนั้นเท้าเปล่า โต๊ะเก้าอี้ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ กระจก......
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่หน้ากระจกและในกระจกมีผู้หญิงอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีซึ่งสวมชุดนอนสีขาว ผมสั้น และขาวสะอาดสะอ้าน……
สูดลมหายใจลึกแล้วฉีเฟยอวิ๋นมองไปโดยรอบ เธอกลับมายังยุคก่อนหน้าแล้วและเป็นลักษณะท่าทางแบบเดิม?
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่หน้าประตูด้านหนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป
ตรงหน้านั้นราวกับความฝันไม่ใช่ความจริง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นดังเก่า เหมือนว่าเธอนั้นฝันเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่มีเหลืออะไรแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ