ไม่กี่วันต่อมา คณะทูตของอาณาจักรแคว้นต่างๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงของเมืองต้าเหลียง และมีคนนำทางพวกเขาไปพักอาศัยตามสถานที่ต่างๆ ที่จัดไว้ให้
ถึงแม้ว่าเซวียนเหอจะมาถึงก่อนกำหนด แต่กลับไม่มีโอกาสได้พบอวิ๋นหลัวฉวนเลยสักครั้ง ถามไปหลายครั้ง ต่อให้เป็นจักรพรรดิหลิงอวิ๋นแห่งแคว้นหลิงอวิ๋นก็ต้องรอพบจักรพรรดิเหยี่ยนตี้พร้อมกับคณะทูตทั้งสี่อาณาจักร
เมืองต้าเหลียงในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนกับเมืองต้าเหลียงในอดีต การแพทย์และยาสมุนไพรของพวกเขานั้นได้เปิดกว้างขยายออกไปในหลายอาณาจักรแคว้นและเมืองต่างๆ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากเช่นกัน ในช่วงระยะเวลาสิบปี คูเมืองที่เคยตกเป็นข้อพิพาทกับปีกใต้นั้นก็ได้ยกเลิกความคิดที่จะเอากลับคืนมาแล้ว และการแลกเปลี่ยนทางการค้าก็เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอาณาจักรแคว้นทั้งห้า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาณาจักรต้าเหลียงนับได้ว่าเป็นผู้นำของทั้งห้าอาณาจักรในแง่ของทรัพยากรมนุษย์และพื้นที่ดิน
จักรพรรดิเหยี่ยนตี้เชิญคณะทูตของทั้งสี่อาณาจักรไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ทุกคนต่างมาถึงงานเลี้ยง ยกเว้นตัวแทนของแคว้นเฟิ่ง
และคนที่มาจากแคว้นเฟิ่งนั้นคือเอ๋าชิง เอ๋าชิงกล่าวว่า ผู้ที่เดินทางมานั้นคือองค์รัชทายาท เป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทเดินทางมาถึงเมืองหลวงของเมืองต้าเหลียง จึงทำให้ร่างกายเกิดอาการไม่คุ้นชินและตอนนี้ก็กำลังพักผ่อน ฉะนั้นเขาจึงเดินทางมาที่งานเลี้ยงเอง
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวว่า "เชิญนั่งสิ"
จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ชำเลืองมองและพูดคุยขึ้นเล็กน้อยกับทุกคนที่เข้ามาสู่งานเลี้ยง
ในการเข้ามาสู่งานเลี้ยงนั้นมีการร้องเพลงและการเต้นรำเพื่อต้อนรับทุกคน หลังจากการร้องเล่นเต้นรำแล้วก็เป็นการบรรเลงฉิน
ในเวลานี้ คนที่องค์ชายสี่แห่งปีกใต้พามาด้วยนั้นได้ลุกขึ้นและกล่าวว่า "ได้ยินมาว่าเสี่ยวเฉียวแห่งจวนท่านอุปราชนั้นมีพรสวรรค์และความสามารถสูงมาก องค์ชายของปีกใต้นั้นก็ได้ทรงฝึกซ้อมการบรรเลงฉินมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ทราบว่าจะสามารถร่วมบรรเลงด้วยกันได้หรือไม่?"
ซูมู่ไห่เหลือบมองคนที่อยู่ข้างกาย เรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกันมาก่อน
จักรพรรดิเหยี่ยนตี้เหลือบมองหนานกงย่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง "ท่านอุปราช ท่านเห็นควรว่าอย่างไรล่ะ?"
"สุขภาพของเสี่ยวเฉียวไม่ดีนัก เกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทของปีกใต้ต้องผิดหวังเสียแล้วกระมัง" หนานกงเย่จะไม่ยอมให้ลูกสาวของแต่งงานออกไปอาณาจักรอื่นอย่างแน่นอน
ใบหน้าของเขาเย่อหยิ่ง กลับทำให้ซูมู่ไห่นึกต้องการอยากจะยั่วยุเขา ตอนนั้นไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงของเขาได้ แต่ตอนนั้นเขาอาจจะไม่สามารถที่จะขัดขวางลูกสาวของเขาได้
"เช่นนั้นสามารถเชิญเสี่ยวเฉียวจวิ้นจู่มาปรับสายฉินให้กับข้าได้หรือไม่ และข้าก็สามารถบรรเลงฉินให้นางฟังได้"
"เสี่ยวเฉียวไม่สามารถปรับสายฉินได้ แต่ข้าสามารถปรับได้ ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทของปีกใต้จะให้ปรับหรือไม่"
"......"
ภายในท้องพระโรงเงียบสนิท ทุกคนต่างมองไปที่หนานกงเย่ หนานกงเย่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาและดื่มเข้าไป จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า "อามู่"
"ท่านพ่อ!"
"ส่งเสี่ยวเฉียวกลับไป"
"ขอรับ"
เสี่ยวเฉียวลุกขึ้นและก้มตัวโค้งคำนับ จากนั้นจึงเดินออกไปโดยที่ชุดสีขาวนั้นพลิ้วไหวไปตามลม ทุกคนต่างพากันมองด้วยความตกตะลึง และนี่ก็คือเสี่ยวเฉียวจวิ้นจู่
หวังฮวายอันยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม กระแอ่มขึ้นมาสองครั้ง "ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกไม่สบายตัว กระหม่อมขอกราบทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!"
"ทำไมเจ้าถึงรู้สึกไม่สบายล่ะ?" ตอนนี้จักรพรรดิเยี่ยนตี้รู้สึกเสียหน้า เห็นใครก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวว่า "กั๋วจิ้วไปก่อนเถอะ ทุกคนก็ไม่ใช่คนนอกอื่นไกลที่ไหน"
"อืม"
หวังฮวายอันจึงออกไปพร้อมกับเสี่ยวเฉียว
ขณะนี้เอ๋าชิงมองออกไปและกล่าวว่า "กราบทูลฝ่าบาทเมืองต้าเหลียง เอ๋าชิงเป็นห่วงองค์รัชทายาท เช่นนั้นขอกราบทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปเถอะ"
จักรพรรดิเหยี่ยนตี้ยังคงควบคุมสถานการณ์ตรงหน้า เขาพูดออกมาขนาดนั้นแล้ว จะไม่ให้เห็นแก่หน้าเขาได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ