เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตน
ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”
“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"
“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”
เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”
การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจัง
หากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้ว
ทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็นจริง
ดังนั้น เขาจึงให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเหลยเจิ้นมาโดยตลอด
ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “แม้ว่าการกระทำขององค์รัชทายาทในวันนี้จะดูมิคาดคิดเล็กน้อย ทว่าภูมิแคว้นนั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากแท้ที่จะเปลี่ยน หากเขาทำอะไรมากเกินไป เกรงว่าเขาจะอยู่มิถึงวันชุนเฟินปีหน้า"
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าน้อยมีความคิดพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม? บอกข้ามาสิ!”
“องค์รัชทายาททรงเสน่ห์และเจ้าเล่ห์ มิยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ทั้งในและนอกพระราชวังนอกจากฝ่าบาทแล้วหาได้มีผู้ใดควบคุมองค์รัชทายาทได้ไม่ โชคดีที่ชายแดนทางใต้สงบมาหลายวันแล้ว เหตุใดมิเรียกแม่ทัพฉงให้กลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็สว่างขึ้นเล็กน้อย!
“ให้นางอยู่ตำหนักบูรพาดีหรือไม่? ดีเหมือนกัน อารมณ์รุนแรงของนางอาจช่วยให้องค์รัชทายาทควบคุมตัวเองได้”
“ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงต้องการให้แม่ทัพฉงควบคุมองค์รัชทายาทได้ เกรงว่าจะต้องให้สิทธิพิเศษบางอย่างแก่นางพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอู๋ต้าวยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามิใช่ปัญหา เช่นนั้น เจ้าไปทำเรื่องของเจ้าเถอะ”
เหลยเจิ้นโค้งคำนับและถอยกลับ
ฉินอู๋ต้าวหันไปสั่งขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เฉาฉุน รีบร่างคำสั่งแล้วส่งไปยังชายแดนใต้แปดร้อยลี้โดยด่วน!”
……
ในเวลาเดียวกัน
รถม้าหรูหราคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าตำหนักอ๋องฉี
นี่ต้องเป็นรถม้าของอ๋องฉี ฉินหง มิผิดแน่
ผู้ที่มากับเขาคือหลินซีเสนาบดีกรมพระคลัง
ทันทีที่ฉินหงลงจากรถม้า เขาก็รีบถามคนรับใช้ “ชิงเหยาเล่า?”
“ทูลท่านอ๋อง วันนี้คุณหนูหลินมิได้มาเพคะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฉินหงก็จมลง สีหน้าเคร่งขรึมในทันใด และหมัดของเขาก็กำแน่นโดยมิรู้ตัว
หลินซีรีบปลอบ “ท่านอ๋องฉี ชิงเหยาคงมิคิดว่าเราจะกลับจากพระราชวังเร็วเพียงนี้ นางจึงมิได้มา กระหม่อมจะส่งคนไปเรียกนางพ่ะย่ะค่ะ. ”
“มิจำเป็น ตัวข้าจะไปจวนเจ้าเอง”
หลังจากที่ฉินหงพูดจบก็หันกลับไปขึ้นรถม้า
หลินซีรีบกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนของตน
ครึ่งชั่วยามต่อมา
พวกเขามาที่จวนตระกูลหลิน
ทันทีที่ฉินหงเข้าผ่านประตูไป คนรับใช้ของจวนตระกูลหลินก็รีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ
หลินซีตะโกนใส่พวกเขา “จะยังอยู่ตรงนั้นหาปะไร? รีบไปเรียกคุณหนูมาต้อนรับท่านอ๋องฉีเร็วเข้าสิ!"
“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
บ่าวรับใช้ลุกขึ้นยืนอย่างประหม่าและรีบวิ่งเข้าไปในเรือน
ในเวลานี้ หลินชิงเหยาอยู่ในศาลาหลังบ้าน มองดูดอกบัวบานในสระน้ำอย่างเหม่อลอย
ฉินหงโบกมือแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก มิจำเป็นต้องเป็นทางการนัก ว่าแต่ใต้เท้าหลิน ในพระราชวังก่อนหน้านี้ เจ้าบอกข้าว่าจะเติมเชื้อไฟใส่ฉินซู รีบบอกแผนของเจ้าให้ข้ารู้เร็วเข้าสิ”
หลินซีหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างมีความหมาย "วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดในการจัดการกับคนขี้สุราเคล้านารีอย่างฉินซู แน่นอนว่าต้องเป็นกลยุทธ์สาวงาม!"
“เจ้าคงมิอยากให้ชิงเหยาไปใช่หรือไม่?”
ฉินหงรู้สึกมิสบายใจอย่างอธิบายมิถูก เขามิอยากเสี่ยงให้คนรักของเขาเกี่ยวข้องกับแผนการเช่นนี้จริง ๆ
การแสดงออกของหลินชิงเหยาเปลี่ยนไป นางรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยในใจ
โดยมิคาดคิดหลินซีส่ายหัวและพูดว่า “ไม่พ่ะย่ะค่ะ ชิงเหยาเป็นลูกสาวของกระหม่อม และยังเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?"
“แล้วกลยุทธ์สาวงามที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคือ...”
“ท่านอ๋อง บุตรีของชิ่งกั๋วกง(1)นั้นงดงามยิ่ง มีทั้งทักษะร่ายรำขับร้องที่ดี หากเราตัดสินใจใช้กลยุทธ์สาวงามนางก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
“คนที่มีนามว่าเซี่ยหลานใช่หรือไม่?”
“มิผิด เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ ชิ่งกั๋วกงก็เห็นด้วยแล้ว ตราบใดที่ท่านอ๋องตกลง แผนนี้ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น!”
ฉินหงพยักหน้าโดยมิลังเล “แน่นอนว่าข้าเห็นด้วย ตราบใดที่ฉินซูกล้าทำสิ่งที่มิเหมาะสมกับเซี่ยหลาน ชิ่งกั๋วกงจะรายงานต่อหน้าเสด็จพ่อ ก่อนวันชุนเฟิน ฉินซูได้ถูกปลดก่อนเป็นแน่
“เรื่องนั้นมิควรล่าช้า กระหม่อมจะไปที่จวนของชิ่งกั๋วกงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่หลินซีพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป
ฉินหงหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการของตน ดูเหมือนเขาจะนึกภาพฉากที่ฉินซูถูกปลด
เขามิได้สังเกตเลยว่าหลินชิงเหยามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและความรังเกียจ
หลินชิงเหยาอดมิได้ที่จะถาม “ท่านอ๋องเพคะ หากพวกท่านทำเช่นนี้ มิกลัวหรือว่าเซี่ยหลานจะถูกองค์รัชทายาทใช้กำลัง?
ฉินหงยิ้มอย่างมิใส่ใจและเอ่ยว่า “กลัวอะไรเล่า? ตัวข้าหวังว่าฉินซูจะทำจริง ๆ หากเขาทำ เขาจะได้ประสบปัญหาเป็นแน่"
“เมื่อเช้านี้ที่ท่านขอให้หม่อมฉันไปที่ตำหนักบูรพา นั่นคือสิ่งที่ท่านคิดใช่หรือไม่? แม้ว่าหม่อมฉันจะถูกองค์รัชทายาทกระทำก็มิได้สำคัญ ใช่หรือไม่?”
หลินชิงเหยารู้สึกหนาวสั่นอย่างท่วมท้นในใจ
กั๋วกง เทียบได้กับตำแหน่งเจ้าพระยา เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางได้จักรพรรดิ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน