(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 905

ตอนที่ 905 รักตราบนิรันดร์ (5)

“ต่อไปก่อนที่จะเริ่มแสดงเพลงนี้…”

พอร้องเพลง ‘เรียนรู้ที่จะรัก’ จบแล้ว เหงื่อเม็ดใสๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของลู่เฉิน แต่อารมณ์ของเขายังดีอยู่ไม่คิดที่จะพักผ่อนใดๆ ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับผู้ชมนับหมื่นคน “ผมอยากให้ทุกคนช่วยอะไรหน่อยครับ”

ช่วย? ช่วยอะไรเล่า

ทุกคนสงสัยมาก มีหลายคนตะโกนออกมาโดยตรง โชคดีที่ลู่เฉินไม่ได้เล่นแง่อะไรมากนัก พูดต่อทันที “จริงๆ แล้วง่ายมากครับ ช่วยลดแท่งไฟและป้ายไฟในมือของพวกคุณลงมาก่อน”

พวกแฟนคลับทำตามทันที เหมือนกับฝึกมาแล้วหนึ่งรอบ

“ขอบคุณครับ!”

ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ตอนนี้หยิบโทรศัพท์ของพวกคุณขึ้นมา เปิดแฟลชกล้อง แล้วโบกไปพร้อมกับเพลง!”

วินาทีต่อมา เสียงเพลงดังขึ้น ทุกคนเข้าใจอย่างฉับพลันทันที…‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’!

บทเพลงนี้เป็นหนึ่งในผลงานคลาสสิกของลู่เฉินเช่นกัน เป็นผลงานเพลงที่เขาเปลี่ยนแนวจากเพลงบัลลาดมาเป็นเพลงซอฟต์ร็อก เป็นที่ชื่นชอบอย่างลึกซึ้งของแฟนเพลงมากมายนับไม่ถ้วน

บนที่นั่งผู้ชม พวกแฟนคลับนับหมื่นคนชูโทรศัพท์ขึ้นสูง โบกสะบัดให้แสงไฟพลิ้วไหวไปพร้อมกับทำนองของเสียงเพลง ราวกับดวงดาวส่องประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า ถักทอเป็นทางช้างเผือกที่งดงาม

ภาพนี้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนจากกล้องมุมสูง กลายเป็นหนึ่งในภาพที่มีสีสันที่สุดของคอนเสิร์ตคืนนี้ จนนักร้องหลายคนอยากจะเลียนแบบ

“ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี จะได้ยินไหม คนที่แหงนมองไปบนนั้น เสียงทอดถอนใจจากความเดียวดายที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจ”

“ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรีจำได้หรือไม่ คนที่เคยเดินอยู่เคียงข้างฉัน แต่ร่างเงานั้นกลับหายไปท่ามกลางสายลม”

“ฉันภาวนาขอให้มีจิตใจที่ใสกระจ่าง มีดวงตาที่ร้องไห้เป็น…”

‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ ครั้งแรกสุดปรากฏบนเวที ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ลู่เฉินได้เป็นแชมป์การแข่งขันทั่วประเทศของ ‘ขับร้องให้ห้องจีน’ ด้วยผลงานเพลงนี้ และก้าวเข้าสู่เส้นทางซูเปอร์สตาร์นับตั้งแต่บัดนั้น

หลังจากนั้นเขาได้ร้องเพลงนี้ในเทศกาลดนตรีต่างๆ หลายครั้ง ได้ฐานแฟนเพลงเพิ่มขึ้นมากมาย ความหมายของบทเพลงนี้สำหรับลู่เฉิน จริงๆ แล้วไม่ด้อยไปกว่าเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เลยทีเดียว

ย้อนนึกถึงช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา แล้วร้องเพลงนี้อีกครั้ง ในใจของลู่เฉินรู้สึกปลงอนิจจังอย่างสุดซึ้ง เขาในตอนนั้นยังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเดี่ยวในห้องใต้ดินแคบๆ มีหรือจะเคยคิดว่าตัวเองจะได้กลายเป็นดาวจรัสแสงที่สุดบนท้องฟ้า เป็นที่จับตามองของผู้คนนับล้าน

โชคชะตาช่างมหัศจรรย์เช่นนี้ เขารู้ถึงสาเหตุของความสำเร็จของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นต่อให้ได้รับความนิยมไร้ซึ่งศัตรู ครอบครองความมั่งคั่งด้วยจำนวนเงินมหาศาล แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เคยหลงตัวเอง

ไม่ลืมความตั้งใจแรก ถึงจะสามารถเดินอยู่บนเส้นทางชีวิตได้ไกลยิ่งขึ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น

ต้องเชื่อเสมอว่า แสงสว่างมีตัวตน!

“ทุกครั้งที่ฉันค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ไม่เจอ ทุกครั้งที่ฉันหลงทางอยู่ในความมืดมิด…”

“โอ้~ ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี โปรดส่องแสงนำทางให้ฉันก้าวเดินไปข้างหน้า~”

เลนส์กล้องวาดผ่านที่นั่งของผู้ชม ทันใดนั้นได้หยุดอยู่ที่ผู้ชมคนหนึ่ง แฟนคลับวัยรุ่นคนนี้กอดแฟนสาวไว้ในอ้อมอกของตัวเองอย่างแน่น ร้องเพลงตามด้วยน้ำตานองหน้า

เขาร้องไห้ขณะร้องเพลงอย่างเต็มที่ แสงแฟลชโทรศัพท์โดยรอบส่องใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาใส

ภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอทั้งสามตัวพร้อมกัน เสียงปรบมือและโห่ร้องดังขึ้นทั่วงานทันที

ไม่มีใครหัวเราะเยาะความอ่อนแอของเขา ไม่มีใครหัวเราะเยาะว่าเขาร้องไห้เหมือนเด็ก เพราะคนที่มีเรื่องราวจะรู้สึกประทับใจเพลงนี้ได้อย่างง่ายดาย น้ำตาไม่ทำให้คนน่าอับอาย แต่ที่น่าอับอายคือหัวใจที่เย็นชา!

ท้องฟ้ายามราตรีของคืนนี้ ลู่เฉินเป็นดาวที่สว่างไสวที่สุด และผู้ชมแปดหมื่นสามพันคนในสนามกีฬาโอลิมปิก ก็เปล่งประกายของตัวเองออกมาเหมือนกัน!

บรรยากาศในคอนเสิร์ต ทะยานขึ้นสู่จุดไคลแมกซ์ด้วยเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ บทเพลงนี้

ตอนที่ลู่เฉินร้องเพลงนี้จบแล้ว เขาหลับตาต่อหน้าผู้ชมทุกคน ฟังเสียงโห่ร้องยินดีที่มาจากทุกคน

เขายกมือขวาทาบไปที่หน้าอก สัมผัสหัวใจของตนเอง ราวกับว่าหัวใจของผู้ชมทั้งหมดแปดหมื่นสามพันคนกำลังเต้นอย่างแข็งแกร่งมีพลังไปพร้อมกัน!

ผ่านไปนานพักหนึ่ง ลู่เฉินถึงลืมตา แล้วลดมือลง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา!”

วงนิพพานรับเวทีต่อทันที บรรยากาศในงานไม่มีทางเงียบกร่อย

พอกลับไปด้านหลังเวที ลู่เฉินเหงื่อซึมเต็มหลัง

เขาใส่ความรู้สึกในทุกบทเพลง ใช้ใจในการร้องเพลง ไม่ได้ทำอย่างลวกๆ หรือขอไปทีเลยสักนิด ดังนั้นจึงหมดพลังไปไม่น้อย

แต่ร่างกายแข็งแรงที่ออกกำลังกายมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถรับความกดดันแบบนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

“เยี่ยมมาก!”

เฉินเฟยเอ๋อร์ที่เฝ้าอยู่ด้านหลังเวทีสวมกอดลู่เฉินอย่างกระตือรือร้น ยิ้มเอ่ยว่า “บรรยากาศของงานดีมากจริงๆ!”

ลู่เฉินจูบใบหน้าของแฟนสาวหนึ่งที จากนั้นรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปอย่างรวดเร็ว

วงนิพพานที่อยู่ด้านนอกเพิ่งโชว์เพลงสุดมันจบไปหนึ่งเพลง ลู่เฉินก็มาปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้งในลุคใหม่

เสียงปรบมือดังกระหึ่มในพริบตา พวกผู้ชมอดใจรอไม่ไหวแล้ว

โดยเฉพาะพวกแฟนคลับของลู่เฉิน ที่ไม่อยากให้ลู่เฉินออกไปจากเวทีแม้แต่วินาทีเดียว เวลาสั้นๆ สองสามนาทีทำให้อารมณ์ของพวกเขาและพวกเธอถูกสะสมจนถึงขีดสุด

“อะแฮ่มๆ!”

ลู่เฉินกระแอมสองที ถามว่า “ทุกคนเตรียมพร้อมหรือยังครับ”

ถามประโยคนี้ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เตรียมตัวอะไร

แต่พวกแฟนๆ ก็ไม่สนใจขนาดนั้น รีบตอบเสียงดังทันที “เตรียมพร้อมแล้ว!”

ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว งั้นพวกเรามาต้อนรับพี่ใหญ่สองสามคนด้วยกันเถอะครับ พวกเขาเป็นทั้งครูและเพื่อนในชีวิตของผม ดังนั้นเพลงต่อไปนี้ จะมีผมร้องเพลงกับพี่ใหญ่เหล่านี้ครับ”

“ก่อนอื่นขอต้อนรับ…พี่ถานหง!”

แสงไฟลำแสงหนึ่งส่องไปที่ประตูทางเข้าออกด้านหลังเวที ถานหงในชุดลำลองสบายๆ โบกมือให้กับผู้ชมด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เดินไปหาลู่เฉินอย่างสงบเยือกเย็น

ว้าว~

เสียงฮือฮาเกรียวกราวพลันระเบิดขึ้นในสนามกีฬาโอลิมปิก นั่นคือเสียงปรบมือและเสียงเชียร์มากมายนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน

คอนเสิร์ตเดี่ยวรอบแรกของลู่เฉินในคืนนี้ ถานหงร่วมเป็นแขกรับเชิญไม่ใช่เรื่องที่ผู้คนรู้สึกแปลกใจมากเกินไปเพราะในอาชีพร้องเพลงของลู่เฉิน ถานหงช่วยเหลือเขาเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้โดยทั่วกัน

มิตรภาพระหว่างทั้งสองคน ทุกคนทราบกันดี!

ถึงแม้ถานหงจะออกจากวงการเพลงนานแล้ว แต่คอนเสิร์ตเดี่ยวของลู่เฉิน ไม่ว่าอย่างเขาก็ต้องมาร่วมงานให้ได้

ทั้งสองคนทักทายด้วยการสวมกอดกัน ถานหงใช้แรงตบไปที่ไหล่ของลู่เฉิน ทุกอย่างชัดเจนแม้ไม่ได้พูดอะไรเลย!

ลู่เฉินกล่าวต่อว่า “ต่อไปขอเชิญ…”

“พี่หลิวกั่งเซิง!”

เสียงปรบมือและเสียงตะโกนโหวกเหวกที่เพิ่งสงบลงดังขึ้นในฉับพลัน ดังก้องไปทั่วโดมของสนามกีฬาแห่งนี้

หลิวกั่งเซิงเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของฮ่องกง และยังเป็นเจ้าพ่อวงการภาพยนตร์ วงการละคร และวงการเพลง เป็นดั่งต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปีในวงการบันเทิง พูดถึงความนิยมในประเทศจีน เขานับว่าแซงหน้าถานหง

ลู่เฉินเชิญดาราตัวท็อปของวงการออกมาถึงสองคน อดไม่ได้ที่ผู้คนจะรอคอยเพลงที่พวกเขาร้องร่วมกันเป็นพิเศษ

แต่ยังไม่จบแค่นั้น

หลังจากสวมกอดกับหลิวกั่งเซิงแล้ว ลู่เฉินกล่าวว่า “พี่ชายคนสุดท้าย…”

“พี่เลี่ยวเจี่ย!”

พี่ชายทั้งสามคน รวมกับลู่เฉินทั้งหมดคือคนดังทั้งสี่คน พวกเขามาร้องเพลงร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไร ล้วนต้องถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของวงการเพลงจีนอย่างแน่นอน!

…………………………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar