“หวางเฉิงหย่วนก็ใกล้จะถึงแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะดูว่านายจะอธิบายกับเขายังไง”
มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างน่ากลัว แล้วพูด: “บ้านซานเป็นสถานที่แห่งการพักผ่อน แต่นายกลับฆ่าคนที่นี่ นายทำแบบนี้ ทำให้ฮวงจุ้ยของบ้านซานเสียหมด สถานที่แห่งการพักผ่อน จะให้มีการนองเลือดได้ยังไง?”
มู่เสี่ยวไป๋ มองหลี่ฝางพลางหัวเราะเหอะๆ : “ยิ่งไปกว่านั้น เกิดการลงมืออยู่ที่คฤหาสน์บ้านซาน ก็หมายความว่าการรักษาความปลอดภัยที่นี่มีปัญหา เหอะๆ ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของคฤหาสน์บ้านซาน ก็พังหมดพอดี”
“ใครก็รู้ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่ มีชื่อเสียงมากๆ แถมหวางเฉิงหย่วนก็เคยรับประกัน ว่ายังไงก็จะรักษาความปลอดภัยของชีวิตผู้พักอาศัย การกระทำของนาย เหมือนกันการตบหน้าหวางเฉิงหย่วนอย่างจัง”
มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเยาะเย้ย หน้าของเขา ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ มองไปทางกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูด: “เห็นแล้วหรือยัง? ปากและหน้าตาของลูกพี่พวกนาย มีคนตายไปทั้งคน ไม่ใช่แค่ไม่เสียใจ ดูปากเขายิ้มสิ อย่างกับหมาปั๊ก อยู่กับคนแบบนี้ ฉันล่ะเศร้าแทนพวกนายจริงๆ ”
“มีที่ไหนลูกน้องตัวเองตายทั้งคน เป็นถึงเจ้านาย กับยังยิ้มร่าเริงได้?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
ประโยคนี้ของหลี่ฝาง ที่จริงก็บาดใจอยู่มาก
กลุ่มคนด้านหลังของมู่เสี่ยวไป๋ ได้ยินประโยคของหลี่ฝาง ก็อึดอัดในใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาติดตามหวางต้อง ทำเรื่องมากมายกับหวางต้องมาหลายปี หวางต้องก็ดีกับพวกเขา เมื่อกี้มู่เสี่ยวไป๋คิดร้ายจงใจ ลากเวลา ถึงทำให้หวางต้องต้องตาย
ในตอนนี้คนกลุ่มนี้เห็นกับตา จนมีคนนึงเกือบจะลุกไปตีกับมู่เสี่ยวไป๋
มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าเข้ม: “หลี่ฝาง นายอย่าเบี่ยงประเด็น หวางต้องติดตามฉันมาหลายปี เขาตาย ฉันก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว”
“ที่ฉันหัวเราะ ก็เพราะสวรรค์มีตา ให้ฉันหาคนร้ายเจอ”
“อย่างน้อย พวกพ้องฉันตายก็ไม่ใช่ตายแบบหาตัวจับไม่เจอ”
มู่เสี่ยวไป๋พูดขึ้น: “หลี่ฝาง เฉินฝูเซิงไปไหนกันแน่?”
“นายถามฉันให้ฉันไปถามใคร? เฉินฝูเซิงไม่ใช่เพื่อนนายเหรอ?” หลี่ฝางพูดอย่างกวนๆ
“เหอะๆ หมายความว่าไง อยากจะกวนฉันใช่มั้ย?” มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า แล้วพูด: “ได้ งั้นฉันจะรอให้หวางเฉิงหย่วนมาแล้ว ดูสิว่าเขาจะอธิบายให้ฉันฟังว่าอะไร”
“ไม่สนว่าใครเป็นคนทำ ถึงยังไง ถ้าหวางเฉิงหย่วนช่วยฉันหาคนร้ายไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายให้ฉันฟังได้ งั้นฉันก็จะแจ้งความ”
มู่เสี่ยวไป๋พูดเสียงเย็นชา
โจวเจ๋ขมวดคิ้ว พลางมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูด: “คุณชายมู่ คุณคิดดีแล้วเหรอ?”
“เรื่องที่จะแจ้งความ คุณไม่ใช่แค่จะทำให้หวางเฉิงหย่วนไม่พอใจ แถมยัง......” โจวเจ๋ยิ้ม ไม่ได้พูดให้จบ: “หวังว่าคุณชายมู่จะคิดนึกให้ดีๆ ว่าลืมเรื่องอะไรไปหรือเปล่า”
มู่เสี่ยวไป๋หรี่ตา พลางมองโจวเจ๋: “กลุ่มคนปิดบังหน้าตาเมื่อกี้ น่าจะมีนายอยู่ด้วยสินะ?”
“เสียงของนายคุ้นๆ นายน่าจะเป็นคนที่ยืนตกใจจนเข่าอ่อน อยู่ที่หน้าประตูนั่นใช่มั้ย?” มู่เสี่ยวไป๋มองโจวเจ๋ พลางพูด
ไม่รู้ว่าโจวเจ๋นึกอะไรขึ้นมา กลับยิ้มเยาะขึ้นมา
“คุณชายมู่ คุณกำลังพูดอะไร ทำไมผมถึงฟังไม่เข้าใจเลย ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมก็อยู่แต่ในคฤหาสน์สนุกสนานก็สาวๆ ในบริษัทเรานะครับ หากคุณชายไม่เชื่อละก็ สามารถถามดูได้เลย”
โจวเจ๋ยิ้ม แล้วพูด
“สาวๆ พวกเธอสามารถเป็นพยานให้ฉันได้มั้ย?” โจวเจ๋หันกลับไป มองเน็ตไอดอลสาวที่อยู่ในห้อง แล้วถาม
ทันใดนั้นเน็ตไอดอลสาวก็พยักๆ หน้ารัวๆ แถมตอบกลับมา
“คุณดูสิ คุณชายมู่ ผมมีพยานเยอะขนาดนี้ คุณอยากจะปรักปรำผม คงจะไม่ง่ายหรอกครับ”
โจวเจ๋ยิ้ม แล้วพูด: “เมื่อกี้เหมือนข้างหูมีเสียงหลอนๆ ราวกับว่ามีคนมาเรียกผมว่าพ่อ ไม่รู้ว่าเรียกผม หรือว่าเรียกเพื่อนผมที่แซ่เฉินคนนั้นกันนะ”
“คุณชายมู่ พูดมาก็บังเอิญนะ คนที่เรียกเพื่อนผมคนนั้นว่าพ่อ น้ำเสียงเหมือนกับคุณมาก เหมือนกันเปี๊ยบเลย”
โจวเจ๋หรี่ตา พลางมองมู่เสี่ยวไป๋แล้วยิ้มเย็นชา
“นาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง