ต่อให้สวีเจ๋จะโง่แค่ไหน ต่อก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จริง ๆ แล้วเมื่อกี้สวีเจ๋ก็กำลังคิดอยู่ว่า ทำไมคุณชายผู้ดีที่อยู่ตรงหน้าถึงได้ปฏิเสธที่จะพบกับลูกพี่แมงป่องถึงขนาดนี้ หรือว่าจะมีเรื่องลำบากใจอะไร?
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย
หรือต่อให้ไม่สบาย งั้นไปพูดสักประโยค คุยสักสองสามประโยคก็น่าจะได้อยู่หรอก?
ไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้ และยิ่งไม่ไว้หน้าแมงป่อง หรือว่าจะไม่กลัวโดนเอาคืนจริง ๆ?
ดังนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือคุณชายผู้ดีท่านนี้ มีข้อบาดหมางบางอย่างกับลูกพี่ของตัวเอง
หลังจากที่คิดเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นมายังไง สายตาที่สวีเจ๋มองหลี่ฝาง อำมหิตมากขึ้นกว่าเดิม
สวีเจ๋หันหน้าไปคุยกับแมงป่องอย่างขยันขันแข็ง: “ลูกพี่ครับ ได้หมอนี่เคยหาเรื่องพี่ใช่ไหม? ถ้าหากใช่ล่ะก็ ผมจะจัดการมันแทนพี่เอง”
แมงป่องทำสายตามองบนให้กับสวีเจ๋: “พอเหอะแกน่ะ แม้แต่เด็กคนหนึ่งแกยังจัดการไม่ได้ ยังจะมาคุยโวโอ้อวดอะไรกับฉันอีก?”
สีหน้าของสวีเจ๋ ค่อนข้างประหม่าขึ้นมาทันที
ใช่
นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่ถังหยู่ซวนเขาก็ยังจัดการไม่ได้ แล้วจะมีปัญญาอะไรไปจัดการหลี่ฝาง?
ยิ่งไปกว่านั้น ดูท่าทางแล้ว สวีเจ๋คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังหยู่ซวนด้วยซ้ำ
ถังหยู่ซวนมีความชำนาญในการใช้มีดมาก สวีเจ๋ที่มีเพียงแค่มือเปล่า ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แต่ว่า แกสามารถเอาไอ้หนุ่มนี่ส่งมาถึงตรงหน้าฉันได้ ก็ถือว่ามีความดีความชอบ” มองดูสวีเจ๋ แมงป่องก็ยิ้มอย่างพอใจ ราวกับว่ากำลังยกย่องชมเชย
สีหน้าของสวีเจ๋เปลี่ยนจากมืดครึ้มเป็นสว่างไสวขึ้นมาทันที ภายในใจก็ไม่หดหู่อีกแล้ว
“ฉ่างจือ นานแล้วใช่ไหมที่แกไม่ได้ต่อยตีกับใคร?” แมงป่องมองไปที่ลูกชายบุญธรรมของตัวเอง แล้วเอ่ยถาม
ฉ่างจือพยักหน้า กล่าว: “ใช่ครับ นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับพ่อบุญธรรม”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แมงป่องได้ครอบครองสถานที่แห่งนี้ในอำเภอหลินอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่สีเทาส่วนใหญ่รวมถึงธุรกิจตกอยู่ในมือของแมงป่องเพียงลำพัง
ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับแมงป่อง ลูกชายบุญธรรมของเขาคนนี้ ก็เป็นเหมือนกับผู้เก่งกาจขาดแหล่งสำแดงกำลังแล้ว
แมงป่องยิ้ม กล่าว: “งั้นวันนี้ก็ออกกำลังหน่อยนะ”
“เขาเหรอ?”
ฉ่างจือส่ายหน้า เขามองถังหยู่ซวนในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม: “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”
ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นถังหยู่ซวนอยู่ในสายตา แต่ทำยังไงได้ในเมื่อแมงป่องได้ออกคำสั่งมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีไม่ถือสาต่อไป
ฉ่างจือหลี่ตาลง มองถังหยู่ซวนพลางหัวเราเหอะขึ้นมา
เสียงกระทืบเท้าดังขึ้น ฉางจื่อกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ เคลื่อนที่รวดเร็ว พลังโจมตีรุนแรง หลังจากที่หลี่ฝางได้เห็น ก็รู้สึกเหงื่อตกแทนเขาเสียเนี่ยกระไร
ในขณะที่หมัดของฉ่างจือพุ่งเข้ามา ถังหยู่ซวนกลับใช้สองมือของเขารับเอาไว้ได้
ฉากนี้ ไม่เพียงทำให้ฉ่างจือตกตะลึง ยิ่งทำให้แมงป่องตกใจเป็นอย่างมาก
“เป็นคุณรุ่นหลังที่ไม่เลวเลยจริง ๆ”
แมงป่องรู้ว่าหมัดนี้ของฉ่างจือหนักแค่ไหน หมัดนี้ ต่อให้เป็นตัวเอง ก็ไม่อาจรับเอาไว้ได้ง่าย ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังหยู่ซวน ที่พึ่งต่อยกับสวีเจ๋ไปครึ่งค่อนวัน
ฉ่างจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และก็ค่อนข้างที่จะดีใจ ณ เวลานี้ ในที่สุดฉ่างจือก็เริ่มมองถังหยู่ซวนอยู่ในสายตาแล้ว
“ในตอนที่ฉันอายุเท่า ๆ กับแก ไม่ร้ายกาจเท่าแก” ฉ่างจื่อกล่าวอย่างเรียบ ๆ จนจบ จากนั้นเขาก็ออกแรงอีกครั้ง ถังหยู่ซวนถูกบีบจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“แต่น่าเสียดาย ที่ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกหลายปี”
ฉ่างจือพูดจบ ก็พุ่งเข้าหาถังอยู่ซวนอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับฉ่างจือที่กดดันเข้ามา แรก ๆ ถังหยู่ซวนยังพอที่จะรับมือได้ แต่ไม่นาน เขาก็ไม่ไหวแล้ว
ไม่เพียงถูกบีบจนถอยหลัง ในเวลานั้น ถังหยู่ซวนก็ได้ถูกอัดเข้าไปติดต่อกัน
“คุณชายหลี่ บอดี้การ์ดของนายดูเหมือนจะไม่ค่อยแกร่งเท่าไหร่นะ ไม่เกินหนึ่งนาที ฉันรับรองได้ว่ามันจะต้องลงไปกองอยู่ต่อหน้าลูกบุญธรรมของฉัน” แมงป่องกล่าวด้วยถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม
หลี่ฝางมองดูแมงป่อง แล้วกล่าว: “คุณก็แค่ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ?”
“หยิ่นเหล่ยจ่ายคุณเท่าไหร่ ผมให้สองเท่า ปล่อยผม และเพื่อนของผมไป” หลี่ฝางขมวดคิ้วกล่าว
ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ ล้วนเป็นเรื่องเล็ก
อย่าว่าแต่ตระกูลหลี่เลย ต่อให้เป็นหลี่ฝางในตอนนี้ สมบัติที่เขามีนั้น ทรัพย์สินที่ให้ได้นั้น เยอะกว่าตระกูลหยิ่นอีกหลายเท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง