“อาฟาน บริษัทของเราเพิ่งจะก้าวหน้า ไม่ได้มีทรัพยากรมากมายจะไปสู้กับคนอื่นหรอก”
เกาเหวินทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง เธอข่มอารมณ์โกรธไว้ และพูดชี้แนะออกไปอย่างจริงจัง : “ตอนนี้ฮวนฮวนสิ้นสุดการอยู่ในค่ายแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู้ขั้นตอนการบันทึกเทปการแข่งขัน ยังไงก็ต้องยัดเงินค่าซีนกล้องให้กับทีมงานรายการอยู่แล้ว แต่คุณดันเพิ่มซงหลิงเอ่อร์เข้ามา........ค่าใช้จ่ายก็เลยเกินกว่าที่เราจะคาดคิดไว้!”
“พี่เกาเหวิน พี่ฟานเคยพูดเรื่องนี้กับฉันแล้ว เราไม่เอาค่าโฆษณาของพวกคุณก็ได้ แต่ฉันอยากแย่งซีนในรายการ ด้วยการแทรกรายการคู่รักฉบับมือใหม่ลงไป” ซงหลิงเอ่อร์ม้วนผมเล็กน้อย ก่อนจะเอียงคอมองจางฟาน และพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า : “พี่ฟาน เพราะเห็นแก่หน้าของพี่หรอกนะ จริง ๆ ฉันยังมีบริษัทใหญ่ที่อยากเข้ามาชิงตัวฉันอีกหลายแห่งนะ!”
ที่ซงหลิงเอ่อร์พูดก็ไม่ผิด เธอไม่อยากตามติดจางฟาน จึงไม่จำเป็นต้องใช้บริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มก้าวหน้าของจางฟาน
ถึงแม้ว่าจางฟานจะลงทุนกับบริษัทโกโรโกโสนี้ไม่มากนัก แต่ครอบครัวของจางฟานก็มีภูมิหลังที่เก่งกาจมาก อีกทั้งจางฟานเองก็ยังมีเงินส่วนตัวเป็นจำนวนมาก สามารถออกค่าใช้จ่ายให้กับเธอด้วยเงินส่วนตัวของเขาได้โดยไม่มีปัญหา
ส่วนค่าใช้จ่ายของบริษัทโกโรโกโสแห่งนี้ ก็เก็บไว้ให้กับเฉินฮวนฮวนผู้หญิงที่ยากจนและล้าหลังคนนี้เถอะ
เรื่องสำคัญที่สุด เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมที่เซ็นสัญญากับบริษัทเล็ก ๆ ของจางฟาน คงจะหวังว่าหลังจากที่ผลักดันจนตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็คงจะเบียดเกาเหวินตกจากตำแหน่งเจ้านายเป็นแน่
“งั้นเธอก็ไปเซ็นสัญญากับบริษัทใหญ่ ๆ สิ!” เกาเหวินตะโกนออกมาทันที เพราะความโกรธ สีหน้าจึงแดงก่ำ
ซงหลิงเอ่อร์ตกใจสุดขีด จึงรีบยกมือขึ้นมาตบหน้าของตัวเองทันที ดวงตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้นได้เบิกกว้างอย่างน่าสงสาร และถามขึ้นว่า : “พี่เกาเหวิน ทำไมพี่ถึงชี้แนะฉันหนักหน่วงแบบนี้? ฉันคิดว่าเงื่อนไขก็ไม่เลวเลยนะ ฉันยอมเซ็นสัญญากับบริษัทของพวกพี่ พวกพี่ก็ควรจะดีใจสิถึงจะถูก”
“ซงหลิงเอ่อร์ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?” เกาเหวินยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ก่อนจะชี้หน้าด่าเธอว่า : “เธออยู่ห่าง ๆ จางฟานเลยนะ รีบไสหัวออกไปจากสายตาฉันเดี๋ยวนี้!”
ครั้งนี้เกาเหวินทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะซงหลิงเอ่อร์เข้ามารังแกเธอถึงที่
“เหวินเหวิน เธอพูดอะไร?” ใบหน้าของจางฟานแสดงออกถึงความไม่พอใจ
ซงหลิงเอ่อร์ถูกเกาเหวินตำหนิ ดวงตาคู่นั้นเริ่มแดงก่ำไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดูท่าทางน่าสงสารจับใจ
“พี่เกาเหวิน พี่ชักจะทำเกินไปแล้วนะ ฉันไปล่วงเกินพี่ตรงไหนเหรอ? พี่ถึงได้มาทำแบบนี้กับฉัน?” ซงหลิงเอ่อร์ฟูมฟายไปพลางใช้มือปาดน้ำตาไปพลาง
“หลิงเอ่อร์ คุณหยุดร้องไห้ได้แล้ว ผมขอโทษคุณแทนเกาเหวินด้วยนะครับ” จางฟานทำอะไรไม่ถูก ดูท่าทางคงจะอยากปลอบใจซงหลิงเอ่อร์ แต่ก็เป็นกังวลว่าจะทำให้เกาเหวินโกรธ
“จางฟาน นายเป็นอะไรกับฉัน? นายมีสิทธิ์อะไรมาขอโทษเธอแทนฉัน?” เกาเหวินเขวี้ยงกระเป๋าแอร์เมสลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ถลึงตาที่แดงก่ำไปทางจางฟาน และยิ้มเยาะด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายกับซงหลิงเอ่อร์มีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉันอดทนมานานแล้ว จางฟาน นายยังจำคำพูดตอนที่นายสารภาพรักกับฉัน ได้ไหม?”
ประโยคสุดท้าย เกาเหวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเล็กน้อย จางฟานถึงกับอึ้งงันทันที เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าเขาจะทำให้เกาเหวินโกรธแบบนี้
เกาเหวินหมุนตัว จากนั้นก็ดึงมือของเฉินฮวนฮวนและเดินจากไป แต่จู่ ๆ ก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบหันกลับมาเก็บกระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“เหวินเหวิน ฉัน.........” จางฟานเห็นการกระทำของเกาเหวิน เขากำลังอ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดออกมายังไง
“เราไปกันเถอะ” เกาเหวินไม่ได้สนใจจางฟานแต่อย่างใด เธอกระชากเฉินฮวนฮวนเดินกลับขึ้นรถไป จากนั้นก็สตาร์ทรถและขับออกไปทันที
ระหว่างที่ขับรถนั้น เธอพบว่าจางฟานไม่ได้ตามเธอมา ดังนั้นจึงได้หักเลี้ยวรถจอดข้างทาง เธอจับพวงมาลัยและกรีดร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“พี่เหวิน” เฉินฮวนฮวนมองไปยังเกาเหวินที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเอ่ยเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่กลับไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไง
เกาเหวินไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานต่อไป เฉินฮวนฮวนจึงทำได้เพียงแค่รออยู่เงียบ ๆ
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ราวกับน้ำตาได้ถูกขับออกมาจนแห้งเหือดหายไป และราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ เกาเหวินจึงยืดตัวขึ้น จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าของตัวเอง และกลับมาอยู่ในโหมดปกติอีกครั้ง
“ฮวนฮวน เธอคงจะหัวเราะเยาะฉันอยู่ล่ะสิท่า” เกาเหวินยิ้มเรียบ ๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนเต็มทน
เธอรักษาภาพลักษณ์ภายนอกที่ดีอยู่เสมอมา ไม่เคยเสียสติแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ บางทีอาจจะเพราะเธอไม่แคร์ว่าเฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ตรงนี้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ผูกมัดได้ขาดสะบัดแล้ว เธอจึงไม่สามารถอดกลั้นมันได้อีกต่อไป
เดิมที เธออยากจะเซ็นสัญญากับเฉินฮวนฮวน แล้วไล่ซงหลิงเอ่อร์ออกด้วยซ้ำ แบบนี้ ศิลปินในบริษัทอย่างเฉินฮวนฮวนก็จะกลายเป็นคนของตัวเอง ส่วนซงหลิงเอ่อร์ก็จะได้ไม่มีเวลามาเจอกับจางฟานอีก
เธออยากทำแบบนี้ จะได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจางฟานและซงหลิงเอ่อร์มันลดลงบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่า ตอนนี้จางฟานจะกล้าพาซงหลิงเอ่อร์เข้ามาในบริษัท
“พี่เหวิน ฉันไม่มีทางหัวเราะเยาะพี่หรอก แค่เหตุการณ์ในวันนี้ เด็กฝึกผู้หญิงคนนั้น........” ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเฉินฮวนฮวนย่อมมองออก เห็นได้ชัดว่าซงหลิงเอ่อร์และจางฟานมีอะไรกันอย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้น เกาเหวินไม่มีทางเสียสติขนาดนี้ ไม่เพียงแค่เพราะเซ็นสัญญากับซงหลิงเอ่อร์เท่านั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วย
“ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว เราไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า” เกาเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็สตาร์ทรถออกไป
ทั้งสองคนหาร้านหม้อไฟที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง กินไปพลางเม้าท์มอยอย่างสนุกสนานไปพลาง เฉินฮวนฮวนได้รายงานสถานการณ์ในค่ายฝึกให้เกาเหวินฟัง
“เธอหมายความว่า......เธอไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาเหรอ?” เกาเหวินนึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยั้งมือเอาไว้
“พี่เหวิน ฉันคิดว่าในเมื่อมันคือการแข่งขัน ฉันกับเด็กฝึกทุกคน คือศัตรูกันนะ อยากจะชนะศัตรู ฉันเลยคิดว่าจะปิดศักยภาพของตัวเองเอาไว้ก่อน” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างจริงจัง
เกาเหวินอึ้งงันไปทันที จากนั้นก็โพล่งออกไปว่า : “ฮวนฮวน เธอเคยเรียนทหารยุทธศาสตร์มาใช่ไหม?”
“ไม่นี่คะ” เฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางงุนงง จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย