“ไม่ว่าพวกที่ใช้เดือนชนเดือนหรือว่าพวกที่มีเงินเก็บ ทุกคนต่างมีแนวทางชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น”
ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่ใช่พวกใช้เดือนชนเดือน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าหลิวหลี่ถงมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ทุกคนอยากมีชีวิตแบบไหน ตัวเองคือคนตัดสิน
“คุณนายสาม ที่คุณนายพูดก็มีเหตุผลนะคะ ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนเสี่ยวลี่จะไม่ได้คิดแบบนี้นะคะ ทุกครั้งที่เธอเห็นฉันซื้อของก็มักจะเข้ามาสอนฉันอยู่เสมอ ฉันไม่เหมือนกับเธอนะคะ ที่จะเอาเงินเก็บทั้งหมดส่งกลับไปให้สามีและลูกชายที่อยู่บ้านนอก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวหลี่ถงก็แบะปากเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเสี่ยวลี่
“เธอเองก็ทำเพื่อสามีและลูกชายของเธอ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปวิจารณ์เธอ แค่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเท่านั้น
เสี่ยวลี่อายุราว ๆ 30 ปีแล้ว ซึ่งเป็นคนรับใช้ของบ้านตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรมากมายกับเธอ โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยพูดกันด้วยซ้ำ
“อื้อ แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอทำแบบนี้ ดูเหมือนสามีของเธอได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อหลายปีก่อน และกลายเป็นคนพิการ ดังนั้นเธอจึงต้องมาทำงานในเมืองเป่ยเฉิง........” หลิวหลี่ถงยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของเฉินฮวนฮวน นินทาเรื่องของเสี่ยวลี่ แต่ละประโยคเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเสี่ยวลี่
“เธอกำลังบอกว่า สามีของเสี่ยวลี่รถคว่ำจนกลายเป็นคนพิการ? และมีลูกชายอีกหนึ่งคน?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวลี่ผู้ดูซื่อตรงจะมีภูมิหลังครอบครัวแบบนี้
เธออดเห็นอกเห็นใจเสี่ยวลี่ขึ้นมาไม่ได้
“ใช่ค่ะ ลูกชายของเธอสิบขวบแล้ว กำลังขึ้นประถมเลย เสี่ยวลี่มักจะเอาผลการเรียนดีของลูกชายเธอมาอวดอยู่เสมอ เขาได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนเลยนะคะ แต่นั้นก็เป็นการวัดระดับการศึกษาในบ้านนอก ที่หนึ่งของบ้านนอก อาจจะเป็นที่โหลของในเมืองก็ได้!” หลิวหลี่ถงเห็นเฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางสนใจต่อเรื่องราวของเสี่ยวลี่ จึงเล่าเรื่องของเธอต่อ
ตอนนี้เธออยากตีสนิทกับเฉินฮวนฮวน จึงสรรหาหัวข้อต่าง ๆ มาพูดคุยกับเฉินฮวนฮวน แบบนี้ถึงจะสามารถเปิดใจของเฉินฮวนฮวนได้ และล้วงเอาความลับในตัวของเฉินฮวนฮวนออกมา
“ไม่แน่นะ เด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างก็เป็นนักเรียนยากจนทั้งสิ้น เพราะพวกเขามีความพยายามและความขยัน” เฉินฮวนฮวนไม่เห็นด้วยกับความคิดของหลิวหลี่ถง จึงพูดอีกครั้งว่า : “เด็กในครอบครัวที่มีฐานะยากจนจะกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกของเธอรู้ว่าแม่ของตัวเองต้องออกไปทำงานนอกเมืองด้วยความลำบาก พ่อก็ดันมาพิการ ดังนั้นเขาจึงยิ่งตั้งใจเรียนมากขึ้น เพื่อให้พ่อแม่ได้มีชีวิตที่ดี”
เหมือนกับเธอในตอนนั้น ตั้งใจเรียนเพื่อหวังมีอนาคตที่ดีในสักวัน พาคุณยายไปอยู่บ้านที่กว้างขวางขึ้น ไม่ต้องมาทนเบียดเสียดอยู่ในห้องพี่เลี้ยงขนาดเล็กแบบนี้
“อาจจะเป็นไปได้ หวังว่าลูกชายของเธอจะเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงต้องโทษเสี่ยวลี่แล้วล่ะที่เลือกจะเอาเงินเก็บส่งไปให้กับที่บ้านจนหมด” หลิวหลี่ถงรู้สึกว่าตัวเองและเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีภาษาที่เหมือนกัน จึงได้แต่ยักไหลอย่างไม่ใส่ใจนัก
“อื้อ หวังว่าจะเป็นแบบนี้” เฉินฮวนฮวนคาดหวังอยู่ในใจจริง ๆ คำพูดเหล่านั้นจึงไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนาที่ตัวเองพยายามสร้างขึ้นนั้นไปต่อไม่ได้ หลิวหลี่ถงแบะปากเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง และพูดว่า : “คุณนายสามคะ ให้ฉันช่วยคุณนายแต่งหน้าดีไหม?”
“เอาสิ งั้นก็รบกวนด้วยนะ” เฉินฮวนฮวนคลี่ยิ้ม นี่คือจุดประสงค์ที่เธอมา
เฉินฮวนฮวนนั่งตัวตรง จากนั้นก็หลับตาลง เธอคิดว่าแบบนี้น่าจะอำนวยความสะดวกในการแต่งงานให้กับหลิวหลี่ถงไม่น้อย
ทว่า เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเฉินฮวนฮวน ท่าทางที่กำลังรอให้คนมาปรนนิบัติรับใช้ตัวเอง หลิวหลี่ถงก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ในใจ
แต่เธอก็จนปัญญา เธอเป็นคนเรียกเฉินฮวนฮวนมาแต่งงานเอง จึงทำได้แค่ช่วยเฉินฮวนฮวนแต่งหน้าต่อไป
ในขณะที่กำลังแต่งหน้านั้น โทรศัพท์ของเฉินฮวนฮวนก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที และพบว่าเป็นสายของ หลินอวี่หยาง
“ฉันขอรับโทรศัพท์ก่อน” เฉินฮวนฮวนชี้ไปยังโทรศัพท์ของตัวเอง และพูดกับหลิวหลี่ถง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย