โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 219

“ไม่เลวหนิ ตรงเวลามาก ฉันคิดว่าเธอจะมาสายแล้วเสียอีก!”

อันหรันเดินผ่านไป ทันเหว่ยดึงโซฟาออกมาให้ไว้ให้อันหรันเรียบร้อยแล้ว และทำท่าทางที่เป็นมิตร

บริกรเดินมาถามเธอว่าต้องการเครื่องดื่มอะไร

อันรันเหลือบมองไปรอบๆ แล้วจึงสั่ง คาราเมลมัคคิอาโต้หนึ่งแก้ว

เธอมองไปที่ทันเหว่ยที่อยู่ด้านหน้าของเธอ ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความสดใส แต่ไม่รู้ว่าทำไมอันหรันถึงรู้สึกว่าทันเหว่ยมีเรื่องอะไรอยู่ภายในใจ

“ครั้งนี้ที่เธอเรียกฉันมา มีเรื่องอะไรไหม?” อันหรันเป็นคนเริ่มตั้งถามคำถาม

ทันเหว่ยยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “แค่นัดเจอเพื่อนเก่า ต้องมีเรื่องอะไรด้วยหรอ?”

อันหรันเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ดีแล้วที่เราได้ออกมาทานข้าวด้วยกันอีกครั้ง”

ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้ม นึกถึงช่วงเวลาที่ดีตอนที่พวกเขาอยู่ในโรงเรียน

คุยกันได้สักพัก บริกรก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ

ตอนนั้นอันหรันสังเกตเห็นทันเหว่ยที่กำลังหยิบกาแฟ มือของเธอสั่นเล็กน้อย

สำหรับคนปกติทั่วไป แค่ยกแก้วกาแฟเบาๆทำไมมือต้องสั่นด้วย

เธอขมวดคิ้วแล้วถามออกไปว่า “แขนของเธอไปโดนอะไรมา?”

ทันเหว่ยตกใจ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆว่า “เมื่อวานไม่ได้ระวังเลยไปชนกับอะไรสักอย่างเข้า”

แน่นอน ที่แขนเธอเป็นแบบนี้ เป็นเพราะเมื่อคืนหลังจากที่ฮัวเส้าซู่เปลี่ยนท่า เขาดึงแขนของเธอไว้และใส่เข้าไปอย่างเต็มแรง

อันหรันมีเรื่องไม่สบายใจ เธอลังเลว่าควรจะถามทันเหว่ยไปตรงๆเลยหรือเปล่า

เนื่องจากวันนี้ตอนที่เธอกำลังจะออกมา โทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวนอนของฮั่วเทียนหลันมันสว่างขึ้นและเธอก็เห็นข้อความที่ส่งมา

ในข้อความนั้นมีชื่อของฮัวเส้าซู่และทันเหว่ย อันหรันไม่ได้โง่ เธอก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง เธอเกือบจะเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้

และเมื่อเอามารวมกับเมื่อคืนวานที่ฮัวเส้าซู่ไม่ได้กลับบ้าน นั่นก็แสดงว่าเขากับทันเหว่ยอยู่ด้วยกัน

แต่ด้วยนิสัยของฮัวเส้าซู่ อันหรันที่เป็นพี่สะใภ้ของเขา ก็เข้าใจดีเหมือนกัน

สำหรับผู้ชายคนนี้ ทำไปก็เพื่อความสนุกเท่านั้น

“ทันเหว่ย ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอสักหน่อย” สุดท้ายอันหรันก็ตัดสินใจที่จะถามออกไป เธอไม่สามารถทนดูเพื่อนสนิทของเธอเดินไปในเส้นทางที่ผิดได้ไกลกว่านี้แล้ว

ทันเหว่ยมองไปที่อันหรันด้วยความประหลาดใจ หัวใจของเธอสั่นไหว และทันใดนั้นเธอก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“พูดออกมาได้เลย!”

“ตอนนี้เธอกำลังคบกับฮัวเส้าซู่ใช่ไหม?” อันหรันถาม

หลังจากที่พูดจบ เธอก็จ้องไปที่หน้าของทันเหว่ยอย่างจริงจัง

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะสงบเหมือนปกติ แต่แววตาของเธอนั้นกลับมีอะไรหลบซ่อนไว้ และมันทำให้อันหรันรู้ว่าเธอมีเรื่องอะไรปิดบัง

อันหรันถอนหายใจออกมา และยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ทันเหว่ยก็พูดขึ้นมาว่า “หรันหรัน เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่”

ทันเหว่ยกับฮัวเส้าซู่อยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องที่เธอจงใจให้เกิดขึ้น

ตระกูลทันต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลฮั่ว ถึงแม้ว่าที่มาอยู่กับฮัวเส้าซู่จะช่วยอะไรเธอได้เล็กน้อยก็ตาม

แต่ตระกูลทันมอบคำสั่งอย่างเด็ดขาดออกมา คือสั่งให้ทันเหว่ยเปลี่ยนฮัวเส้าซู่ให้กลายเป็นบ่อเงินบ่อทองของตระกูลทัน

และการที่จะทำให้เห็นผลดีที่สุด ก็คือการทำให้ฮัวเส้าซู่ได้เป็นผู้นำคนถัดไปของตระกูลฮั่ว

อันหรันอ้าปากค้าง เธออยากจะพูดออกมาเป็นพันๆคำ แต่ก็ย่อออกมาให้เหลือสั้นที่สุด “เธอต้องคิดให้ดีนะ ฮัวเส้าซู่ไม่ได้สนใจที่จะมาเป็นผู้นำของตระกูลฮั่ว”

อันหรันไม่กล้าพูด ว่าเธอเป็นคนที่เขาใจฮัวเส้าซู่มากที่สุด แต่สำหรับคนของตระกูลฮั่วแล้ว หลี่รูยาเป็นคนที่เข้าใจนิสัยของผู้ชายคนนี้มากที่สุด รองลงมาก็คือเธอ

ทันเหว่ยดื่มกาแฟที่เธอถือไว้จนหมด จึงพูดออกมาว่า “พอได้แล้ว ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว ที่ฉันนัดเธอออกมา ตอนแรกก็แค่อยากจะมาพบปะกันธรรมดา ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเดินเล่นกัน”

อันหรันตอบตกลง ทั้งสองคนเดินออกจากร้านกาแฟ และโจวหยวนที่อยู่อยู่แถวนั้นจึงตรงเข้ามาถามกับอันหรันว่า “คุณนายจะไปไหนหรอครับ?”

หลังจากอันหรันบอกถึงสถานที่ที่เธอจะไป หลิงหยูก็เปิดประตูรถ จากนั้นก็เชิญพวกเธอทั้งสองคนขึ้นรถไป

หลังจากมาถึงที่หมาย เดินออกมาจากหลิงหยู ทันเหว่ยก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่ได้ตาฝาดไปไหม นั่นคือผู้ช่วยส่วนตัวของฮั่วเทียนหลันใช่ไหม?”

อันหรันพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ฮั่วเทียนหลันให้เขามาดูแลฉัน”

“ไม่ไว้ใจฉัน?” ทันเหว่ยพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

อันหรันทำเหมือนว่าเธอเป็นใบ้ทันที และเธอก็รู้สึกว่า วันนี้ทันเหว่ยยากที่จะรับมือ อันหรันจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินต่อไป

“เธอดูชุดนี้สิ สวยมากเลย และมันก็เข้ากับสีผิวของเธอมาก” อันหรันหยิบเสื้อผ้าตัวนั้นยื่นไปให้ทันเหว่ย ทำให้ทันเหว่ยพูดไม่ออก

คนขายเสื้อผ้าพูดเสริมออกมาว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้มีผิวขาวเนียน และรูปร่างของเธอก็ดีเอาเสียมากๆ ซึ่งเหมาะกับชุดนี้มาก”

ทันเหว่ยไม่ได้ไปลองเสื้อผ้าชุดนั้น เธอหันไปมองที่กระจก เห็นอันหรันกำลังใส่เสื้อที่เธอเพิ่งจะเลือก มองดูแล้วไม่เลวเลย

ดังนั้นเธอจึงให้พนักงานขายเสื้อผ้าเอาชุดไปคิดเงิน แต่พนักงานยังเดินออกไปไม่ถึงสองก้าวก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังว่า “เสื้อผ้าชุดนี้ฉันจองเอาไว้แล้ว ทำไมถึงยังเอาออกมาขายอีกหละ?”

พนักงานตกใจ แต่เธอก็ทราบดีว่าเสียงของคนที่พูดนั้นคือลูกค้าประจำของทางร้าน ดังนั้นเธอจึงตอบกลับอย่างไม่สะดวกใจ “คุณฉินคะ เสื้อผ้าชุดนี้ถูกคุณผู้หญิงท่านนี้ซื้อไปแล้วค่ะ”

ฉินฟางเดินเข้ามา เธอดึงชุดที่อยู่ในอ้อมแขนของพนักงานออกไป แล้วทำเป็นดูชุดจากนั้นก็พูดออกมาว่า “เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เลว ก่อนหน้านี้ฉันได้จองมันไว้กับเจ้าของร้านนี้ไว้แล้ว ดังนั้นตอนนี้มันเป็นของฉันแล้ว”

ฉินฟางรู้ดีว่าเรื่องนี้ทำให้พนักงานต้องลำบากใจ แต่เพื่อสิ่งที่เธอต้องการนั้นเธอยอม

เมื่อวานทันเหว่ยกล้ามาทำให้เธอต้องขายหน้า เธอสาบานว่าจะทำให้ทันเหว่ยชดใช้อย่างสาสม

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หันมาเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆทันเหว่ย

ฉินฟางที่นึกว่าตัวเองเหนือกว่ามาโดยตลอด ตอนนี้เธอจึงรู้สึกอับอายเล็กน้อย

“พี่สะใภ้ ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?”

ฉินฟางพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้าของเธอ

อันหรันถึงกับนึ่งไป เธอไม่มีการตอบสนองใดๆ พี่สะใภ้?

ตอนนี้ทำให้ทันเหว่ยยิ้มแบบเยาะเย้ยแล้วพูดออกมาว่า “ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าคุณหนูฉินมีนิสัยคิดไปเองเสียด้วย!”

ฉินฟางยังไม่ทันได้พูดอะไร ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างกายเธอก็แทรกพูดขึ้นมาว่า “ทันเหว่ย ถ้าเธอไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด คุณหนูฉินเป็นคู่หมั้นกับลูกชายคนที่สามของตระกูลฮั่ว ฮัวเส้าซู่ มันก็ไม่แปลกที่จะได้จะได้มาเป็นน้องสะใภ้ของอันหรัน”

“ใช่หรอ?” ทันเหว่ยทำหน้านิ่ง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม

คนทั่วไปเขาก็รู้กันแบบนั้น แต่แค่ฮัวเส้าซู่ไม่ยอมรับ มันก็ไม่มีผลอะไรเลย

แค่ฉินฟางมองเห็นทันเหว่ย เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที แต่เมื่อเธอหันไปเห็นอันหรัน ฉินฟางก็รู้ตัวดีกว่าต้องสงบสติอารมณ์ลง

ถ้ามันมีเรื่องที่ไม่ควรทำ ก็ให้คนข้างกายของเธอทำแทน

“คุณหนูฉิน พวกคนที่คุณพามาด้วย เมื่อเทียบกับสถานะของคุณแล้ว พวกเธออาจจะทำให้คุณตกต่ำไป ผู้หญิงที่ทั่งสวยและมีชื่อเสียงในเมืองนี้อย่างคุณ เกรงว่าจะไม่มีใครเทียบคุณได้แล้ว”

ทันเหว่ยพูดอย่างรุนแรง อันหรันจึงมือเธอขึ้นมา เพื่อไม่ให้เธอเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้

ฉินฟางมีความแค้นอย่างรุนแรง ตระกูลฉิมีอิทธิพลในเมืองz มันเป็นเรื่องง่ายมากถ้าเธออยากจะแก้แค้นกับทันเหว่ย

ทันเหว่ยนำมือมาจับที่มือของอันหรันเบาๆ เพื่อบ่งบอกกับอันหรันว่าเธอสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

อันหรันมองทันเหว่ยอยู่นิ่งๆ ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ด้วยกัน เธอชื่นชมทันเหว่ยอยู่ตลอด

เนื่องจากเธอสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ดี และเธอก็รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร ทุกอย่างที่เธอทำออกมามันมักจะประสบความสำเร็จเสมอ

ฉินฟางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทันเหว่ย นี่เธอกำลังยั่วยุฉันอยู่หรอ?”

“มันก็ไม่ได้เชิงเป็นการยั่วยุ ไม่ใช่ว่าคุณหนูฉินเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในเมืองz นี่หรอกหรอคะ?”

ใบหน้าของฉินฟางเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งได้ถูกเรียกว่าผู้หญิงที่สูงศักดิ์และน่าเชื่อถือ

และหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะต้องทำอะไร หรือจะต้องหาวิธีไหน เพื่อให้เธอได้เป็นดังที่เธอปรารถนาเธอก็ยอมทำทั้งหมด

คนดัง โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงสุด เมื่อก่อนมันจะนำมาล้อเลียนคนของตระกูลฉิน

หนึ่งในนั้นมองมาที่อันหรันและพูดกับเธอว่า “คุณนายฮั่ว คุณหนูฉินก็เปรียบเสมือนน้องสาวของคุณ ผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าที่ยืนอยู่ข้างคุณ เธอพยายามที่จะยั่วยวนฮัวเส้าซู่ และยังจะมาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉินฟางและฮัวเส้าซู่มีปัญหา คนที่เป็นพี่สะใภ้อย่างคุณอย่างเข้าข้างคนผิด!”

พอพูดจบก็ยังหัวเราะเยาะเย้ยออกมา

ใบหน้าของทันเหว่ยเปลี่ยนไปทันที แต่เธอก็ยังทนคำพูดของพวกเขาได้ เพราะเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีมาแต่ไหนแต่ไร

แต่ว่าอันหรันไม่ยอม พวกเขากำลังพูดอะไรออกมา?

ไม่ว่าจะเวลาไหน อันหรันก็ต้องเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่เคยปล่อยให้เรื่องแบบนี้หลุดรอดไปได้

“เฉินเหม่ย คนที่ชอบเลียแข้งเลียขาอย่างเธอ ไม่ควรจะมาพูดอะไรที่นี่!”

เลียแข้งเลียขา? เธอจะไปทำกับใคร? เรื่องนี้ทุกคนก็รู้กันดี

สีหน้าของฉินฟางเปลี่ยนไปทันที มือข้างหนึ่งของเธอกำแน่นแล้วพูดออกมาว่า “ทันเหว่ย เธอไม่ต้องพยายามมายั่วยุฉันหรอก ฉันไม่หลงกลมันแน่ แม้ตอนนี้เธอกำลังปีนขึ้นไปบนเตียงของฮัวเส้าซู่ แต่ก็อย่าเพิ่งได้ใจไปนักเลย คนที่คุณหญิงฮั่วเอ็นดูมันคือฉัน อีกไม่นานก็จะทำพิธีหมั้นหมายกันแล้ว เส้าซู่ก็จะกลายมาเป็นคู่หมั้นของฉัน แล้วเธอก็จะ.....”

พอพูดถึงตรงนี้ ฉินฟางก็นึกถึงสภาพของทันเหว่ยที่ต้องกลายเป็นหมาหัวเน่า

ทันเหว่ยจึงพูดสวนกลับไปว่า “คุณหนูฉิน มีเรื่องหนึ่งที่คุณกำลังเข้าใจผิด คนที่คุณหญิงฮั่วเอ็นดูอาจจะเป็นคุณ แต่ฮัวเส้าซู่แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจคุณ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก แต่ถ้าคุณมีความสามารถ คุณก็สามารถไปปีนหัวเตียงของเขาได้เช่นกันนะ!”

ถึงแม้ว่าฉินฟางจะบอกกับตัวเองอยู่ตลอดว่าจะต้องใจเย็น ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ

แต่ไม่นานเธอก็อดไม่ได้ที่จะต้องด่าทันเหว่ยออกมา

ทันเหว่ยคนนี้มีภูมิหลังที่ร่ำรวยและได้รับการศึกษามาตั้งแต่ยังเด็ก และคุณจะมาด่าว่าเธอไม่มีการศึกษา ไร้ยางอายได้อย่างไร?

“ทันเหว่ย นี่แก แกเป็นตัวน่ารังเกียจของตระกูลทันจริงๆ!”

ฉินฟางยังคงรักษาภาพพจน์ของผู้หญิงบนโลกที่ควรจะเป็นอยู่ แต่คำพูดของทันเหว่ยนั้นมันรุนแรงเหลือเกิน

คุณที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เข้ามามุงดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และมีเสียงกระซิบออกมาว่า “ผู้หญิงคนนั้น เป็นมือที่สามหรือนี่?”

“เธอก็ดูออกจะสวย และยังเป็นลูกสาวของตระกูลดี สถานะของเธอออกจะสูงศักดิ์ ทำไมถึงมาเป็นมือที่สามของคนอื่นหละ? มือที่สามช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน”

“ผู้หญิงคนนั้นมาจากตระกูลทัน ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ส่วนคุณหนูฉินคนนั้นตระกูลของเธอเป็นตระกูลของนักวิชาการ ดูสิเธอกำลังยับยั้งชั่งใจอยู่!”

“นั่นก็คือ ก็คือ...”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉินฟางก็ยืดอกขึ้นมาทันที

แต่ในวินาทีต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงของทันเหว่ยพูดออกมาเบาๆว่า “ไม่ต้องแอ่นขึ้นมาแล้ว ด้วยขนาดของเธอ แอ่นขึ้นมามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง