โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 236

หลังจากที่อันหรันทานข้าวเช้าเสร็จ เธอก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหนึ่งเล่ม

แขนของเธอได้รับบาดเจ็บ เธอทำอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ดูหนังสือและนอนพักผ่อน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ป้าdingซื้อให้

ชื่อหนังสื่อนั้นธรรมดามาก :ทำอย่างไรถึงจะมัดใจผู้ชายได้

แต่เนื้อหาด้านในมีค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยใจ

หลังจากที่เธออ่านเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงกับผู้ชายมีเหตุให้เข้าใจผิดต้องจะทำอย่างไรถึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ เธอสงสัยอยู่สักพัก หลังจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และส่งข้อความไปให้ฮั่วเทียนหลันหนึ่งฉบับ “คุณฮั่ว ฉันขอโทษ เมื่อก่อนฉันมันหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคุณเลย”

หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลง เธอก็คิดขึ้นได้ว่า เมื่อก่อนระหว่างเธอกับฮั่วเทียนหลันมีเรื่องเข้าใจผิดกับมากมาย

แต่ในตอนที่เรื่องเข้าใจผิดเหล่านี้เกิดขึ้น ในตอนหลายๆเรื่องก็สามารถพูดความจริงออกไปได้

แต่พอสถานการณ์สงบลง คำพูดเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร

สำหรับความรู้สึกของฮั่วเทียนหลันแล้ว นั่นยิ่งทำให้เขาสับสนมากขึ้นไปอีก

เธอรักฮั่วเทียนหลันมาก รักจนเข้ากระดูกดำ

ไม่ว่าฮั่วเทียนหลันจะทำร้ายเธอหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่แค่เธอได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าต่อไป

อันหรันมองไปที่โทรศัพท์เพื่อรอการตอบกลับของฮั่วเทียนหลัน

ในโทรศัพท์ขึ้นว่าฮั่วเทียนหลันกำลังพิมพ์ขอความ แต่รอแล้วรออีกก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับมา

อันหรันยิ้มอย่างเจ็บปวดในใจ นี่เธอกำลังคาดหวังอะไร? หรือกำลังหวังว่าจะสามารถปรับความเข้าใจกับฮั่วเทียนหลันได้?

ชะตากรรมระหว่างเขากับเธอก็เหมือนลมกระโชกแรง

และถ้าหากเธอจะถูกพัดปลิวไป ฮั่วเทียนหลันก็คือคนที่ช่วยชีวิตของเธอไว้

เมื่อเธอหมดหนทางที่จะไปต่อ เขาก็จะช่วยเธอหาทางออก

แต่ว่าคนที่ช่วยเธอหาทางออกคนนี้ กับพาเธอไปพบกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่า

มีรักก็ต้องมีเกลียด แต่ว่าเกลียดที่เล็กน้อยก็ไม่สามารถมาเอาชนะความรักที่ยิ่งใหญ่ได้

อันหรันรักฮั่วเทียนหลัน รักมากจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

แต่ในตอนนี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

อันหรันไม่ได้รีบเปิดเข้าไปดู เธอมองไปที่โทรศัพท์และเห็นว่ามีจดหมายส่งเข้ามาทางวีแชท

ในใจของเธอยังคาดหวังอยู่เล็กน้อย จะใช่ฮั่วเทียนหลันไหม?

เขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร?

หลังจากที่ปลดล็อกโทรศัพท์แล้ว เธอก็ไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมาดู

สุดทางเธอก็ค่อยกางนิ้วมือของเธอออกเพื่อแอบดูทีละน้อยๆ

ข้อความที่ส่งมานั้นเป็นข้อความของฮั่วเทียนหลัน

“ไม่รัก”

เมื่อเธอได้เห็นคำตอบนั้นหัวใจของเธอก็พังทลายลงทันที เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

ไม่รัก?

เขาต้องการบอกเธอว่าอะไร? บอกให้เธอไม่ต้องเพ้อฝันกับอนาคตที่เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรอ?

ในหน้าและฝ่ามือของอันหรันซีดจางลง โทรศัพท์และหนังสือที่อยู่ในมือก็ล่วงหล่นลงมา

แท้จริงแล้วเธอไม่ควรจะไปหวังอะไรไว้ตั้งแต่แรก

ฮั่วเทียนหลันกำลังเข้าร่วมการประชุม หลังจากที่เขาได้รับข้อความเขาก็อยากจะตอบกลับไปทันที

แต่ในตอนนั้นฝ่ายการตลาดกำลังรายงานข้อมูลอยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงพิมพ์ไม่เสร็จและวางมันลง

หลังจากที่การรายงานสิ้นสุดลง เข้าก็ตอบเธอกลับไปว่าไม่เป็นไร

แต่เขาไม่ทันได้ระวังความแตกต่างของคำ และนั่นทำให้ความหมายเปลี่ยนไปอย่างมาก

หลังจากนั้นฮั่วเทียนหลันก็ไม่ค่อยได้กับบ้าน

นี่คือยุคที่รุ่งเรืองของ Fahrenheit Group บริษัทของเขาได้รับโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า และกำลังก้าวไปสู่ความเป็นยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ

อันหรันอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเลย

แต่วันที่เงียบสงบก็อยู่ได้ไม่นาน

อันหงไชและยี่เฉียวถง ไปที่บ้านใหญ่ของตระกูลฮั่ว

หลังจากพวกเขาทานข้าวที่นั้นเสร็จ พวกเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร บอกแค่ว่ามาพบปะกับมิตรสหาย และก็กลับไป

เพราะเรื่องนี้หลี่รูยาจึงเรียกให้ฮั่วเทียนหลันและอันหรันมาที่บ้าน

เนื่องจากงานของฮั่วเทียนหลันยุ่งมากเขาจึงไม่ได้มา หลังจากที่อันหรันไปถึง หลี่รูยาก็ถามกับอันหรันว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กลับไปบ้านเกิด?

กลับบ้านเกิด?

พอถึงถึงบ้านเกิด อันหรันก็คิดสำหรับตัวเองมันเป็นเพียงเรื่องตลก

เธอจะกลับไปที่ไหน?

คนในครอบครัวของเธอจากโลกนี้ไปหมดแล้ว!

แต่ว่าคำพูดนี้ เธอต้องเก็บเอาไว้ในใจ ไม่สามารถพูดกับหลี่รูยาได้

ในความต้องการของหลี่รูยา อันหรันและฮั่วเทียนหลันต้องกลับไปที่บ้านของตระกูลอัน

อันหรันไม่เต็มใจ แต่เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปปฏิเสธ

เธอโทรศัพท์ไปหาฮั่วเทียนหลัน บอกเรื่องที่หลี่รูยาสั่งให้พวกเขาสองคนกลับไปที่บ้านของตระกูลอัน

ฮั่วเทียนหลันตอบกลับมาว่า อ่า ไม่ได้รับปาก และก็ไม่ได้ปฏิเสธ

อันหรันจึงบอกกับฮั่วเทียนหลันอีกสามวันพวกเราจะไปที่นั่นกัน

สามวันต่อมา อันหรันรออยู่ในคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าจนถึงสิบเอ็ดโมง ฮั่วเทียนหลันก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา

เธอรอต่อไป สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว

อันหรันลุกขึ้น เธอขับรถไปที่บ้านเกิดของเธอด้วยตัวเอง

บนเบาะหลังและท้ายรถเต็มไปด้วยของขวัญนานาชนิด ซึ่งของเหล่านี้เป็นของที่หลี่รูยาเป็นคนเตรียมไว้

เธอขับรถมาถึงบ้านพักของตระกูลอันก่อนเที่ยง เมื่อมาถึงที่ประตูก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยหยุดเอาไว้

หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียด อันหรันก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

อันหรันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจ นั่นแสดงว่าตระกูลอันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนของตระกูลนี้อีกแล้ว

คนของตระกูลอันไม่ได้ออกมา อันหรันหยิบกล่องของขวัญสองกล่องออกมาจากรถแล้วเดินไปเคาะที่ประตู

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สิบครั้ง....

ความอดทนของอันหรันค่อยๆหมดไป แต่ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก

“เธอเป็นใคร?” คนแปลกหน้าที่ออกมาเปิดประตูถาม

“ฉันกลับมาที่บ้านเกิด” อันหรันพูดคำว่าบ้านเกิดออกมาอย่างลำบากใจ

เขาปล่อยให้เธอเข้าไป เมื่ออันหรันเข้ามาที่ห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงประชดประชันว่า “โอ้ คุณนายฮั่ว สุดท้ายก็กลับมาบ้านเกิดที่ซอมซ่อหลังนี้แล้ว?”

ยี่เฉียวถงนั่งบนโซฟา และเท้าข้างหนึ่งของเธอวางไว้บนโต๊ะ ข้างตัวของเธอมีคนกำลังทำความสะอาดเล็บให้เธออยู่

การใช้ชีวิตที่หรูหราเช่นนี้ ทำให้อันหรันขมวดคิ้วขึ้นมา

เธอวางของขวัญที่ถือมาด้วยพร้อมกับพูดว่า “ฉันเห็นพวกคุณกินดีอยู่ดีฉันก็สบายใจ งั้นฉันไปก่อนนะ”

อันหรันพูดจบ เธอก็เดินออกไปโดยไม่มีความลังเล

และอันหงไชที่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

เขารีบเข้ามาดึงมือของอันหรันไว้พร้อมพูดออกมาว่า “หรันหรัน นี่มันก็เที่ยงแล้ว อยู่ทานข้าวกับพวกเราสักเมื้อเถอะ!”

พอพูดจบ เขาก็มองออกไปที่หน้าประตูพร้อมกับถามขึ้นมาว่า “คุณฮั่วนั่งอยู่ในรถหรอ? ทำไมเขาไม่เข้ามา?”

อันหรันเม้มปากของเธอ และมองไปที่หน้าของอันหงไชพร้อมกับพูดว่า “ถ้าหากฉันบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แสดงว่าฉันก็ไม่ต้องทานข้าวมื้อนี้แล้วใช่ไหม?”

อันหงไชตกใจ เขายังไม่ได้พูดอะไรออกมา ยี่เฉียวถงที่นั่งอยู่ก็รู้สึกโกรธแทน

เธอจึงหยิบลูกแพรที่วางอยู่บนโต๊ะเขวี้ยงมาทางอันหรัน

“ยายเด็กคนนี้ เป็นไงหละ? เมื่อก่อนเคยหยิ่งยโสใส่ฉัน? หารู้ไหมว่า ตอนนี้ฉันกับยี่เฉียวถงกำลังเป็นปากเสียงแทนพ่อแม่ของเธอ?”

ลุงป้า? เมื่อนึกถึงคำนี้ในใจของอันหรันก็รู้สึกขบขันขึ้นมาทันที

คนสองคนนี้ทำอะไรได้บ้าง? นอกจากกดขี่และบีบรีดผลประโยชน์จากเธอ นอกนั้นพวกเขายังเคยทำอะไร?

“คุณพูดถูก” อันหรันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำ

เธอกลับมาที่นี่ก็เพื่อมาทำสิ่งนี้ พอทำเสร็จ เธอก็กลับ

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่บ้านของเธอ ในความคิดของเธอสิ่งที่เรียกว่าบ้านคือสถานที่ที่เธอเคยอยู่กับพ่อแม่ของเธอ

ดังนั้นสำหรับคนพวกนี้ แค่เธอเห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาแล้ว

ยี่เฉียวถงรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของอันหรัน เธอจึงขมวดคิ้วแล้วด่าอันหรันขึ้นมาทันที

อันหงไชหันไปมองที่ยี่เฉียวถง นั่นถึงทำให้เธอหยุดการกระทำนั้น

ยัยเด็กคนนี้ ยังคิดว่าตัวเองเป็นคุณนายของตระกูลฮั่ว

ตำแหน่งนี้เป็นของลูกสาวเธอ ไม่มีใครจะแย่งมันไปได้

เธอนั่งลงข้างๆอันหงไช หลังจากนั้นไม่นานก็มีแม่บ้านเข้ามารินน้ำชาให้ พอมาถึงคิวของอันหรัน

ยี่เฉียวถงก็พูดออกมาว่า “เธอไม่ดื่ม!”

แม่บ้านก็ยั้งมือไว้ หันหลังกลับ และเก็บแก้วชาที่วางอยู่หน้าอันหรันไป

คนรับใช้ที่นี่รู้กันดีว่า คำพูดของยี่เฉียวถงไม่สามารถขัดขืนได้

อันหรันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ยี่เฉียวถงอย่างเงียบๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา

แต่ในมุมมองยี่เฉียวถง เธอคิดว่าอันหรันไม่ได้สนใจเธอ

เธอจึงโกรธขึ้นมาทันที พูดออกมาเสียงทุ้มๆว่า “อันหรัน ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ทำไมเธอไม่รู้จักกอบโกยเงินมาบ้างหละ? เธออย่าคิดว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฮั่วแล้วจะนอนงอมืองอเท้าไปได้ตลอดชีวิตงั้นหรอ?”

อันหรันไม่ได้พูดอะไร เธอแค่เลื่อนดูข่าวในโทรศัพท์ของเธอ

ยี่เฉียวถงจึงลุกขึ้นมา แย่งโทรศัพท์ในมือของอันหรันไป และปามันลงไปที่พื้น แล้วด่าออกมาว่า “แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ? พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนหรือไง?”

คำพูดนี้ทำให้อันหรันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

เธอลุกขึ้นมา มือของเธอสั่นอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร พูดออกไปว่า “ยี่เฉียวถง มันจะมากเกินไปแล้ว!”

ยี่เฉียวถงยิ้มออกมาด้วยท่าทางเยาะเย้ย เอาหน้าของเธอยื่นมาให้อันหรันตบ พร้อมกับพูดว่า “มาสิ ตบมาสิ! แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าลูกสะใภ้ของตระกูลฮั่ว นิสัยที่แท้จริงของเธอมันเลวร้ายแค่ไหน!”

“พอแล้ว!”

เสียงตะโกนนี้ทำให้การทะเลาะของพวกเธอทั้งสองหยุดลง

อันหงไชมองมาที่อันหรันพร้อมกับพูดว่า “หรันหรัน เธอนั่งลงก่อน”

อันหรันมองไปที่ยี่เฉียวถงอย่างลึกซึ้ง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอไม่มีทางลืม

“ถ้าหากพวกคุณต้องการจะคุยกับฉันเรื่องเงินหละก็ ฉันจะบอกอะไรให้พวกคุณรู้เอาไว้ ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินของคนในตระกูลฮั่ว แต่ถ้าหากยังหน้าไม่อายหละก็ ก็ไปคุยกับฮั่วเทียนหลันเอา”

อันหรันพูดออกมาก่อนที่เธอจะนั่งลง

เธอรู้ดีว่า อันหงไชและยี่เฉียวถงไปที่บ้านของตระกูลฮั่วเพื่ออะไร และคำเตือนที่ดีที่สุดที่เธอจะบอกกับพวกเขาได้ก็คือ อย่างไปยุ่งกับพวกเขา

ยี่เฉียวถงกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกอันหงไชห้ามไว้และลากเธอไปนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟา

อันหงไชพูดออกมาว่า “หรันหรัน เราไปที่นั้นครั้งนี้ด้วยความเป็นมิตร พวกเราหมดหนทางแล้ว ไม่นานมานี้ An's Group ได้รับโครงการใหญ่มาหนึ่งโครงการ แต่เดิมคิดว่าเงินลงทุนสี่พันล้านน่าจะพอ แต่ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ตอนนี้พวกเราต้องการเงินเพิ่มจากเดิมอีกหนึ่งพันล้าน เธอคิดดู.....”

“ให้ฉันคิดอะไร?” อันหรันไม่สนใจเหตุผลของอันหงไช

“ไม่แปลกที่พ่อของเธอจะอายุสั้น” ยี่เฉียวถงพูดออกมาลอยๆ

“เธอหุบปากไป! เธอไม่มีสิทธิมาพูดถึงพ่อของฉัน!”

อันหรันทุบโต๊ะอย่างรุนแรง และตะคอกใส่ยี่เฉียวถงไปด้วยความโกรธ

ทุกคนล้วนมีขีดจำกัดเป็นของตัวเอง เธอเองก็เช่นกัน

เธอลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าขึ้นมาจากที่นั่ง เพื่อเตรียมที่จะออกจากที่นี้ ถ้ายังขืนอยู่ที่นี่ต้องไป เธอกลัวว่าเธออาจจะฆ่าคนไปโดยไม่รู้ตัว

แต่เธอเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีอะไรสักอย่างพุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเธอ ทำให้เธอเสียสมดุลในร่างกายไป สุดท้ายเธอก็ล้มลงไปที่พื้น

ความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่สมองของเธอทันที และมีอะไรของเหลวอุ่นๆไหลออกมาจากจมูกของเธอ

ยี่เฉียวถงก้มลงไป จับไปที่ผมของอันหรันพร้อมกับพูดออกมาว่า “วันนี้ต้องสอนให้เธอรู้สักหน่อย ว่าบ้านหลังนี้ใครใหญ่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง