อันหรันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายี่เฉียวถงจะกล้าทำกับเธอแบบนี้
เธออยากจะด่าเขากลับไป แต่เพียงแค่อ้าปากขึ้นก็ทนไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
อันหงไชไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น เขาเดินมาเพื่อผลักยี่เฉียวถงออกพร้อมพูดว่า “เธอบ้าไปแล้วหรอ?”
ยี่เฉียวถงตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เอาอะไรมาบอกว่าฉันบ้า? ยัยเด็กคนนี้มันไม่ยอมฟังที่พวกเราพูด คุณไม่เห็นหรือไง?”
อันหงไชพยุงอันหรันขึ้นมาจากพื้นและมานั่งลงบนโซฟา
เขาส่งสีหน้าไปให้คนรับใช้ ไม่นานก็มีคนรับใช้เอาผ้าขนหนูอุ่นๆมาให้
“คุณแลเป็นห่วงยัยเด็กคนนี้มาก ไม่ใช่ว่ามีเจตนาอะไรแอบแฝงหรอกนะ?”
ยี่เฉียวถงเห็นว่าอันหงไชไม่มีเหตุผลกับเธอ และยังทำท่าทางดูแลเอาใจใส่อันหรันเป็นอย่างดี
อันหงไชรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยที่ยี่เฉียวถงพูดออกไม่โดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะ
ในห้องรับแขกนี้มีคนรับใช้อยู่สามสี่คน เธอพูดออกมาแบบนี้ไม่คิดจะไว้หน้าเขาบ้างเลยหรอ?
“เธอ.....”
“เธออะไร? อันหงไช ในตอนที่คุณรู้จักกับฉันคุณอายุมากกว่าฉันถึงสิบปี และตอนนี้คุณไม่สนใจฉันแล้ว แต่กลับมาสนใจหลานสาวของตัวเองที่อายุน้อยกว่าตั้งยี่สิบปี
ยี่เฉียวถงไม่เคยยอมใครในเรื่องของการโต้เถียง
นี่เป็นครั้งแรกที่อันหงไชรู้เห็นยี่เฉียวถงเป็นคนที่จิตใจชั่วร้าย
มือของเขาสั่น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้าพอที่จะสั่งสอนภรรยาของเขา
และในตอนนี้ก็มีบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณท่าน คุณฮั่วมาแล้ว....”
บนใบหน้าของบอดี้การ์ดมีรอยนิ้วมือขนาดใหญ่ที่ชัดเจน 5 นิ้ว แดงออกมา
ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้ อันหงไชหัวเราะเบา ๆ ในใจและเขาก็ถามว่า “เป็นอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น?”
บอดี้การ์ดตอบกลับมาว่า “คุณไม่ได้บอกว่าถ้ามีใครเข้ามาให้ตรวจสอบอย่างละเอียดหรอ? ดังนั้นพวกผมก็เลย......”
พอบอดี้การ์ดพูดถึงตรงนี้ ประตูห้องก็ถูกถีบเข้ามา
ด้วยความกดดันที่รุนแรง ทำให้อันหงไชรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
เขายกมือขึ้นตบไปที่หน้าบอดี้การ์ดและด่าอย่างดุเดือด “มีตาหามีแววไม่ พวกแกมีสิทธิอะไร? ไปทำแบบนั้นกับเขา! ”
พอพูดจบ จึงเตะไปที่บอดี้การ์ด และส่งสายตาไปที่พวกเขา
บอดี้การ์ดลุกขึ้นอย่างกระวนกระวาน เมื่อเขาวิ่งผ่านฮั่วเทียนหลัน ก็ถูกฮั่วเทียนหลันเรียกให้หยุดไว้ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หยุดเดี๋ยวนี้!”
บอดี้การ์ดตัวสั่นและหยุดโดยไม่เต็มใจนัก
ฮั่วเทียนหลันมองไปที่หน้าของอันหงไช อันหงไชถึงพยายามทำหน้าตายิ้มแย้มและพูดออกมาว่า “ลูกเขย คุณมาแล้ว ทำไมไม่บอกฉันก่อนหละ?”
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้พูดอะไร มองไปที่อันหรันที่นั่งอยู่บนโซฟา ในมือของเธอถือผ้าขนหนูที่เปื้อนเลือด และดวงตาของเขาก็หลับลงโดยได้ตั้งใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ประโยคนี้ถามอันหรัน และก็ถามบอดี้การ์ดด้วย
เดิมที่บอดี้การ์ดที่ไม่เคยกลัวใคร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮั่วเทียนหลันแล้ว เขาตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก
“คุณฮั่ว ท่านประธาน เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับผม มันเป็นเพราะ.....”
พอเห็นว่าบอดี้การ์ดกำลังจะพูดออกมาว่ายี่เฉียวถงเป็นคนทำ
อันหงไชโกรธขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะคอกออกมา “มีแขกมาเยี่ยมเยียน แต่พวกแกกลับมาทำให้ฉันขายขี้หน้า ไสหัวไป!”
บอดี้การ์ดที่ถูกฮั่วเทียนหลันลากเข้ามาด้วยอีกสามคน เมื่อรู้ว่าเขาไม่เอาเรื่อวแล้ว ก็รีบวิ่งออกไปจนตัวสั่น
ฮั่วเทียนหลันเดินเข้ามา อันหงไชจึงรีบเข้ามารินชาให้เขา แต่ฮั่วเทียนหลันก็เดินผ่านอันหงไชไปอย่างไม่สนไป เขาเดินไปหาอันหรันแล้วพูดกับเธอที่อยู่ตรงหน้าว่า “เธอไปโดนอะไรมา?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถามออกมา บนพื้นมีคาบเลือดติดอยู่ แสดงว่าเมื่อสักครู่อันหรันต้องล้มลงไปแน่ๆ
แต่พื้นห้องนั่งเล่นนี้ทำด้วยหินอ่อน ถ้าอันหรันไม่ได้เล่นสเก็ตบอร์ดเธอจะล้มได้อย่างไรได้ยังไง?
อันหรันเม้มริมฝีปากเพื่อที่จะพูดออกมา แต่เธอยังไม่ได้ได้พูดยี่เฉียวถงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “เทียนหลัน หรันหรันไม่ระวัง เธอรีบเดินเข้ามาเกินไปเลยทำให้ลื่นล้ม! คุณเชิญนั่งก่อน ฉันจะรีบเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารกลางวันให้ อย่าเพิ่งรีบไปไหนนะ”
ตอนที่ยี่เฉียวถงเผชิญหน้ากับอันหรันตามลำพัง เธอเย่อหยิ่งราวกับว่าเธอเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับฮั่วเทียนหลัน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว เธอไม่สามารถต่อต้านอำนาจของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอคนนี้ได้
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ราวกับว่าในห้องนี้มีแค่เขากับอันหรัน
ยี่เฉียวถงถูกเมินเฉย เธอรู้สึกเจ็บใจ แต่ก็ไม่สามารถทำกิริยาท่าทางอย่างที่เคยเป็นได้
อันหงไชจึงส่งสายตาไปที่ยี่เฉียวถง เพื่อส่งสัญญาณให้เธอออกไปจากที่นี่ก่อน
“ฉันขอตัวไปห้องครัวก่อนนะ พวกคุณเชิญคุยกันไปก่อน”
เมื่อยี่เฉียวถงพูดเสร็จเธอก็รีบวิ่งเข้าห้องครัวไป คนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างเธอในตอนนี้กลับทำได้แค่ก้มหน้าและเดินเหงื่อตกออกไป
เธอด่าอันหรันในใจ ยัยเด็กคนนี้จงใจให้เรื่องราวเป็นแบบนี้แน่เลย
อันหรันล่อให้เธอลงมือกับเขาก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ฮั่วเทียนหลันเข้ามาจัดการเรื่องนี้
อันหงไชพูดออกมาว่า “เทียนหลัน เชิญนั่งก่อน! ที่นี่ก็เหมือนบ้านของเธอ ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”
ฮั่วเทียนหลันยังคงไม่พูดอะไร ทำให้อันหงไชรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย
เขาตะคอกใส่คนรับใช้ที่อยู่แถวนั้น “จะยืนเซ่ออะไรกันอยู่ตรงนั้น? ยังไม่รีบมาเปลี่ยนผ้าขนหนูให้คุณนายอีกหรอ?”
คนรับใช้รีบวิ่งไปทำตามคำสั่ง ในเวลาเดียวกันอันหงไชก็ก้มตัวมารินชาให้กับฮั่วเทียนหลัน
อันหรันมองไปที่ยี่เฉียวถง นี่เป็นครั้งแรกที่อันหรันแสดงสีหน้าออกมา
เธอยิ้มอย่างความประชดประชัน
เธอกลายเป็นคนของตะกูลอันตั้งแต่เมื่อไหร่?
เวลาที่เธอยิ้มออกมาเธอรู้สึกเจ็บปวด นั่นทำให้รอยยิ้มของเธอดูแปลกไป
จากนั้นคนรับใช้ก็นำผ้าขนหนูมายื่นให้เธอ อันหรันพูดออกไปว่า “ฉันอยากได้กระจกมากกว่า!”
คนรับใช้ไม่ได้ตอบรับคำสั่งนั้นทันที แต่เขากลับมองไปที่หน้าของอันหงไช
อันหงไชรู้สึกโกรธมาก เมื่อเห็นคนรับใช้มองมาที่เขา เขาก็รีบตะคอดออกไปว่า “จะมองฉันเพื่ออะไร? ไม่ได้ยินที่คุณนายสั่งหรือไง?”
“ไม่ได้เรื่อง ใครก็ได้เอามันออกไป แล้วก็เอาคนใหม่เข้ามา!”
บอดี้การ์ดที่ถอกไล่ออกไปเมื่อสักครู่ กลับเข้ามาแบบงงๆ
ในตอนนั้นคนรับใช้รู้สึกกลัวมาก เธอร้องขอความเมตตา ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่พวกเขาเรียกกันว่าพี่สาวคนโตพูดออกมาว่า “เธอแค่ประหม่าเล็กน้อยไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ ไปหยิบกระจกมาเถอะ!”
ตั้งแต่ฮั่วเทียนหลันเข้ามา เรื่องทุกเรื่องก็ง่ายขึ้นไปหมด
อันหงไชมองบอดี้การ์ดด้วยสายตา ทำให้เขารู้ตัวดีว่าควรจะออกไป และคนรับใช้ก็รีบนำกระจกมาให้อันหรัน
แววตาของเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณ ทำให้อันหรันปวดใจขึ้นมา
คนรับใช้คนนั้นเธอยังจำได้ดี ตอนแรกที่เธอเข้ามาที่นี่ เขามีท่าทีหยิ่งผยอง และไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอในฐานะคนของตระกูลอันเลย
แต่ในตอนที่เธอได้ช่วยเขาเอาไว้ เขาก็เปลี่ยนไป
เขาก็กระดิกหางเหมือนสุนัขที่กำลังขอความเมตตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง