โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 245

อันหรันเงยหน้าขึ้นมองฮั่วเทียนหลันที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร” อันหรันเอ่ยเสียงเบา

ฮั่วเทียนหลันแสยะยิ้มเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้คิดว่าคนอื่นเขาตาบอดหรือไงกัน

ออกไปข้างนอกก็ไม่หาที่หลบสายตาให้มันดีกว่านี้ แต่กลับยืนอยู่เยื้องกับประตูให้คนอื่นมองเห็นง่ายๆ

เมื่อกี้เขามองเห็นเหตุการณ์ชัดเจนตอนที่เกาฮั่นกุมมือของเธอ

เกาฮันนั่นคือน้องเขยของเขา!

ผู้หญิงคนนี้แม้แต่คนในบ้านก็ยังจะเอาอีกเหรอ ช่างน่าละอายเสียจริง

"ไม่เข้าใจก็เรื่องของเธอ แต่คราวหน้าก็ไปหาที่ที่มันลับตาคนกว่านี้หน่อยนะ จะได้ไม่มีใครเห็นว่าเธอทำอะไร"

ฮั่วเทียนหลันพูดจบก็เดินลงไปชั้นล่างทันที

อันหรันที่เดิมทีอยากจะขึ้นมาพักผ่อนที่ชั้นบน แต่ตอนนี้กลับไม่มีกะจิตกะใจจะทำเช่นนั้นแล้ว

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมตัวเธอถึงโชคร้ายขนาดนี้ก็ไม่รู้ ฮั่วเทียนหลันมองเห็นทุกอย่างที่เธอทำ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแท้ๆ แต่กลับไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย

เธอเดินตามฮั่วเทียนหลันไปเรื่อยๆ จนกลับเข้ามายังกลุ่มฝูงชนอีกครั้ง

ฮั่วเทียนหลันเดินไปยังจุดหมายอย่างชัดเจน ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตรงมุมห้อง

ตรงข้ามคือเกาฮั่นที่กำลังยกไวน์ขึ้นดื่ม และด้านข้างเป็นลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงคนหนึ่ง

หลังจากเกาฮั่นมองเห็นฮั่วเทียนหลันก็รีบเอ่ยขึ้น : "พี่ชายรอง"

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เขาหันไปหาลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง ก่อนเอ่ยขึ้น : "เธอพาพี่สะใภ้ออกไปเดินเล่นหน่อยสิ!"

หลังจากสองคนเดินห่างออกไปแล้ว ฮั่วเทียนหลันถึงเอ่ยขึ้น : "เสี่ยวน่าล่ะ"

วันนี้ทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เขากลับไม่เห็นหัวเสี่ยวน่ากลับมาที่บ้าน

แม้ว่าคุณแม่ฮัวจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ฮั่วเทียนหลันมองออกว่าเธอกำลังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เกาฮั่นยิ้มอย่างสุภาพ มือของเขาถือแก้วไวน์เอาไว้หนึ่งแก้ว ไวน์นี้เป็นไวน์ที่เก็บไว้มานานแล้ว พึ่งได้มีโอกาสนำมาให้แขกที่บ้านได้ลิ้มลอง

นี่คือคุณภาพของไวน์ชั้นยอด รสชาติของมันกลมกล่อมและมีกลิ่นที่หอมหวานเป็นอย่างมาก

"พี่รองครับ เมื่อกี้พี่สะใภ้ก็ถามผมแล้ว และได้โทรคุยกับนานาแล้วด้วย ถ้าหากว่าพี่ไม่สบายใจ ก็ลองถามพี่สะใภ้ดูอีกทีก็ได้"

ฮั่วเทียนหลันเอ่ย : "ฉันถามนาย!"

เกาฮั่นวางแก้วไวน์ลง ก่อนจะมองไปที่ฮั่วเทียนหลัน จากนั้นเอ่ยขึ้น : "ถ้าถามผม ผมก็จะบอกว่านานาไม่สบาย ก็เลยนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน"

ฮั่วเทียนหลันมองจ้องเกาฮั่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "งั้นตอนนี้ไปเยี่ยมเลยได้ไหม"

เกาฮั่นยักไหล่ก่อนจะอ่ยขึ้น : "ตามที่ต้องการเลยครับ!"

แม้ว่าหัวเสี่ยวน่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณแม่ แต่เธอก็เป็นดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยของครอบครัวฮัว

ฮั่วเทียนหลันลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก

เมื่อเดินผ่านหน้าอันหรันออกไป อันหรันเห็นพวกเขาทั้งสองคนออกมาด้วยกัน จึงรีบเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ : "เทียนหลัน พวกคุณจะไปไหนกัน"

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยตอบ เกาฮั่นจึงพูดขึ้นแทน : "พี่ชายรองเขาเห็นว่านานาไม่สบายก็เลยอยากจะไปดูสักหน่อยน่ะครับ"

แน่นอนว่าอันหรันรู้ว่าฮั่วเทียนหลันกำลังสงสัย

เธอเอื้อมมือไปจับมือของฮั่วเทียนหลัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "เทียนหลัน เมื่อกี้ฉันโทรหานานาแล้ว เธอไม่สบายจริงๆ"

ฮั่วเทียนหลันมองอันหรันอยู่นาน

ในตอนแรกอันหรันยังพอกล้าที่จะมองฮั่วเทียนหลันตรงๆ แต่คราวนี้เธอกลับก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างไม่กล้าสบตา

“เธอก็รวมหัวกับเขาหลอกฉันงั้นเหรอ” ทันทีที่ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาเช่นนั้น อันหรันก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาในใจทันที เมื่อรู้ว่าตนได้ทำอะไรผิดพลาดไป

ในตอนนี้เธออยากจะด่าตัวเองว่าโง่เสียจริง แม้แต่เธอยังดูออกเลย ทำไมฮั่วเทียนหลันถึงจะดูไม่ออกกันเล่า

ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เดินออกไป เขาทำเพียงหันกลับไปมองที่เกาฮั่นก่อนจะเอยขึ้น : "จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังติดต่อเสี่ยวน่าไม่ได้ และยังได้ยินมาว่าที่บ้านเกาจู่ๆก็มีบอดี้การ์ดเพิ่มมาสองสามคน หลังจากที่เสี่ยวน่าเข้าไปในบ้าน เธอก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย”

หน้าของเกาฮั่นเรียบนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ใช่ครับ"

ท่าทีเฉยเมยของเขาทำให้ฮั่วเทียนหลันโมโหขึ้นมาทันที

ฮั่วเทียนหลันก้าวไปข้างหน้าก่อนจะล็อกคอของเกาฮั่นแน่น จากนั้นเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง : “เกาฮั่น ทุกๆเรื่องย่อมมีขีดจำกัด เสี่ยวน่าเป็นภรรยาของนาย และเป็นคนของตระกูลฮัว ถ้าหากนายทำอะไรไม่ดีกับเธอ ฉันจะกำจัดตระกูลเกาไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก”

ประโยคนี้ของเขาเป็นการพูดข่มขู่ที่ค่อนข้างรุนแรง

แม้ว่าตระกูลเกาจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลฮัวแล้ว ก็ถือได้ว่ายังคงด้อยกว่ามาก

เกาฮั่นยื่นมือออกไปดึงมือของฮั่วเทียนหลันออกจากคอของตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย : "พี่ชายรองพูดเรื่องตลกอะไรอยู่ครับ นานาเป็นภรรยาของผม แน่นอนว่าผมต้องปกป้องเธออยู่แล้ว ส่วนครอบครัวฮัว... "

เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองคนใกล้จะปะทะกันเต็มทน อันหรันจึงรีบก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยขัดคำพูดของเกาฮั่นที่กำลังพูดยั่วยุ : "เอาล่ะๆ พวกคุณทั้งสองหยุดทะเลาะกันได้แล้ว เมื่อกี้คุณแม่มองมาทางนี้แล้ว"

อันหรันพูดออกมาตามความจริง ในระหว่างที่ฮั่วเทียนหลันและเกาฮั่นกำลังฟาดฟันกันอยู่นั้น มีผู้คนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ นายหญิงฮัวเองก็มองมาทางนี้อยู่หลายครั้งเช่นกัน

ฮั่วเทียนหลันสะบัดมืออันหรันออก ก่อนจะทำท่าฮึดฮัดแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

เกาฮั่นมองไปที่แผ่นหลังของฮั่วเทียนหลัน ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น : "ขอบคุณนะครับพี่สะใภ้"

อันหรันลังเลอยู่ครู่นึง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "เกาฮั่น ฉันไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับนานา แต่ฉันคิดว่าสามีภรรยาถ้าหากมีความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ควรจะเปิดใจคุยกันดีๆ อย่าทำเรื่องที่คิดว่ามันจะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังเลยนะ"

ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวฮัวครึกครื้นที่สุด

อันหรันและฮั่วเทียนหลันกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลฮัวสักพักเนื่องจากหลี่รูยาได้ขอไว้

ทุกวันจะมีญาติๆคอยเข้ามาเยี่ยมที่บ้านเสมอ พวกเขานำของขวัญมาให้มากมาย และยังมีหลายคนที่เตรียมของขวัญมาให้อันหรันเป็นพิเศษอีกด้วย

“เมื่อตอนเทียนหลันแต่งงาน พวกเราบังเอิญไปเที่ยวที่แอนตาร์กติกาพอดีก็เลยไม่สามารถมาร่วมงานแต่งได้ อันนี้คือสร้อยข้อมือโมราที่ดีที่สุดของอเมซอน เขาว่ากันว่าถ้าสวมใส่แล้วจะส่งผมดีต่อสุขภาพ และยังสามารถทำให้มีลูกได้เร็วขึ้นด้วยนะ”

ผู้พูดบรรยายสรรพคุณของสร้อยข้อมือเส้นนี้คือคุณแม่ของฮัวเฮารัน สตรีผู้มีออร่าที่ทรงพลังมาก

ในตระกูลฮัวหลี่รูยาได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีแข็งแกร่งหมายเลขหนึ่ง และหมายเลขสองนั้นก็คือมู่หนิงเมิ่งคนนี้นี่เอง

ลูกสาวของตระกูลมู่แสนร่ำรวย ที่นั่งครอง Mu Group มูลค่าถึงแสนล้านหยวน

"ขอบคุณค่ะคุณป้า หนูชอบของขวัญชิ้นนี้มากเลยค่ะ" อันหรันสวมใส่มันลงไปในมืออีกข้างหนึ่ง ของขวัญจากผู้ใหญ่นั้นถ้าเกรงใจไม่ยอมรับไว้มันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่

"ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องพูดเกรงใจอะไรเลย ว่าแต่ว่าเธอมีพี่สาวน้องสาวหรือเปล่า แนะนำให้เฮารันสักคนสิ ขอแบบอ่อนโยนมีสติปัญญาเช่นเธอแบบนี้ บางทีฉันก็รู้สึกอิจฉาหลี่รูยาเหมือนกันนะที่มีลูกชายดีเด่นขนาดนี้ อีกทั้งยังมีลูกสะใภ้ที่นุ่มนวลอ่อนหวานเช่นนี้อีก ”

มู่หนิงเมิ่งชอบอันหรันนั้นคือเรื่องจริง และสองคนก็มีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกันอีกด้วย

ในยุคที่ตลาดทุนมีอำนาจและบทบาท ตระกูลมู่ได้ละทิ้งงานวรรณกรรมต่างๆและเข้าร่วมกองทัพทหาร หลังจากก่อตั้งประเทศช่วงนั้นตรงกับช่วงที่ประเทศมีความปั่นป่วนเป็นอย่างมากพอดี พวกเขาจึงได้ละทิ้งงานราชงานหลวงต่างๆ แล้วนำเงินทุนที่พอสะสมมาได้ก้อนหนึ่งหนีออกนอกประเทศไป

แต่ความเป็นนักวิชาการของครอบครัวยังคงมีอยู่ การอบรมสั่งสอนที่เข้มงวดจากครอบครัว ได้สร้างมู่หนิงเมิ่งให้เป็นคนที่มีนิสัยสุขุมนุ่มลึก

และในตอนนี้ที่ทำให้เธอปวดหัวหนักนั่นก็คือลูกชายของเธอ ฮัวเฮารัน อายุอานามย่างเข้าเลขสามอยู่แล้ว แต่ก็ยังทำตัวไม่รีบร้อนอะไรเลย

"พี่เฮารันหล่อขนาดนั้น ทั้งยังเป็นทายาทเศรษฐีมีตังค์อีกด้วย แน่นอนว่าต้องมีผู้หญิงมากมายเข้าหาพี่เขาอยู่แล้ว แต่พี่เขาแค่เลือกเยอะไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ!" อันหรันยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

"เฮ้อ เขาอ่าดื้ออย่างกับอะไร คราวก่อนท่านประธานของ Hilton Group มาพบฉัน บอกว่าอยากแนะนำลูกสาวแกให้กับลูกชายฉัน เธอรู้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร เขาไม่โอเคที่คนตระกูลนั้นไม่ใช่คนเชื้อสายจีน! นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ยังจะมาเหยียดเชื้อชาติอยู่อีก...... " เมื่อพูดถึงฮัวเฮารัน มู่หนิงเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะแขวะขึ้นมา

อันหรันไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา เธอทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเคยนั่งฟังเธอบ่นอยู่เงียบๆ

มู่หนิงเมิ่งยังเล่าอีกว่าเพราะความเลือกมากของฮัวเฮารัน ทำให้คนนอกเอาไปพูดนินทาว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง...

ขณะนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ในน้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ : "คุณแม่ครับ อยู่ต่อสาธารณะเช่นนี้ยังจะพูดไปเรื่อยอีก!"

อันหรันเอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปที่ร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะยิ้มขึ้นเล็กน้อย : "พี่เฮารัน"

ฮัวเฮารันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปข้างหน้า แล้วทุบลงที่ไหล่ของคุณแม่เบาๆ แล้วพูดว่า : "คุณแม่พูดแบบนั้นไป ถ้าเกิดมีใครมาได้ยินเข้า เขาจะมองผมยังไงอ่า!"

มู่หนิงเมิ่งเหลือบมองไปที่ลูกชายเล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากแล้วเอ่ยขึ้น : "แกยังมีหน้าให้เสียด้วยเหรอ ดูเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับแกสิ เขาแต่งงานจนจะมีลูกคนที่สองอยู่แล้ว แล้วดูแกสิ ปีก่อนๆที่ฉันเร่งให้แกแต่งงานเพราะฉันอยากเลี้ยงหลาน ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ แต่แกกลับซื้อลูกหมามาให้ฉันเลี้ยงตั้งแปดตัว... "

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ อันหรันก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเก็บไม่อยู่

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฮัวเฮารัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนที่แสบได้ขนาดนี้

อันหรันเอ่ยขึ้นเสียงเบา : "คุณป้าคะ ที่จริงพี่เฮารันเขาสุดยอดมากเลยนะคะ ครั้งแรกที่หนูเจอเขาหนูยังอึ้งเลย ไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีคนหน้าตาดีได้ถึงเพียงนี้"

ทันทีที่อันหรันเอ่ยจบ ฮัวเฮารันก็รู้สึกหน้ากระตุกวูบขึ้นมาในทันที เขารู้สึกถึงสายตาพิฆาตที่กำลังจ้องมองมาจากทางด้านหลัง ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น : "ตอนนี้ฉันรู้สึกหนาวหลังแปลกๆล่ะ ถ้าหากเธอยังพูดชมต่อแบบนี้ ฉันคิดว่าเทียนหลันได้เข้ามาฆ่าฉันตายก่อนแน่!”

อันหรันมองไปทางด้านข้างเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด

ฮั่วเทียนหลันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ฮั่วเทียนหลันมองมาอันหรันอย่างต้องการสื่อความหมายว่าให้เธอแสดงละครต่อไป

มู่หนิงเมิ่งหันหลังกลับไปมองฮั่วเทียนหลัน ก่อนจะกวักมือเรียกเขาเข้ามานั่งด้วย : "มาเร็ว เทียนหลันมานั่งกับป้าเร็ว"

ฮั่วเทียนหลันยกยิ้มให้เธออย่างจริงใจ ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วนั่งลง

มู่หนิงเมิ่งจับมือของเขา จากนั้นบีบเข้าที่แขน แล้วใช้ลูบไปที่ขาของเขาอีกที สุดท้ายมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ยังดีที่ไม่ได้ผอมลงมากนัก แสดงว่าปีนี้ไม่ได้ปล่อยตัวจนเกินไป"

ตอนที่อยู่ด้วยกันกับคนในครอบครัว มู่หนิงเมิ่งมักจะแสดงท่าทีอ่อนโยนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เมื่อได้ยินที่มู่หนิงเมิ่งพูด ฮั่วเทียนหลันมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ความสัมพันธ์ระหว่างฮั่วเทียนหลันและมู่หนิงเมิ่งนั้นดีมาก ในช่วงที่ครอบครัวฮัวมีปัญหา ญาติหลายคนต่างก็พากันคอยเหยียบซ้ำ

มีเพียงมู่หนิงเมิ่งและสามีของเธอเท่านั้นที่คอยสนับสนุนหลี่รูยามาเสมอ พร้อมทั้งกล่าวตักเตือนถึงคนที่มีเจตนาไม่ดีต่อพวกเขา นอกจากนั้นเธอยังให้หลี่รูยาดำรงตำแหน่งประธานของ Fahrenheit Group อีกด้วย

ขณะนั้นเอง ฮัวเฮารันที่นั่งอยู่ด้านข้างเกิดนึกสนุกขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้น : "น้องสะใภ้ เธอว่าฉันหรือว่าเทียนหลันของเธอที่หล่อกว่ากัน ที่เธอพูดเมื่อกี้ฉันยังจำได้ชัดอยู่เลยนะ!"

สายตาอันเฉียบคมของฮั่วเทียนหลันเหลือบมองไปที่อันหรันทันที

อันหรันรู้สึกตัวหดลงเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะตกลงไปในหลุมอีกครั้ง เพราะคำถามที่ฮัวเฮารันเอ่ยถามขึ้นมานั้น มันเป็นคำถามที่ต้องการฆ่าเธอชัดๆเลย

เธออ้าปากค้าง ก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกักว่า : "เอ่อ...สายเลือดของตระกูลฮัวนั้น ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วก็ ฉันชอบผู้ชายที่หล่อเย็นชาอย่างเทียนหลัน ส่วนพี่เฮารันนั้นมีความรู้ดูสง่า ฉันคิดว่าน่าจะเป็นที่นิยมของสาวๆคนอื่น……”

คำตอบของอันหรันราวกับกำลังเล่นสำบัดสำนวน แต่เธอก็รู้สึกว่าดวงตาอันแหลมคมของเทียนหลันนั้นเริ่มอ่อนลงมากแล้ว เธอถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความโล่งอก ดูท่าว่าเธอคงจะหลุดพ้นแล้วล่ะมั้ง

ขณะนั้นเองมู่หนิงเมิ่งยื่นมือออกไปบีบเข้าที่แขนของฮัวเฮารัน ก่อนจะเอ่ย : "แกพูดก่อเรื่องอีกแล้วนะ ไม่ต้องพูดถึงหัวข้อนี้อีกเลย"

เห็นดังนั้น ฮัวเฮารันจึงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ : "คุณแม่ครับ ผมไปก่อเรื่องอะไรที่ไหนกัน น้องสะใภ้บอกว่าอย่างผมจะต้องมีผู้หญิงมาชอบเยอะแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนตัวเองเลย!"

“ในเมื่อน้องสะใภ้พูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ให้เธอรับผิดชอบด้วยการหาแฟนให้ผมแล้วกัน อนาคตของผมตกอยู่ในมือของน้องสะใภ้แล้วนะครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง